ณ บ้านพระอาทิตย์
โดย : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
ช่วงหลังๆ มานี้มีคนป่วยหลายโรคมาขอคำปรึกษาจากผมบ่อยๆ ทั้งๆที่ผมเองก็ย้ำอยู่เสมอว่าไม่ได้เป็นหมอ เพียงแต่มีความสนใจ สอบถามหาความรู้จากผู้รู้ ค้นคว้าข้อมูลด้านการรักษาของแพทย์ทางเลือกและธรรมชาติบำบัดเพิ่มเติม แล้วจึงนำมาถ่ายทอดให้ในฐานะสื่อมวลชนเท่านั้น แต่ก็ปรากฏว่ามีอยู่กรณีหนึ่งที่เข้ามาขอคำปรึกษาชื่อ “คุณบานฤทัย สุนทรถาวร (ม๊วย)” เป็นภรรยาของคุณวันชัย สุนทรถาวร หรือซึ่งเป็นศิลปินนักร้องและนักดนตรีจากวง “สิชล” ซึ่งได้อุทิศในการแสดงบนเวทีการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน คุณบานฤทัยเป็นโรคประหลาดที่มีตุ่มน้ำใสๆขึ้นจากนิ้วมือแล้วลุกลามไปเรื่อยๆจนลามทั่วตัวจำนวนมาก
ทราบต่อมาจากการสอบถาม คุณแก่นฟ้า แสนเมือง แห่งศีรษะอโศกที่มีประสบการณ์เห็นและรักษาคนป่วยมาเป็นจำนวนมากกว่า โรคนี้เป็นโรคที่แปลกประหลาดชื่อ “โรคตุ่มน้ำพอง” เป็นโรคที่มีคนเป็นกันจำนวนเพิ่มมากขึ้นจากสารพิษที่เป็นตัวกระตุ้น และเกิดจากร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อผิวหนังและเยื่อบุของตนเอง ทำให้เกิดการแยกตัวของผิวหนัง ในชั้นหนังกำพร้า หรือบริเวณรอยต่อของหนังกำพร้า และหนังแท้ โดยคุณแก่นฟ้า แสนเมือง แจ้งให้ทราบว่าแพทย์แผนปัจจุบันรักษาโรคนี้ด้วยการฉีดเสตียรอยด์ซึ่งมีผลข้างเคียง คือบางรายฉีดต่อเนื่องจนเอ็นเปื่อยหรือมีผลร้ายต่อการเสื่อมของกระดูกอย่าง และโรคนี้รักษายากมาก
ผมเห็นว่ากรณีนี้เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ จึงขอให้คุณบานฤทัยได้ช่วยถ่ายภาพและบันทึกเอาไว้ และเขียนเป็นบทความเพื่อเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์และวิทยาทานต่อผู้อ่าน คุณบานฤทัยได้กรุณาเขียนบทความถ่ายทอดออกมาและส่งให้ผมเผยแพร่ดังต่อไปนี้
“ทุกครั้งที่มือแห้งและแตกเป็นแผลก็จะหายาและครีมทามือมาทา ประมาณ 2-3 วันก็จะหาย แต่คราวนี้มันมีตุ่มน้ำเม็ดน้ำใสๆขึ้นมาสมทบอีก “คันมาก” “ยิ่งเกายิ่งมัน” พยายามทายา แต่มันก็ลามไปที่นิ้วอื่นๆ ทายาจนหมอบอกว่า “ไม่มียาจะให้แล้วครับ คุณต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่คุณแพ้ คอยสังเกตเอาเองนะ”
