ณ บ้านพระอาทิตย์
โดย : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
หลักสูตรการล้างพิษ 8 อ. (ล้างลำไส้, ถุงน้ำดี และตับ)ของชาวอโศกในเวลานี้ถือได้ว่าเป็นที่กล่าวขานถึงผลลัพธ์ที่ออกมาว่าทำให้หลายคนมีสุขภาพดีขึ้นกว่าเดิมอย่างไร?
โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับตับและถุงน้ำดีโดยตรง เช่น นิ่วในถุงน้ำดีหลายคนไม่ต้อง ไปผ่าตัดเพราะนิ่วเหล่านั้นได้ลดลงหรือหายไประหว่างเข้าหลักสูตร และโรคไวรัสตับอักเสบ ชนิดบีที่แพทย์แผนปัจจุบันรักษาไม่หาย แต่เมื่อเข้าหลักสูตรแล้วตรวจดูผลในห้องแลบของแพทย์แผนปัจจุบันพบว่าสามารถทำให้อาการดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ยังไม่นับความเจ็บป่วยในโรคอื่นๆที่มีอาการดีขึ้นภายหลังระบบดูดซึมในลำไส้ดีขึ้น และการทำงานของตับดีขึ้น จึงทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายฟื้นตัวขึ้นมาด้วย
ผลลัพธ์ที่ปรากฏข้างต้นนี้เองทำให้ผู้ที่เข้าอบรมหลักสูตรได้บอกต่อและกล่าวขานออกไปจนกระทั่งมีคนรอเข้าหลักสูตรล้างพิษของสถานปฏิบัติธรรมชาวสันติอโศกจนล้นในทุกหลักสูตร โดยเฉพาะที่โรงเรียนผู้นำที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งถือว่าใกล้กรุงเทพมหานครมากที่สุด และศีรษะอโศกซึ่งเป็นแหล่งรวมของผู้ริเริ่ม ค้นคว้า วิจัย และผสมผสานองค์ความรู้เรื่องหลักสูตรล้างพิษ รวมถึงสถานที่ของเอกชนที่ได้รับการยอมรับว่าจัดหลักสูตรได้มาตรฐานและหรูขึ้นมาหน่อยของคุณชญาบุญ เพชรพรหม (คุณกอบ) ที่ธัญสมุย เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้มีคนรอเข้าหลักสูตรและมีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมากเช่นกัน
หลายคนมีความรู้หน่อย ก็สามารถค้นคว้าหาข้อมูลเองได้ในอินเตอร์เน็ททั้งหลักสูตรในประเทศ และต่างประเทศ และหลายคนเมื่อค้นคว้าแล้วก็สามารถทำเองได้เองที่บ้านเช่นกัน “หากคนๆนั้นมีสภาพร่างกายแข็งแรง” ประการหนึ่ง และ “มีความเข้าใจถึงเหตุผลถ่องแท้ของแต่ละขั้นตอนในหลักสูตร” เป็นอีกประการหนึ่ง
บางคนเมื่อศึกษาหาข้อมูลแล้วก็สามารถไปปฏิบัติเองได้และได้ผลดี บางคนก็ไม่ได้ผลดี และบางคนก็เข้าหลักสูตรเพียงไม่กี่ครั้งแล้วออกมาเปิดหลักสูตรเองทำในเชิงพาณิชย์บ้าง จนเปิดศูนย์ประเภทนี้เกิดขึ้นมากมายในหลายจังหวัด มีทั้งที่ทำถูกต้องมีมาตรฐานและมีผู้เชี่ยวชาญครบถ้วนดีก็ไม่ใช่น้อย แต่มีทั้งทำแบบมั่วๆและไม่รู้จริงก็มีมากเช่นกัน
จนหลายคนไม่รู้ว่าหากผู้ที่ไปปฏิบัติเองก็ดี หรือไปเปิดหลักสูตรเองก็ดี หากไม่ได้มีความเชี่ยวชาญจริง หรือรู้จริง แม้จะแอบอ้างใช้ชื่อหลักสูตรว่า “สูตร อ.ขวัญดิน” ก็จะเป็นอันตรายได้ในบางกรณี และอาจอันตรายจนถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ด้วย หากไม่มีผู้ที่เชี่ยวชาญและมีความรู้จริงในเรื่องนี้คอยรับมือกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง
