สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างกองทัพกับหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการคลี่คลายแล้ว หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ออกมากล่าวคำขอโทษที่กำลังพลผู้ใต้บังคับบัญชาตบเท้าแสดงพลังที่หน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ถึงสองวันซ้อน
แต่ปรากฏการณ์คนในเครื่องแบบสีเขียวยกพลมาประท้วงและถือเป็นรูปแบบการคุกคามสื่อ ยังเป็นประเด็นที่พูดกันอีกนาน
ก่อนหน้าที่ทหารจะบุกเอเอสทีวี เกิดกรณีการตอบโต้ระหว่างหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศว่า ไอ้หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการห่วย หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการก็เขียนบทนำประณามพฤติกรรมของ ผบ.ทบ.คนนี้
ความขัดแย้งระหว่าง ผบ.ทบ.กับหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ สุมอยู่มานานแล้ว และไม่ได้เป็นความขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นความขัดแย้งที่เกิดจากการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย
ตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และเลื่อนตำแหน่งเป็นรอง ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์คือนายทหารที่ประชาชนตั้งความหวังสูง เพราะแม้ไม่ได้แสดงออก แต่ก็ทราบกันว่า
พล.อ.ประยุทธ์ต่อต้านระบอบทักษิณ
แต่หลังจากรับตำแหน่ง ผบ.ทบ. ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป คำประกาศแข็งกร้าวจัดการกับขบวนการล้มล้างสถาบัน จาบจ้วงพระมหากษัตริย์เริ่มเงียบหาย และแม้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองที่วุ่นวายในหลายเหตุการณ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงชาติ พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่แสดงจุดยืนว่า ทหารจะทำหน้าที่รักษาความมั่นคงอย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์เปลี่ยนไปมาก และไม่รู้ว่าเจออะไรเข้าไป จึงดูเหมือนจะศิโรราบให้ระบอบทักษิณไปแล้ว แม้ไทยใกล้สูญเสียดินแดนบริเวณเขาพระวิหาร ก็ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ทหารแตงโมที่ปะปนอยู่ในกองทัพ หมายถึงทหารที่ไม่มีความจงรักภักดีต่อสถาบัน โดยหันไปรับใช้ระบอบบทักษิณ ยอมตัวเป็นขี้ข้าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และไม่มีใครแน่ใจว่า พล.อ.ประยุทธ์กลายพันธุ์เป็นทหารแตงโมหรือไม่ทีเดียว
การเปลี่ยนไปของ พล.อ.ประยุทธ์ ประชาชนสัมผัสได้จากการแสดงจุดยืนต่อหลายปัญหาที่กระทบต่อสถาบัน กระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ หรือกระทบต่ออธิปไตยของชาติ
สื่อมีหน้าที่สะท้อนกระแสสังคมที่จับจ้อง พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น เพียงแต่หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ สะท้อนปฏิกิริยาจากสังคมอย่างแหลมคม ขณะที่สื่อส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบัน จะหลีกเลี่ยงการนำเสนอข้อเท็จจริงในสังคม เพื่อป้องกันผลกระทบผลประโยชน์ของตัวเอง
หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ จึงไม่เป็นที่พอใจของ ผบ.ทบ. และที่สุดก็เก็บความรู้สึกไม่พอใจไว้ไม่อยู่ และระเบิดอารมณ์ด่ากราดออกมา จนเกิดปฏิบัติการปกป้อง “นาย” จากนายทหารที่ชอบเชลียร์เพื่อหวังตำแหน่ง
ปฏิบัติการคุกคามสื่อของทหาร ไม่แตกต่างจากปฏิบัติการคุกคามพรรคประชาธิปัตย์ของตำรวจ และทำให้ภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่แตกต่างจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ทั้งที่ศักดิ์ศรีของทหารดีกว่าตำรวจมาก และพล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังไม่ปฏิบัติตัวได้น่ารังเกลียดเหมือน พล.ต.ท.คำรณวิทย์
ข้ออ้างการบุกหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของทหารฟังไม่ขึ้นแน่ เพราะมีหลายกรณีที่กองทัพถูกเหยียดหยาม ถูกดูหมิ่น ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีแทบไม่มีชิ้นดี
แต่ทหารมุดหัวไปอยู่ที่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ทำอะไร ทำไมจึงไม่ออกมาปกป้องศักดิ์ศรีของกองทัพ