อาทิตย์สุดท้ายของเดือนสิงหาคมก็เป็นทั้งมือซ้ายและมือขวา ตอนนั้นคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงดี ยิ่งคิดมากก็คันมือมาก คิดไปคิดมาคิดถึงบทความของ อ.ปานเทพ ที่ลงใน Facebook เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพของตัวอาจารย์เองว่าได้รักษาในแนวทางธรรมชาติบำบัดแล้วอาการที่เคยเจ็บป่วยหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ แม้ร่างกายจะดูผอมลงแต่ภายในร่างกายรู้สึกเบาตัวและสบายดี
จึงได้หาข้อมูลอื่นๆจาก YouTube มาศึกษาและได้เปลี่ยนของใช้ในบ้าน เช่น น้ำยาถูบ้าน น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า รวมไปถึงสบู่ ยาสระผม
ความรู้สึกแรกที่เอามือแช่น้ำปัสสาวะ “แสบม้ากมาก” เหมือนมีเข็มทิ่ม แต่พอสักครู่ก็รู้สึกสบายอาการคันหายไปเลย ผ่านไปวัน – สองวัน รู้สึกว่าแผลมันดูเหมือนแย่ลง เลยตัดสินใจเข้าไปหา อ.ปานเทพ ที่บ้านพระอาทิตย์ อ.ปานเทพเล่าให้ฟังว่า ทนายสุวัตร์ก็เป็นแผลเรื้อรังที่ข้อมือรักษามาหลายปีไม่หาย มาหายด้วย “น้ำปัสสาวะ” วันนั้นเราได้คุยกันหลายเรื่อง พยายามหาสาเหตุว่าทำไมแผลเล็กๆลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ได้ไง
สรุปสาเหตุที่สำคัญได้ว่าระบบขับถ่ายไม่ดี (กินแล้วไม่ถ่าย) เป็นนิสัยที่เป็นมาตั้งแต่เด็กๆ สมัยนั้นชอบตามพ่อออกไปหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ แล้วเกิดกลัวห้องน้ำ เลยเก็บอุจจาระไว้มาถ่ายที่บ้าน เพราะถ้าเรื่องมากเดี๋ยวพ่อไม่ให้ไป เลยติดเป็นนิสัยมาตลอดจนโต ในการใช้ชีวิตประจำก็ต้องกลับมาเข้าห้องน้ำที่บ้านเท่านั้น มารู้จักวิธีดีท็อกซ์ในช่วงที่ทำงานในโรงพยาบาลก็เลยใช้วิธีนี้แทนการถ่าย (ทำเมื่อรู้สึกอึดอัดเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ศึกษาอย่างจริงจัง) แต่เป็นความโชคดีที่โบสถ์และที่ทำงานมีแต่อาหารมังสวิรัติ
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าลำไส้สะอาด เพราะชอบทานขนมขบเคี้ยวต่างๆ ช็อคโกแลต ขนมปัง กาแฟ ทานเป็นประจำทานเป็นอาหารหลัก
อ.ปานเทพ เลยแนะนำว่าต้องแก้ที่ต้นเหตุก่อน คือต้องขับถ่ายให้ได้เพื่อที่จะระบายพิษออกไป ในเบื้องต้นให้เอาน้ำอัลคาไลน์ (น้ำด่าง)ไปทำดีท็อกซ์ และวิธีทำดีท็อกซ์ที่ถูกต้อง คือให้แบ่งน้ำในขวดเป็น 3 ส่วน และใช้ทีละ 1 ส่วน เหมือนเราล้างจานค่อยๆล้างทีละน้ำ น้ำ 1 น้ำ 2 และน้ำ 3 การทำแบบนี้จะทำให้ไม่อึดอัดแน่นท้อง และในวันนั้นก่อนจะกลับบ้านได้เจอพี่นิดดา หงส์วิวัฒน์ พี่นิดสอนให้แช่มือด้วยน้ำปัสสาวะครั้งละ 30 นาที/ตากแดดให้แห้ง แสดงแดดฆ่าเชื้อโรคได้ พี่นิดก็ให้กำลังใจที่เข้มแข็งแล้วมันจะหายได้เร็ว