ด้วยเหตุผลนี้ผมจึงได้สัมภาษณ์และรวบรวมกรณีศึกษาของ อ.ขวัญดิน สิงห์คำ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการริเริ่มจัดหลักสูตรล้างพิษแบบบูรณาการของ ศีรษะอโศก และคุณชญาบุญ เพชรพรหม (คุณกอบ) ที่ธัญสมุย เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งจัดหลักสูตรเป็นที่ยอมรับว่ามีมาตรฐานและมีความเชี่ยวชาญสูง ไว้เพื่อเป็นคำเตือนสำหรับผู้ที่คิดจะล้างพิษด้วยตัวเอง หรือจัดหลักสูตรล้างพิษของตัวเองให้ได้ทราบดังนี้
ประการแรก ผู้ที่มีโรคเรื้อรังและร้ายแรง เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไต มะเร็งระยะสุดท้าย ไม่ควรทำด้วยตัวเองโดยปราศจากผู้เชี่ยวชาญโดยเด็ดขาด
ประการที่สอง ปัญหาที่สำคัญยิ่งกว่าคือคนที่เป็นโรคเหล่านี้บางคน ไม่เคยตรวจสุขภาพมาก่อน ดังนั้นผู้ที่ล้างพิษด้วยตัวเองด้วยเหตุผลนี้ผู้ที่คิดจะปฏิบัติหลักสูตรนี้ด้วยตัวเองควรตรวจสุขภาพของตัวเองให้แน่ใจเสียก่อนว่าปราศจากโรคเหล่านี้ หรือ สำหรับคนที่จัดหลักสูตรล้างพิษซึ่งไม่สามารถตรวจสุขภาพอย่างละเอียดของผู้เข้าหลักสูตรได้ จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญรับมือกับสถานการณ์ของโรคเหล่านี้ได้จริงเท่านั้น
เพราะในระหว่างปฏิบัติตามหลักสูตรล้างพิษมีโอกาสเหมือนกันสำหรับผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูงจะมีความดันสูงเพิ่มขึ้นเมื่อได้รับน้ำมันมะกอกหรือดีเกลือ
ผู้ที่เป็นเบาหวานอาจน้ำตาลสูงขึ้นหลังดื่มน้ำผลไม้รสหวานเช่น น้ำแอปเปิ้ลจำนวนมาก
ผู้ที่เป็นโรคหัวใจในระหว่างอดอาหารหัวใจอาจเต้นเร็วขึ้นมากกว่าปกติ จนเป็นอันตรายได้หากไม่มีการดูแลอย่างใกล้ชิด (คำแนะนำจาก รศ.นพ.สำเริง รัตนระพี)
ผู้ที่มีโรคไตจะเกิดอาการบวมได้ทันทีเมื่อดื่มดีเกลือ
แม้แต่คนที่ไม่มีโรคร้ายอะไรมาก แต่อาจเกิดอาการในทางแพทย์แผนไทยเรียกว่า “ลมตีขึ้น” ในระหว่างหลักสูตร หากไม่มีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านการกดจุดคลายเส้นที่ถูกต้องอย่างทันท่วงที ก็อาจเกิดอาการจุก หรือหายใจไม่ออก และเสียชีวิตได้
ประการที่สาม เพื่อความปลอดภัยผู้ที่คิดจะทำเองควรจะต้องเข้าหลักสูตรที่ถูกต้องด้วยตัวเอง 3 ครั้งขึ้นไป เพื่อดูอาการของตัวเองที่อาจเกิดขึ้น และประเมินอีกครั้งว่าสามารถทำเองที่บ้านได้หรือไม่
แต่หลายคนที่มีสุขภาพแข็งแรงแต่ต้องการเอาพิษออก แม้เข้าหลักสูตรเพียงแค่ครั้งเดียวหรือเพียงแค่ศึกษาด้วยการอ่านจนเข้าใจก็สามารถทำเองได้ที่บ้านโดยปราศจากปัญหาใดๆ
แต่บางคนเข้าหลักสูตรเพียงไม่กี่ครั้งแล้วไปจัดหลักสูตร หรือรับจัดหลักสูตรโดยที่ไม่มีความเชี่ยวชาญจริง แล้วบอกว่าไม่เคยเกิดปัญหาอะไรนั้น ก็เพราะมีความ”โชคดี”เท่านั้นที่ยังไม่พบกับกรณีที่เป็นปัญหาวิกฤติ ดังนั้นจึงต้องไม่ประมาท
ในขณะที่ผู้ที่ต้องการเปิดหลักสูตรเอง ได้รับคำแนะนำว่าควรจะเข้าหลักสูตรที่ถูกต้องหลายครั้ง อย่างน้อย 6 ครั้งขึ้นไป เพื่อศึกษาการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดในกรณีต่างๆอย่างละเอียด ถึงแม้กระนั้นก็ยังจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่รู้จริงด้านการแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะการคลายเส้นและกดจุดประจำหลักสูตรเพื่อรับมือกับโรคลม ปวดหัว อาเจียน อยู่ดี
