วานนี้(14ม.ค.56) ที่ประชุมวุฒิสภาวันนี้(14ม.ค.) มีมติเสียงข้างมาก 67 ต่อ 51 เสียง ไม่เห็นชอบให้ นายอุดม มั่งมีดี อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) หลังจากวุฒิสภาได้ใช้เวลาประชุมลับนานกว่า 2 ชั่วโมง
นายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา ในฐานะกรรมาธิการสามัญตรวจสอบประวัติฯ เปิดเผยว่า ในกรณีของนายอุดมถือเป็นครั้งแรกที่วุฒิสภาลงมติไม่เห็นชอบบุคคลใด้ดำรงตำแหน่งในองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้จะแจ้งผลลงมติดังกล่าวไปยังคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อให้พิจารณาคัดเลือกบุคคลให้เข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อไป
นายอนุรักษ์ กล่าวต่อว่า เหตุผลที่ ส.ว.ไม่ให้ความเห็นชอบนั้นส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการใช้ดุลยพินิจอย่างอิสระของแต่ละบุคคล โดยไม่เกี่ยวกับเรื่องของสีเสื้อ หรือเป็นคนของพรรคพวกรัฐบาล ทั้งนี้ในครั้งหน้าที่กระทรวงยุติธรรมจะพิจารณาบุคคลให้เข้ามารับตำแหน่งดังกล่าว จะต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติที่หลายฝ่ายให้การยอมรับด้วย
“ในทางคุณสมบัติที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย นายอุดมได้ผ่านการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว โดยไม่พบประเด็นใดที่ทำให้ขาดคุณสมบัติ ส่วนการขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่มการเมืองการเมืองก่อนหน้านี้ถือเป็นสิทธิ์ที่ทำได้”นายอนุรักษ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีจากรายงานจากวุฒิสภา ระบุว่าเสียงส.ว.ส่วนใหญ่ที่ไม่ให้ความเห็นนายอุดมมาจากกลุ่มส.ว.ที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล เพราะเห็นนายนายอุดมเคยขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่มคนเสื้อแดง ได้แสดงทัศนคติที่ไม่ดีต่อกระบวนการยุติธรรม อันอาจก่อให้เกิดปัญหาในการทำงานได้ นอกจากนั้นแล้วนายอุดม ยังมีอายุมากถึง 72 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ไม่เหมาะสมกับการทำงาน เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับบุคคลที่ทำหน้าที่ในตำแหน่งองค์กรอิสระอื่น เช่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ท.), คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่กฎหมายกำหนดให้มีช่วงอายุทำงาน เพียงแค่ 70 ปี
นายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา ในฐานะกรรมาธิการสามัญตรวจสอบประวัติฯ เปิดเผยว่า ในกรณีของนายอุดมถือเป็นครั้งแรกที่วุฒิสภาลงมติไม่เห็นชอบบุคคลใด้ดำรงตำแหน่งในองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้จะแจ้งผลลงมติดังกล่าวไปยังคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อให้พิจารณาคัดเลือกบุคคลให้เข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อไป
นายอนุรักษ์ กล่าวต่อว่า เหตุผลที่ ส.ว.ไม่ให้ความเห็นชอบนั้นส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการใช้ดุลยพินิจอย่างอิสระของแต่ละบุคคล โดยไม่เกี่ยวกับเรื่องของสีเสื้อ หรือเป็นคนของพรรคพวกรัฐบาล ทั้งนี้ในครั้งหน้าที่กระทรวงยุติธรรมจะพิจารณาบุคคลให้เข้ามารับตำแหน่งดังกล่าว จะต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติที่หลายฝ่ายให้การยอมรับด้วย
“ในทางคุณสมบัติที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย นายอุดมได้ผ่านการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว โดยไม่พบประเด็นใดที่ทำให้ขาดคุณสมบัติ ส่วนการขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่มการเมืองการเมืองก่อนหน้านี้ถือเป็นสิทธิ์ที่ทำได้”นายอนุรักษ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีจากรายงานจากวุฒิสภา ระบุว่าเสียงส.ว.ส่วนใหญ่ที่ไม่ให้ความเห็นนายอุดมมาจากกลุ่มส.ว.ที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล เพราะเห็นนายนายอุดมเคยขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่มคนเสื้อแดง ได้แสดงทัศนคติที่ไม่ดีต่อกระบวนการยุติธรรม อันอาจก่อให้เกิดปัญหาในการทำงานได้ นอกจากนั้นแล้วนายอุดม ยังมีอายุมากถึง 72 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ไม่เหมาะสมกับการทำงาน เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับบุคคลที่ทำหน้าที่ในตำแหน่งองค์กรอิสระอื่น เช่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ท.), คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่กฎหมายกำหนดให้มีช่วงอายุทำงาน เพียงแค่ 70 ปี