ในช่วงที่เริ่มใช้น้ำอัลคาไลน์ทำดีท็อกซ์ รู้สึกว่าถ่ายได้เยอะ โล่งและเบาตัวดี อ.ปานเทพจึงนัดให้ไปพบพี่จุ๊บ (พี่สาว อ.ปานเทพ), หมอปาน เพื่อดูอาการ และได้รับความกรุณาจากพี่จุ๊บ จัดหา ข้าวกาบาและน้ำคลอโรฟิลล์ น้ำอัลคาไลน์ ยาชำระเมือกมัน ( )และยาน้ำนะโม () ให้ทานตลอดการรักษา และสอนให้ใช้ผงถ่าน+ดินสอพอง+น้ำปัสสาวะ พอกมือเพื่อดูดซับหนอง,พิษต่างๆ
กิจวัตรประจำวัน
1.พยายามขับถ่ายเอง+ทำดีท็อกซ์ (ด้วยน้ำอัลคาไลน์ เช้าและเย็น)
2.อาบน้ำ-สระผม-ล้างหน้าด้วยน้ำปัสสาวะ
3.พอกผงถ่าน+ดินสอพอง+น้ำปัสสาวะ
4.แช่มือด้วยน้ำปัสสาวะนาน 30 นาที ตากแดดให้แห้ง ทำเช้า-กลางวัน-เย็น
5.ดื่มน้ำปัสสาวะบ้าง (ถ้ามีเหลือ)
6.ดื่มน้ำคลอโรฟิลล์ (สูตรหมอเขียว ใบย่านาง+ใบบัวบก+ใบเตย) ดื่มน้ำอัลคาไลน์ (เยอะๆๆ)
7.กินยาชำระเมือกมัน (หมอปาน) ยาน้ำนะโม (ประกอบด้วย ส้มป่อย ก้านสะเดา บอระเพ็ด น้ำจืน ดีเกลือ ช้าพลู ข่า มะตูม กัมมะถันเหลือง) ให้ตรงเวลา
8.ทานอาหารเจ (ไม่มัน ไม่ทอด) ข้าวกาบา (สูตรข้าวกล้องงอก+ถั่วเขียวงอก+ถั่วขาวงอก+ลูกเดือย+ใบเตยแล้วปั่นรวมกัน) ผลไม้ น้ำมะพร้าว (ไม่ทานเนื้อมะพร้าว)
ภาพชุดที่ 5 อาทิตย์ที่ 3 หลังมือเริ่มแห้ง ที่ฝ่ามือหนองหลงเหลืออยู่หลายที่ เนื้อตัวก็ยังเป็นหมาลายจุดอยู่ แผนในปากหายหมดแล้ว ที่หัวก็เริ่มเป็นสะเก็ดลอกออกมาเป็นหิมะตก ระบบขับถ่ายก็ดีขึ้นมามากๆตามลำดับ ของเก่าเก็บถูกขับออกมาทุกวันๆ
ขอเล่าเรื่องน้ำนะโมกับยาชำระเมือกมันซักนิดนะคะ วันแรกที่ดื่ม เริ่มลุกเข้าห้องน้ำตั้งแต่ตีหนึ่ง ลุกทุกๆชั่วโมงจนเช้า (กลิ่นใช้ได้เลย 555) พี่เปี๊ยก (สามี) ลุกเข้าลุกออกไปด้วยตลอด ได้สักอาทิตย์ก็เริ่มดีขึ้น ลุกเข้าห้องน้ำไม่บ่อย หลับได้ถึงเช้า ถ่ายได้เอง 1 ครั้ง 6 โมงก็ทำดีท็อกซ์ ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำถ่ายออกมาจะสังเกตเห็นว่ามีเมือก (เหมือนปีโป้) ออกมาด้วย มีเหมือนผงถ่านในบางครั้ง กลิ่นรุนแรงมาก
