มีทหารจากหลายหน่วยมาเคลื่อนไหวประท้วงหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการว่าลงข่าวโจมตีผบ.ทบ.โดยออกมาเคลื่อนไหวถึงสองครั้ง โดยครั้งที่สองเรียกร้องให้หนังสือพิมพ์ของเราออกมาขอโทษและแสดงความไม่พอใจที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวดังกล่าว โดย จ.ส.อ.ชัยณัฐฎ์ โชคสถานทิพย์ ทหารผู้หนึ่งกล่าวผ่านโทรโข่งว่าพวกตนเดินทางมาที่บ้านพระอาทิตย์ไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน และไม่ได้ออกมาปกป้อง ผบ.ทบ.แต่เดินทางมาในฐานะประชาชนที่รักกองทัพบกเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมไม่อยากให้สื่อใช้คำพูดให้ร้ายกองทัพจนทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ซึ่งหากหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการยอมออกมาขอโทษกองทัพบกก็จะให้อภัยและถือว่าจบกันไป
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ทหารออกมาเคลื่อนไหวอยู่นั้นประชาชนต่างก็ไม่พอใจที่ทหารมีพฤติการณ์ข่มขู่สื่อ และแสดงความไม่พอใจเข้ามาต่อว่ากลุ่มทหารโดยกล่าวว่าวันนี้เป็นวันเด็กไม่สมควรจะมาทำอะไรแบบนี้ เมื่อสถานการณ์ทำท่าจะลุกลามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงครามต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายจนกระทั่งทหารได้แยกย้ายกันเดินทางกลับไป ประชาชนที่รู้ข่าวต่างก็เดินทางมารวมตัวกันที่บ้านพระอาทิตย์จำนวนมากเพื่อป้องกันไม่ให้ทหารกลับมาอีก
การแสดงพลังของทหารครั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ว่าการรวมตัวของทหารที่หน้าบริเวณสำนักงานหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสามารถทำได้ไม่ผิดกฎหมาย เขาปกป้องกองทัพไม่ได้ปกป้องตนส่วนที่มีความกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์บานปลายได้นั้น ในส่วนตนคิดว่าไม่บานปลายถ้าสื่อไม่ขยายความ
ขณะเดียวกัน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการไปยังผู้บังคับหน่วยของกองทัพบกให้ยุติการเคลื่อนไหวแล้วโดยขอให้อภัยกัน สังคมจะได้ไม่เข้าใจทหารไปในทางที่ผิด
พล.ท.ไพบูลย์ คุ้มฉายา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่าทหารที่เดินทางไปแสดงออกในความเป็นทหารไม่ได้ไปข่มขู่ และยอมรับว่าก่อนที่ทหารเหล่านั้นจะเดินทางไปก็ได้มาขออนุญาตกับตนแล้ว คิดว่าเมื่อเขาอยากทำก็ให้ทำ ตนจึงอนุญาตให้ไปเพราะจะไปจำกัดสิทธิที่เขาจะแสดงออกต่อผู้บังคับบัญชาไม่ได้ แต่ได้บอกว่าอย่าทำผิดกฏหมายต้องทำบนพื้นฐานการเคารพสิทธิของผู้อื่นและเคารพกฎหมายของบ้านเมือง
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์เรื่องขอให้ยุติการคุกคามสื่อมวลชน โดยแถลงการณ์ระบุว่า จากกรณีที่มีข้าราชการทหารในเครื่องแบบ สังกัดกองทัพบกกลุ่มหนึ่งเดินทางไปชุมนุมที่บริเวณหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันศุกร์ที่ 11 มกราคม และวันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้สื่อในเครือ ASTV ผู้จัดการขอโทษผู้บัญชาการทหารบก เนื่องจากเห็นว่าสื่อในเครือ ASTV ผู้จัดการเสนอข่าวและวิพากษ์วิจารณ์ผู้บัญชาการทหารบกด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพ โดยอ้างว่าเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีผู้บังคับบัญชาและกองทัพ นอกจากนี้กองทัพบกยังได้ออกคำสั่งห้ามผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการและสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีเข้ามาทำข่าวในกองบัญชาการกองทัพบกด้วย