ประการที่สี่หลักสูตรล้างพิษที่จัดขึ้นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ยังมีกำลังเท่านั้น ไม่ให้ทำในขณะอ่อนเพลีย และอย่าฝืนในสภาพร่างกายที่ไม่สามารถรับได้
จากประสบการณ์ของผู้ที่จัดหลักสูตรล้างพิษ คุณชญาบุญ เพชรพรหม (คุณกอบ) ผู้จัดหลักสูตร ที่ธัญสมุย เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเรียนและมีประสบการณ์นวดแผนไทยมากว่า 15 ปี ผ่านหลักสูตรสุขภาพของหมอเขียวมามาก และล้างพิษและทำการทดลองด้วยตัวเองและช่วยเหลือคนอื่นมาอย่างมากมาย ได้บอกเล่าถึงประสบการณ์ตรงพร้อมให้คำแนะนำตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นในศูนย์ล้างพิษที่ธัญสมุย ดังนี้
1.สำหรับผู้จะล้างพิษด้วยตัวเอง แนะนำว่าอย่าใช้ลิดท็อกซ์ เพราะอาจทำให้เกิดการซ่านพิษ (อาการโรคเดิมจะกลับมาประทุตามร่างกายอีกครั้ง) ดังนั้นผู้ที่จะดื่มลิดท็อกซ์ควรจะต้องมีประสบการณ์ผ่านศูนย์อบรมมาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง เพราะพอกวาดล้างยาลิดท็อกซ์หากไม่รู้วิธีแก้ไขอาการซ่านพิษจะทำให้เกิดอันตรายได้ จึงต้องมีคนดูแลซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ดังนั้นหากต้องการล้างพิษแนะนำให้ดื่มดีเกลือเช้าเย็น หรือยาถ่ายของไทยประเภทอื่นจะปลอดภัยกว่า
2.หากทำเองหรือจัดหลักสูตรเอง แนะนำว่าอย่าอดอาหารเกินหลักสูตรจะเป็นอันตรายต่อร่างกายจนไม่สามารถรับได้
3.สำหรับคนที่เป็นโรคไต อย่ากินดีเกลือมิเช่นนั้นตัวจะบวม คนที่ฟอกไตแล้วเข้าหลักสูตรนี้ไม่ได้ ให้กินข้าวต้มเปล่าๆกับเกลือมาแล้ว 2 อาทิตย์ หลังจากนั้นไม่ต้องอดอาหาร แต่ให้งดเนื้อสัตว์ ไม่ต้องดื่มน้ำมันมะกอกกับมะนาว และใช้เฉพาะการสวนล้างลำไส้อย่างเดียวพอ
4.หากเกิดอาการลมตีขึ้น แนะให้แก้ตามขั้นตอน ไล่ลมกดจุดตามหน้าผากและขมับตามวิชานวดแผนโบราณ และหากความดันโลหิตสูงตัวบน (ช่วงหัวใจบีบตัว) ขึ้นสูงเกินกว่า 150 มม.ปรอท ไม่ให้ดื่มน้ำมันมะกอกโดยเด็ดขาด จำเป็นต้องให้ยาลดความดัน หรือหากดื่มดีเกลือหรือน้ำมันมะกอกแล้วความดันสูงขึ้น สามารถกดจุดลดความดันได้ด้วยการไล่ลมกดลมตรงช่องท้อง 4 จุด และจุดอู่เก๋อ (ระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้) และช่วงหน้าอกตอนบน และคลายเส้นตลอดทั้งตัว
เมื่อความดันตัวบนลดลงจนลงเหลือไม่เกิน 130-140 มม.ปรอทแล้ว จึงถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยที่จะดื่มน้ำมันมะกอกต่อได้
5. เนื่องจากยาที่ล้างพิษไม่ว่าจะเป็นลิดท็อกซ์ หรือ ยาถ่ายที่มีดีเกลือ จัดเป็นยาฤทธิ์ร้อน หากเกิดอาการ “หอบหืด” ให้ใช้น้ำย่านางสกัด แล้วใช้น้ำมันเขียวฤทธิ์เย็น (ของหมอเขียว)ดับความร้อนแล้วไล่ลม กดตรงปลายคิ้วบริเวณขมับให้เลือดขึ้นถึงศีรษะให้ได้
6. คนที่เป็นโรคกรดไหลย้อน ห้ามล้างพิษเองโดยเด็ดขาด เพราะขณะดื่มน้ำมันมะกอก จะทำให้ลมตีขึ้นจุกแน่นและตัวนิ่ง ปกติต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลและหากไม่มีความรู้เสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิตได้ เว้นแต่มีผู้ที่เชี่ยวชาญสามารถไล่ลมจนฟื้นตัวได้เท่านั้น