อาทิตย์ที่ 4 อาการปวดที่ข้อนิ้วเริ่มลดลง บวมน้อยลง เริ่มต้องตัดหนังออก เข้าเดือนตุลาคมแล้ว ทุกอย่างดูดีขึ้นบรรยากาศในบ้านเริ่มคลายความกังวลได้ หลังจากแผลหายแล้วเข้าห้องน้ำเองได้แล้ว พี่จุ๊บและหมอปานได้กรุณาจัดหาเวลาให้เข้าล้างพิษตับที่บ้านรัตนาราม 928 ได้ล้างพิษตับครั้งแรกวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ได้ก้อนไขมันออกมาเพียบ หมอปานบอกว่า “ไขมันพอกตับ”
หลังจากล้างพิษตับได้ 3 วัน ปรากฏว่ามีตุ่มเม็ดขึ้นที่ข้อเท้า ตาตุ่ม ทั้งสองข้าง และมีแผลเป็นวงกว้างที่ส้นเท้าขวา แต่ไม่ลามไปไหน
ล้างพิษตับครั้งที่สองวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ได้ก้อนไขมันเหมือนเดิมและมีเซลล์ออกมาด้วย (มะเร็งในอนาคต) ตุ่มน้ำที่ข้อเท้าหายแล้ว แผลก็ตกสะเก็ด ทุกวันนี้ทำงานได้เหมือนเดิมแล้ว ทานมังสวิรัติ งดกาแฟ งดขนมหวาน งดช็อคโกแลตได้แล้ว พยายามทำอาหารเอง
ป่วยครั้งนี้เป็นความโชคดีของม๊วยที่ได้มารู้จักกับ อ.ปานเทพ ที่กำลังศึกษาและรักษาอาการป่วยของตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด จึงทำให้อาการปะทุเป็นแผลเน่าในครั้งนี้เป็นการชำระล้างลำไส้ครั้งใหญ่ และฟื้นฟูระบบขับถ่ายให้กลับมาทำหน้าที่ได้เหมือนคนอื่นๆ
ขอขอบพระคุณ
บานฤทัย สุนทรถาวร (ม๊วย)
15 ธันวาคม 2555
โดย : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
ช่วงหลังๆ มานี้มีคนป่วยหลายโรคมาขอคำปรึกษาจากผมบ่อยๆ ทั้งๆที่ผมเองก็ย้ำอยู่เสมอว่าไม่ได้เป็นหมอ เพียงแต่มีความสนใจ สอบถามหาความรู้จากผู้รู้ ค้นคว้าข้อมูลด้านการรักษาของแพทย์ทางเลือกและธรรมชาติบำบัดเพิ่มเติม แล้วจึงนำมาถ่ายทอดให้ในฐานะสื่อมวลชนเท่านั้น แต่ก็ปรากฏว่ามีอยู่กรณีหนึ่งที่เข้ามาขอคำปรึกษาชื่อ “คุณบานฤทัย สุนทรถาวร (ม๊วย)” เป็นภรรยาของคุณวันชัย สุนทรถาวร หรือซึ่งเป็นศิลปินนักร้องและนักดนตรีจากวง “สิชล” ซึ่งได้อุทิศในการแสดงบนเวทีการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน คุณบานฤทัยเป็นโรคประหลาดที่มีตุ่มน้ำใสๆขึ้นจากนิ้วมือแล้วลุกลามไปเรื่อยๆจนลามทั่วตัวจำนวนมาก
ทราบต่อมาจากการสอบถาม คุณแก่นฟ้า แสนเมือง แห่งศีรษะอโศกที่มีประสบการณ์เห็นและรักษาคนป่วยมาเป็นจำนวนมากกว่า โรคนี้เป็นโรคที่แปลกประหลาดชื่อ “โรคตุ่มน้ำพอง” เป็นโรคที่มีคนเป็นกันจำนวนเพิ่มมากขึ้นจากสารพิษที่เป็นตัวกระตุ้น และเกิดจากร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อผิวหนังและเยื่อบุของตนเอง ทำให้เกิดการแยกตัวของผิวหนัง ในชั้นหนังกำพร้า หรือบริเวณรอยต่อของหนังกำพร้า และหนังแท้ โดยคุณแก่นฟ้า แสนเมือง แจ้งให้ทราบว่าแพทย์แผนปัจจุบันรักษาโรคนี้ด้วยการฉีดเสตียรอยด์ซึ่งมีผลข้างเคียง คือบางรายฉีดต่อเนื่องจนเอ็นเปื่อยหรือมีผลร้ายต่อการเสื่อมของกระดูกอย่าง และโรคนี้รักษายากมาก