จากเหตุการณ์ดังกล่าว สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เห็นว่าการกระทำของข้าราชการทหารดังกล่าวเข้าข่ายคุกคามการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ใช้สิทธิในการเสนอข่าว และแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งหากมีผู้ใดไม่พอใจการนำเสนอข่าวและความเห็นนั้น สามารถใช้กลไกทั้งทางกฎหมายและทางวิชาชีพดำเนินการกับสื่อมวลชนได้อยู่แล้ว
พร้อมกันนี้สมาคมฯ ขอเรียกร้องไปยังผู้เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ 1. ขอให้กองทัพยุติการคุกคามสื่อมวลชนในทุกรูปแบบ เพราะหากสื่อถูกคุกคามจนไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างอิสระจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่สามารถรับรู้ข่าวสารข้อมูล และข้อเท็จจริงได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ 2. ขอเรียกร้องให้กองทัพเคารพสิทธิเสรีภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน หากเห็นว่าสื่อมวลชนใช้สิทธิเกินขอบเขตสามารถใช้อำนาจฟ้องร้องได้ตามกฎหมายหรือใช้กลไกในการควบคุมกันเองทางจริยธรรมขององค์กรสื่อผ่านทางสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
3. ขอเรียกร้องให้ผู้บัญชาการกองทัพบกรับฟังความคิดเห็นของสื่อมวลชนที่สะท้อนภาพเกี่ยวกับการทำงานของกองทัพ และผู้บัญชาการทหารบกอย่างปราศจากอคติเป็นธรรมและสร้างสรรค์ 4. ขอให้สื่อมวลชนทุกแขนงทำหน้าที่นำเสนอข่าวสารและแสดงความคิดเห็นโดยยึดมั่นในกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพ โดยเฉพาะการละเว้นการเสนอข่าวเพราะความลำเอียงหรือมีอคติจนเป็นเหตุให้ข่าวนั้นคลาดเคลื่อนหรือเกินจากความเป็นจริง การไม่ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ตกเป็นข่าวและพึงหลีกเลี่ยงคำไม่สุภาพและมีความหมายเหยียดหยาม ฯลฯ
ท้ายนี้สมาคมฯ ขอเป็นกำลังใจให้สื่อมวลชนทุกแขนงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งซื่อสัตย์ในวิชาชีพเพื่อประโยชน์และสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ทหารออกมาเคลื่อนไหวอยู่นั้นประชาชนต่างก็ไม่พอใจที่ทหารมีพฤติการณ์ข่มขู่สื่อ และแสดงความไม่พอใจเข้ามาต่อว่ากลุ่มทหารโดยกล่าวว่าวันนี้เป็นวันเด็กไม่สมควรจะมาทำอะไรแบบนี้ เมื่อสถานการณ์ทำท่าจะลุกลามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงครามต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายจนกระทั่งทหารได้แยกย้ายกันเดินทางกลับไป ประชาชนที่รู้ข่าวต่างก็เดินทางมารวมตัวกันที่บ้านพระอาทิตย์จำนวนมากเพื่อป้องกันไม่ให้ทหารกลับมาอีก
การแสดงพลังของทหารครั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ว่าการรวมตัวของทหารที่หน้าบริเวณสำนักงานหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสามารถทำได้ไม่ผิดกฎหมาย เขาปกป้องกองทัพไม่ได้ปกป้องตนส่วนที่มีความกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์บานปลายได้นั้น ในส่วนตนคิดว่าไม่บานปลายถ้าสื่อไม่ขยายความ
ขณะเดียวกัน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการไปยังผู้บังคับหน่วยของกองทัพบกให้ยุติการเคลื่อนไหวแล้วโดยขอให้อภัยกัน สังคมจะได้ไม่เข้าใจทหารไปในทางที่ผิด