7.หากกินยากวาดลำไส้ ลิดท็อกซ์ แล้วเกิดอาการเวียนหัว อาเจียน วิธีแก้ก็คือ ดึงผมเพื่อให้เลือดดึงมาที่ศีรษะได้ กดหน้าผาก รีดขึ้นไปจากคอไปถึงกระหม่อม คลายเส้นจากไหล่ไล่ขึ้นบนจนไปถึงคอและกระหม่อม หากไม่หยุดอาเจียนให้หยุดการล้างพิษทันที
8.อย่ากินน้ำมันมะกอกเกิน 150 ซีซี (หมายถึงน้ำมันมะกอก 150 ซีซี +น้ำมะนาว 150 ซีซี) เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้แน่นหน้าอกข้างในร้อนลามไปถึงบริเวณใบหน้าและอาเจียนในที่สุด
หากดื่มน้ำมันมะกอกหลัง 22.30 ไม่ต้องซ่อมใหม่เพราะจะไม่ได้ผล จะซ่อมใหม่ดื่มอีกครั้งหากอาเจียนไม่เกิน 22.30 น.เท่านั้น
9.น้ำแอปเปิ้ลดื่มมากไป (เกินลิตรครึ่ง)ท้องจะอืด ดังนั้นให้ดื่มวันเดียวเท่านั้น ให้สลับดื่มน้ำแอปเปิ้ล, น้ำมะพร้าว, น้ำมะขาม คนเป็นเบาหวานไม่ให้ดื่มน้ำแอปเปิ้ล และให้ดื่มน้ำมะละกอแก่ผสมมะละกอห่ามแทน
10.การดื่มน้ำด่างให้ใช้ค่า pH ในช่วง 9.0-9.5 เท่านั้น หากสูงมากกว่านั้นจะทำให้มึนศีรษะ
11.น้ำมันมะกอกผสมน้ำมะนาวดีที่สุด หากจะผสมน้ำผลไม้อย่างอื่นให้ใช้ส้มเช้ง หรือ ส้มโอ ดีกว่า เพราะมีฤทธิ์เย็น
12.การใช้น้ำมากไปเช่น 1,500 ซีซี ในการดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้จะทำให้จุกและอาเจียนลมจะตีขึ้นอยู่ด้านบน ดังนั้นให้ใช้แต่พอดีตัว
13.สำหรับคนหิวจะเป็นลมจนมือสั่น เพราะร่างกายขาดคาร์โบไฮเดรต แนะนำให้ดื่มน้ำข้าวกาบา (ข้าวกล้องงอก)เป็นซุป ประมาณ 1 ถ้วยกาแฟ ร่างกายก็จะหยุดสั่นและฟื้นตัว แม้ว่าพิษจะออกน้อยหน่อยแต่จะปลอดภัยกว่า โดยเฉพาะคนหัวใจเต้นเร็วมากเกินไปหรือเป็นโรคหัวใจ อย่าฝืนอดอาหารจนสภาพร่างกายรับไม่ได้
14. ตามหลักสูตรของสันติอโศก ทุกขั้นตอนมีความสำคัญเพราะเป็นการบูรณาการองค์ความรู้ แม้แต่การแช่เท้าในน้ำก็มีความสำคัญเพื่อให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้นมีผลต่อระบบการทำงานในระหว่างการขับพิษออกจากร่างกาย
15.คนที่ถ่ายมากและหมดแรงต้องลดดีเกลือลงตามสภาพร่างกาย การทำทุกอย่างจะต้องมีการประเมินสภาพร่างกายของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน
16.ในบางกรณีมีคนเป็นโรคติดเชื้อในกระเพาะอาหารมีเลือดออกจะต้องไม่ให้ดื่มน้ำมันมะกอก และรักษาให้หายอาการติดเชื้อก่อนแล้วจึงค่อยมาเข้าหลักสูตร สำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะอาหารใช้เทคนิคเอาน้ำจากต้นกล้วย (ใช้ช้อนเสียบเข้าไปในต้นกล้วยรับน้ำจากต้นกล้วย)เพื่อมารับประทานเคลือบกระเพาะอาหาร จะช่วยทำให้อดอาหารได้ และสามารถช่วยเสริมด้วยการนำกล้วยน้ำว้ามาตากแดดบดให้เป็นผงใช้ชงดื่มได้
ที่กล่าวมาข้างต้นก็เป็นเพียงตัวอย่างของปัญหาที่ต้องแก้ที่มีความหลากหลายของแต่ละบุคคล จึงเป็นตัวอย่างให้ตระหนักว่า “หากร่างกายไม่แข็งแรงอย่าล้างพิษโดยปราศจากความรู้” และ “อย่าจัดหลักสูตรโดยขาดผู้เชี่ยวชาญรู้จริง”
ดังนั้นจึงขอแนะนำในโอกาสนี้ว่าผู้ที่จะเข้าหลักสูตรล้างพิษขอให้เข้าหลักสูตรโดยเลือกศูนย์ที่มีมาตรฐานเท่านั้น!!!!