ผมเห็นว่ากรณีนี้เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ จึงขอให้คุณบานฤทัยได้ช่วยถ่ายภาพและบันทึกเอาไว้ และเขียนเป็นบทความเพื่อเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์และวิทยาทานต่อผู้อ่าน คุณบานฤทัยได้กรุณาเขียนบทความถ่ายทอดออกมาและส่งให้ผมเผยแพร่ดังต่อไปนี้
“ทุกครั้งที่มือแห้งและแตกเป็นแผลก็จะหายาและครีมทามือมาทา ประมาณ 2-3 วันก็จะหาย แต่คราวนี้มันมีตุ่มน้ำเม็ดน้ำใสๆขึ้นมาสมทบอีก “คันมาก” “ยิ่งเกายิ่งมัน” พยายามทายา แต่มันก็ลามไปที่นิ้วอื่นๆ ทายาจนหมอบอกว่า “ไม่มียาจะให้แล้วครับ คุณต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่คุณแพ้ คอยสังเกตเอาเองนะ”
อาทิตย์สุดท้ายของเดือนสิงหาคมก็เป็นทั้งมือซ้ายและมือขวา ตอนนั้นคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงดี ยิ่งคิดมากก็คันมือมาก คิดไปคิดมาคิดถึงบทความของ อ.ปานเทพ ที่ลงใน Facebook เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพของตัวอาจารย์เองว่าได้รักษาในแนวทางธรรมชาติบำบัดแล้วอาการที่เคยเจ็บป่วยหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ แม้ร่างกายจะดูผอมลงแต่ภายในร่างกายรู้สึกเบาตัวและสบายดี
จึงได้หาข้อมูลอื่นๆจาก YouTube มาศึกษาและได้เปลี่ยนของใช้ในบ้าน เช่น น้ำยาถูบ้าน น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า รวมไปถึงสบู่ ยาสระผม
ความรู้สึกแรกที่เอามือแช่น้ำปัสสาวะ “แสบม้ากมาก” เหมือนมีเข็มทิ่ม แต่พอสักครู่ก็รู้สึกสบายอาการคันหายไปเลย ผ่านไปวัน – สองวัน รู้สึกว่าแผลมันดูเหมือนแย่ลง เลยตัดสินใจเข้าไปหา อ.ปานเทพ ที่บ้านพระอาทิตย์ อ.ปานเทพเล่าให้ฟังว่า ทนายสุวัตร์ก็เป็นแผลเรื้อรังที่ข้อมือรักษามาหลายปีไม่หาย มาหายด้วย “น้ำปัสสาวะ” วันนั้นเราได้คุยกันหลายเรื่อง พยายามหาสาเหตุว่าทำไมแผลเล็กๆลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ได้ไง