พล.ท.ไพบูลย์ คุ้มฉายา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่าทหารที่เดินทางไปแสดงออกในความเป็นทหารไม่ได้ไปข่มขู่ และยอมรับว่าก่อนที่ทหารเหล่านั้นจะเดินทางไปก็ได้มาขออนุญาตกับตนแล้ว คิดว่าเมื่อเขาอยากทำก็ให้ทำ ตนจึงอนุญาตให้ไปเพราะจะไปจำกัดสิทธิที่เขาจะแสดงออกต่อผู้บังคับบัญชาไม่ได้ แต่ได้บอกว่าอย่าทำผิดกฏหมายต้องทำบนพื้นฐานการเคารพสิทธิของผู้อื่นและเคารพกฎหมายของบ้านเมือง
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์เรื่องขอให้ยุติการคุกคามสื่อมวลชน โดยแถลงการณ์ระบุว่า จากกรณีที่มีข้าราชการทหารในเครื่องแบบ สังกัดกองทัพบกกลุ่มหนึ่งเดินทางไปชุมนุมที่บริเวณหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันศุกร์ที่ 11 มกราคม และวันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้สื่อในเครือ ASTV ผู้จัดการขอโทษผู้บัญชาการทหารบก เนื่องจากเห็นว่าสื่อในเครือ ASTV ผู้จัดการเสนอข่าวและวิพากษ์วิจารณ์ผู้บัญชาการทหารบกด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพ โดยอ้างว่าเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีผู้บังคับบัญชาและกองทัพ นอกจากนี้กองทัพบกยังได้ออกคำสั่งห้ามผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการและสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีเข้ามาทำข่าวในกองบัญชาการกองทัพบกด้วย
จากเหตุการณ์ดังกล่าว สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เห็นว่าการกระทำของข้าราชการทหารดังกล่าวเข้าข่ายคุกคามการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ใช้สิทธิในการเสนอข่าว และแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งหากมีผู้ใดไม่พอใจการนำเสนอข่าวและความเห็นนั้น สามารถใช้กลไกทั้งทางกฎหมายและทางวิชาชีพดำเนินการกับสื่อมวลชนได้อยู่แล้ว
พร้อมกันนี้สมาคมฯ ขอเรียกร้องไปยังผู้เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ 1. ขอให้กองทัพยุติการคุกคามสื่อมวลชนในทุกรูปแบบ เพราะหากสื่อถูกคุกคามจนไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างอิสระจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่สามารถรับรู้ข่าวสารข้อมูล และข้อเท็จจริงได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ 2. ขอเรียกร้องให้กองทัพเคารพสิทธิเสรีภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน หากเห็นว่าสื่อมวลชนใช้สิทธิเกินขอบเขตสามารถใช้อำนาจฟ้องร้องได้ตามกฎหมายหรือใช้กลไกในการควบคุมกันเองทางจริยธรรมขององค์กรสื่อผ่านทางสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
3. ขอเรียกร้องให้ผู้บัญชาการกองทัพบกรับฟังความคิดเห็นของสื่อมวลชนที่สะท้อนภาพเกี่ยวกับการทำงานของกองทัพ และผู้บัญชาการทหารบกอย่างปราศจากอคติเป็นธรรมและสร้างสรรค์ 4. ขอให้สื่อมวลชนทุกแขนงทำหน้าที่นำเสนอข่าวสารและแสดงความคิดเห็นโดยยึดมั่นในกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพ โดยเฉพาะการละเว้นการเสนอข่าวเพราะความลำเอียงหรือมีอคติจนเป็นเหตุให้ข่าวนั้นคลาดเคลื่อนหรือเกินจากความเป็นจริง การไม่ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ตกเป็นข่าวและพึงหลีกเลี่ยงคำไม่สุภาพและมีความหมายเหยียดหยาม ฯลฯ
ท้ายนี้สมาคมฯ ขอเป็นกำลังใจให้สื่อมวลชนทุกแขนงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งซื่อสัตย์ในวิชาชีพเพื่อประโยชน์และสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนต่อไป