กองทัพถูกกลุ่มคนเสื้อแดงจิกหัวโจมตีกองทัพแทบทุกวัน ดีเอสไอมีความพยายามยัดเยียดข้อหาการเป็นฆาตกรเข่นฆ่าประชาชนให้ทหาร รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเข้ามาแทรกแซงกองทัพ แต่งตั้งโยกย้ายปลัดกระทรวงกลาโหม และแม้แต่การสังหาร พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อย่างโหดเหี้ยม ระหว่างปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ แต่ไม่เห็นทหารหน้าไหนออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมสักคน
แต่เพียง ผบ.ทบ.ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทหารน้อยใหญ่กลับแสดงความเดือดแค้นนัก หรือเห็นว่าสื่อเอเอสทีวีมีแต่มือเปล่า ไม่มีอำนาจรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนุนหลัง จึงทำตัวเป็นนักเลงโตมาข่มขู่
กองทัพเป็นเพียงนามธรรม ไม่สามารถให้คุณให้โทษกับนายทหารคนใดได้ ศักดิ์ศรีของกองทัพ จึงไม่มีความหมายกับทหารที่ไร้ศักดิ์ศรี แต่ ผบ.ทบ.ให้คุณให้โทษกับทหารทุกคนได้ จึงเกิดปฏิบัติการเชลียร์นาย
ถ้าทหารหยิ่งในศักดิ์ศรีของกองทัพจริง คงไม่ปล่อยให้คนเสื้อแดงตะโกนด่ากองทัพไม่เว้นแต่ละวันหลายปีติดต่อกัน แต่ที่ผ่านมา ใครด่ากองทัพก็ด่าไป แต่ด่า ผบ.ทบ.เท่านั้น โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาเชียว
อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการคุมคามสื่อก็จบลงแล้ว และจบด้วยดีเสียด้วย ซึ่งต้องยอมรับความเป็นชายชาติทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เพราะเมื่อรู้ว่าทหารทำผิด ทหารทำพลาด ผบ.ทบ.ก็แสดงความเป็นลูกผู้ชายจริง ออกมากล่าวคำขอโทษต่อสังคม และเชื่อว่า สื่อก็คงไม่ติดใจเอาความ ถือว่าเลิกแล้วต่อกัน กลับมาเข้าใจกัน โดยต่างฝ่ายต่างกลับไปก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเท่านั้น
ถึงแม้กองทัพยุคนี้จะไม่ได้ดั่งใจประชาชน แม้ ผบ.ทบ.คนนี้จะทำให้ประชาชนรู้สึกผิดหวัง แต่การแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ ยอมรับในความผิดของทหาร ดับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสื่อกับกองทัพที่มีแนวโน้มลุกลามบานปลาย ก็ต้องชมเชยว่า
ต้องถือว่าทหารยังดีกว่าตำรวจ ทหารยังมีความละอายแก่ใจ ทหารยังไม่แสดงความเป็น “ขี้ข้า” รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูเหมือนนายตำรวจใหญ่หลายคน
และยังเหลือความหวังเล็กๆ ว่า สักวันหนึ่ง ทหารจะมีส่วนร่วมกับประชาชน กอบกู้ชาติที่กำลังล่มจมเพราะน้ำมือของรัฐบาลหุ่นเชิด “ทักษิณ”
คำขอโทษเพียงคำเดียว ทำให้ความรู้สึกดีๆ คืนกลับมาสู่ ผบ.ทบ.คนนี้ไม่น้อย
แต่ปรากฏการณ์คนในเครื่องแบบสีเขียวยกพลมาประท้วงและถือเป็นรูปแบบการคุกคามสื่อ ยังเป็นประเด็นที่พูดกันอีกนาน
ก่อนหน้าที่ทหารจะบุกเอเอสทีวี เกิดกรณีการตอบโต้ระหว่างหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศว่า ไอ้หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการห่วย หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการก็เขียนบทนำประณามพฤติกรรมของ ผบ.ทบ.คนนี้
ความขัดแย้งระหว่าง ผบ.ทบ.กับหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ สุมอยู่มานานแล้ว และไม่ได้เป็นความขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นความขัดแย้งที่เกิดจากการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย
ตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และเลื่อนตำแหน่งเป็นรอง ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์คือนายทหารที่ประชาชนตั้งความหวังสูง เพราะแม้ไม่ได้แสดงออก แต่ก็ทราบกันว่า
พล.อ.ประยุทธ์ต่อต้านระบอบทักษิณ
แต่หลังจากรับตำแหน่ง ผบ.ทบ. ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป คำประกาศแข็งกร้าวจัดการกับขบวนการล้มล้างสถาบัน จาบจ้วงพระมหากษัตริย์เริ่มเงียบหาย และแม้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองที่วุ่นวายในหลายเหตุการณ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงชาติ พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่แสดงจุดยืนว่า ทหารจะทำหน้าที่รักษาความมั่นคงอย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์เปลี่ยนไปมาก และไม่รู้ว่าเจออะไรเข้าไป จึงดูเหมือนจะศิโรราบให้ระบอบทักษิณไปแล้ว แม้ไทยใกล้สูญเสียดินแดนบริเวณเขาพระวิหาร ก็ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ทหารแตงโมที่ปะปนอยู่ในกองทัพ หมายถึงทหารที่ไม่มีความจงรักภักดีต่อสถาบัน โดยหันไปรับใช้ระบอบบทักษิณ ยอมตัวเป็นขี้ข้าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และไม่มีใครแน่ใจว่า พล.อ.ประยุทธ์กลายพันธุ์เป็นทหารแตงโมหรือไม่ทีเดียว