สรุปสาเหตุที่สำคัญได้ว่าระบบขับถ่ายไม่ดี (กินแล้วไม่ถ่าย) เป็นนิสัยที่เป็นมาตั้งแต่เด็กๆ สมัยนั้นชอบตามพ่อออกไปหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ แล้วเกิดกลัวห้องน้ำ เลยเก็บอุจจาระไว้มาถ่ายที่บ้าน เพราะถ้าเรื่องมากเดี๋ยวพ่อไม่ให้ไป เลยติดเป็นนิสัยมาตลอดจนโต ในการใช้ชีวิตประจำก็ต้องกลับมาเข้าห้องน้ำที่บ้านเท่านั้น มารู้จักวิธีดีท็อกซ์ในช่วงที่ทำงานในโรงพยาบาลก็เลยใช้วิธีนี้แทนการถ่าย (ทำเมื่อรู้สึกอึดอัดเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ศึกษาอย่างจริงจัง) แต่เป็นความโชคดีที่โบสถ์และที่ทำงานมีแต่อาหารมังสวิรัติ
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าลำไส้สะอาด เพราะชอบทานขนมขบเคี้ยวต่างๆ ช็อคโกแลต ขนมปัง กาแฟ ทานเป็นประจำทานเป็นอาหารหลัก
อ.ปานเทพ เลยแนะนำว่าต้องแก้ที่ต้นเหตุก่อน คือต้องขับถ่ายให้ได้เพื่อที่จะระบายพิษออกไป ในเบื้องต้นให้เอาน้ำอัลคาไลน์ (น้ำด่าง)ไปทำดีท็อกซ์ และวิธีทำดีท็อกซ์ที่ถูกต้อง คือให้แบ่งน้ำในขวดเป็น 3 ส่วน และใช้ทีละ 1 ส่วน เหมือนเราล้างจานค่อยๆล้างทีละน้ำ น้ำ 1 น้ำ 2 และน้ำ 3 การทำแบบนี้จะทำให้ไม่อึดอัดแน่นท้อง และในวันนั้นก่อนจะกลับบ้านได้เจอพี่นิดดา หงส์วิวัฒน์ พี่นิดสอนให้แช่มือด้วยน้ำปัสสาวะครั้งละ 30 นาที/ตากแดดให้แห้ง แสดงแดดฆ่าเชื้อโรคได้ พี่นิดก็ให้กำลังใจที่เข้มแข็งแล้วมันจะหายได้เร็ว
ในช่วงที่เริ่มใช้น้ำอัลคาไลน์ทำดีท็อกซ์ รู้สึกว่าถ่ายได้เยอะ โล่งและเบาตัวดี อ.ปานเทพจึงนัดให้ไปพบพี่จุ๊บ (พี่สาว อ.ปานเทพ), หมอปาน เพื่อดูอาการ และได้รับความกรุณาจากพี่จุ๊บ จัดหา ข้าวกาบาและน้ำคลอโรฟิลล์ น้ำอัลคาไลน์ ยาชำระเมือกมัน ( )และยาน้ำนะโม () ให้ทานตลอดการรักษา และสอนให้ใช้ผงถ่าน+ดินสอพอง+น้ำปัสสาวะ พอกมือเพื่อดูดซับหนอง,พิษต่างๆ
กิจวัตรประจำวัน
1.พยายามขับถ่ายเอง+ทำดีท็อกซ์ (ด้วยน้ำอัลคาไลน์ เช้าและเย็น)
2.อาบน้ำ-สระผม-ล้างหน้าด้วยน้ำปัสสาวะ
3.พอกผงถ่าน+ดินสอพอง+น้ำปัสสาวะ
4.แช่มือด้วยน้ำปัสสาวะนาน 30 นาที ตากแดดให้แห้ง ทำเช้า-กลางวัน-เย็น
5.ดื่มน้ำปัสสาวะบ้าง (ถ้ามีเหลือ)
6.ดื่มน้ำคลอโรฟิลล์ (สูตรหมอเขียว ใบย่านาง+ใบบัวบก+ใบเตย) ดื่มน้ำอัลคาไลน์ (เยอะๆๆ)
7.กินยาชำระเมือกมัน (หมอปาน) ยาน้ำนะโม (ประกอบด้วย ส้มป่อย ก้านสะเดา บอระเพ็ด น้ำจืน ดีเกลือ ช้าพลู ข่า มะตูม กัมมะถันเหลือง) ให้ตรงเวลา
8.ทานอาหารเจ (ไม่มัน ไม่ทอด) ข้าวกาบา (สูตรข้าวกล้องงอก+ถั่วเขียวงอก+ถั่วขาวงอก+ลูกเดือย+ใบเตยแล้วปั่นรวมกัน) ผลไม้ น้ำมะพร้าว (ไม่ทานเนื้อมะพร้าว)
ภาพชุดที่ 5 อาทิตย์ที่ 3 หลังมือเริ่มแห้ง ที่ฝ่ามือหนองหลงเหลืออยู่หลายที่ เนื้อตัวก็ยังเป็นหมาลายจุดอยู่ แผนในปากหายหมดแล้ว ที่หัวก็เริ่มเป็นสะเก็ดลอกออกมาเป็นหิมะตก ระบบขับถ่ายก็ดีขึ้นมามากๆตามลำดับ ของเก่าเก็บถูกขับออกมาทุกวันๆ
ขอเล่าเรื่องน้ำนะโมกับยาชำระเมือกมันซักนิดนะคะ วันแรกที่ดื่ม เริ่มลุกเข้าห้องน้ำตั้งแต่ตีหนึ่ง ลุกทุกๆชั่วโมงจนเช้า (กลิ่นใช้ได้เลย 555) พี่เปี๊ยก (สามี) ลุกเข้าลุกออกไปด้วยตลอด ได้สักอาทิตย์ก็เริ่มดีขึ้น ลุกเข้าห้องน้ำไม่บ่อย หลับได้ถึงเช้า ถ่ายได้เอง 1 ครั้ง 6 โมงก็ทำดีท็อกซ์ ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำถ่ายออกมาจะสังเกตเห็นว่ามีเมือก (เหมือนปีโป้) ออกมาด้วย มีเหมือนผงถ่านในบางครั้ง กลิ่นรุนแรงมาก
อาทิตย์ที่ 4 อาการปวดที่ข้อนิ้วเริ่มลดลง บวมน้อยลง เริ่มต้องตัดหนังออก เข้าเดือนตุลาคมแล้ว ทุกอย่างดูดีขึ้นบรรยากาศในบ้านเริ่มคลายความกังวลได้ หลังจากแผลหายแล้วเข้าห้องน้ำเองได้แล้ว พี่จุ๊บและหมอปานได้กรุณาจัดหาเวลาให้เข้าล้างพิษตับที่บ้านรัตนาราม 928 ได้ล้างพิษตับครั้งแรกวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ได้ก้อนไขมันออกมาเพียบ หมอปานบอกว่า “ไขมันพอกตับ”
หลังจากล้างพิษตับได้ 3 วัน ปรากฏว่ามีตุ่มเม็ดขึ้นที่ข้อเท้า ตาตุ่ม ทั้งสองข้าง และมีแผลเป็นวงกว้างที่ส้นเท้าขวา แต่ไม่ลามไปไหน
ล้างพิษตับครั้งที่สองวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ได้ก้อนไขมันเหมือนเดิมและมีเซลล์ออกมาด้วย (มะเร็งในอนาคต) ตุ่มน้ำที่ข้อเท้าหายแล้ว แผลก็ตกสะเก็ด ทุกวันนี้ทำงานได้เหมือนเดิมแล้ว ทานมังสวิรัติ งดกาแฟ งดขนมหวาน งดช็อคโกแลตได้แล้ว พยายามทำอาหารเอง
ป่วยครั้งนี้เป็นความโชคดีของม๊วยที่ได้มารู้จักกับ อ.ปานเทพ ที่กำลังศึกษาและรักษาอาการป่วยของตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด จึงทำให้อาการปะทุเป็นแผลเน่าในครั้งนี้เป็นการชำระล้างลำไส้ครั้งใหญ่ และฟื้นฟูระบบขับถ่ายให้กลับมาทำหน้าที่ได้เหมือนคนอื่นๆ
ขอขอบพระคุณ
บานฤทัย สุนทรถาวร (ม๊วย)
15 ธันวาคม 2555