การเปลี่ยนไปของ พล.อ.ประยุทธ์ ประชาชนสัมผัสได้จากการแสดงจุดยืนต่อหลายปัญหาที่กระทบต่อสถาบัน กระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ หรือกระทบต่ออธิปไตยของชาติ
สื่อมีหน้าที่สะท้อนกระแสสังคมที่จับจ้อง พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น เพียงแต่หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ สะท้อนปฏิกิริยาจากสังคมอย่างแหลมคม ขณะที่สื่อส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบัน จะหลีกเลี่ยงการนำเสนอข้อเท็จจริงในสังคม เพื่อป้องกันผลกระทบผลประโยชน์ของตัวเอง
หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ จึงไม่เป็นที่พอใจของ ผบ.ทบ. และที่สุดก็เก็บความรู้สึกไม่พอใจไว้ไม่อยู่ และระเบิดอารมณ์ด่ากราดออกมา จนเกิดปฏิบัติการปกป้อง “นาย” จากนายทหารที่ชอบเชลียร์เพื่อหวังตำแหน่ง
ปฏิบัติการคุกคามสื่อของทหาร ไม่แตกต่างจากปฏิบัติการคุกคามพรรคประชาธิปัตย์ของตำรวจ และทำให้ภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่แตกต่างจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ทั้งที่ศักดิ์ศรีของทหารดีกว่าตำรวจมาก และพล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังไม่ปฏิบัติตัวได้น่ารังเกลียดเหมือน พล.ต.ท.คำรณวิทย์
ข้ออ้างการบุกหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของทหารฟังไม่ขึ้นแน่ เพราะมีหลายกรณีที่กองทัพถูกเหยียดหยาม ถูกดูหมิ่น ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีแทบไม่มีชิ้นดี
แต่ทหารมุดหัวไปอยู่ที่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ทำอะไร ทำไมจึงไม่ออกมาปกป้องศักดิ์ศรีของกองทัพ
กองทัพถูกกลุ่มคนเสื้อแดงจิกหัวโจมตีกองทัพแทบทุกวัน ดีเอสไอมีความพยายามยัดเยียดข้อหาการเป็นฆาตกรเข่นฆ่าประชาชนให้ทหาร รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเข้ามาแทรกแซงกองทัพ แต่งตั้งโยกย้ายปลัดกระทรวงกลาโหม และแม้แต่การสังหาร พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อย่างโหดเหี้ยม ระหว่างปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ แต่ไม่เห็นทหารหน้าไหนออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมสักคน
แต่เพียง ผบ.ทบ.ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทหารน้อยใหญ่กลับแสดงความเดือดแค้นนัก หรือเห็นว่าสื่อเอเอสทีวีมีแต่มือเปล่า ไม่มีอำนาจรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนุนหลัง จึงทำตัวเป็นนักเลงโตมาข่มขู่
กองทัพเป็นเพียงนามธรรม ไม่สามารถให้คุณให้โทษกับนายทหารคนใดได้ ศักดิ์ศรีของกองทัพ จึงไม่มีความหมายกับทหารที่ไร้ศักดิ์ศรี แต่ ผบ.ทบ.ให้คุณให้โทษกับทหารทุกคนได้ จึงเกิดปฏิบัติการเชลียร์นาย
ถ้าทหารหยิ่งในศักดิ์ศรีของกองทัพจริง คงไม่ปล่อยให้คนเสื้อแดงตะโกนด่ากองทัพไม่เว้นแต่ละวันหลายปีติดต่อกัน แต่ที่ผ่านมา ใครด่ากองทัพก็ด่าไป แต่ด่า ผบ.ทบ.เท่านั้น โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาเชียว
อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการคุมคามสื่อก็จบลงแล้ว และจบด้วยดีเสียด้วย ซึ่งต้องยอมรับความเป็นชายชาติทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เพราะเมื่อรู้ว่าทหารทำผิด ทหารทำพลาด ผบ.ทบ.ก็แสดงความเป็นลูกผู้ชายจริง ออกมากล่าวคำขอโทษต่อสังคม และเชื่อว่า สื่อก็คงไม่ติดใจเอาความ ถือว่าเลิกแล้วต่อกัน กลับมาเข้าใจกัน โดยต่างฝ่ายต่างกลับไปก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเท่านั้น
ถึงแม้กองทัพยุคนี้จะไม่ได้ดั่งใจประชาชน แม้ ผบ.ทบ.คนนี้จะทำให้ประชาชนรู้สึกผิดหวัง แต่การแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ ยอมรับในความผิดของทหาร ดับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสื่อกับกองทัพที่มีแนวโน้มลุกลามบานปลาย ก็ต้องชมเชยว่า
ต้องถือว่าทหารยังดีกว่าตำรวจ ทหารยังมีความละอายแก่ใจ ทหารยังไม่แสดงความเป็น “ขี้ข้า” รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูเหมือนนายตำรวจใหญ่หลายคน
และยังเหลือความหวังเล็กๆ ว่า สักวันหนึ่ง ทหารจะมีส่วนร่วมกับประชาชน กอบกู้ชาติที่กำลังล่มจมเพราะน้ำมือของรัฐบาลหุ่นเชิด “ทักษิณ”
คำขอโทษเพียงคำเดียว ทำให้ความรู้สึกดีๆ คืนกลับมาสู่ ผบ.ทบ.คนนี้ไม่น้อย