ไม่น่าเชื่อเลยว่า กระแสแบนละครเรื่อง เหนือเมฆ จะสะท้อนให้เห็นถึงความจริงแท้ของระบอบประชาธิปไตยในบ้านเรา และเปิดโปงขบวนการไพร่อำมาตย์ได้อย่างถึงกึ๋น
และกำลังบ่อนเซาะประชาธิปไตยจอมปลอมได้อย่างล่อนจ้อน
คนในขบวนการเสื้อแดงต่างพากันออกมาเถียงแทนช่อง 3 ว่า จำต้องแบนละครเหนือเมฆเพราะเหตุผลอย่างโน้นอย่างนี้ เพื่อช่วยให้เข้าใจว่าไม่ใช่การเมืองที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ซ้ำร้ายลากไปถึงขั้นว่าต้องแบนละครเรื่องนี้เพราะเข้าข่ายความผิดมาตรา 112 ไปโน่นเลย
ที่สนุกๆ สุดก็คือ คนที่ออกมาโพสต์เบื้องหน้าเบื้องหลังสร้างภาพแบบรู้ลึกเรื่องนี้คนแรกๆ คือ คนของค่ายเนชั่น (ค่ายที่เหยียบเรือสองสามแคม คนของค่ายนี้บางคนรณรงค์ให้แบนช่อง 3 แต่บางคนยังนั่งจัดรายการอยู่ที่ช่อง 3) หมอนี่เล่นลากโยงมาตรา 112 มาเป็นต้นเหตุของปัญหาเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับช่อง 3 และเวลาต่อมาคนของค่ายเนชั่นด้วยกันเองนั่นแหละที่ออกมาแฉว่าคนเนชั่นรายนั้นที่ออกมาเบี่ยงเบนประเด็นเพราะเป็นสาวกเสื้อแดง
ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผู้จัดละครและคนที่เกี่ยวข้องซึ่งล้วนแต่แสดงออกถึงความจงรักภักดีจนเป็นที่ประจักษ์ทนได้อย่างไร เมื่อมีการป้ายสีและลากไปไกลว่าละครที่ตัวเองทำนั้นถูกถอดเพราะเกี่ยวโยงกับมาตรา 112
ความดิ้นรนเพื่อเบี่ยงเบนปัญหานี้แสดงว่าพวกเขาต่างก็รู้โดยสัญชาตญาณว่า เรื่องแบบนี้นี่แหละที่จะกลายเป็นประเด็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่ฉีกหน้ากากประชาธิปไตยจอมปลอมได้ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่ชอบวิเคราะห์เรื่องโน้นเรื่องนี้เป็นตุเป็นตะ งานนี้ถึงกับคิดไม่เป็นเรียกหาว่าถ้าการเมืองหรือทักษิณอยู่เบื้องหลังก็เอาหลักฐานมาแสดง ท้าให้ช่อง 3 ผู้จัดเปิดโปงคนอยู่เบื้องหลัง แกล้งซื่อบื้อไม่รู้ว่า ช่อง 3 มันผูกสัมปทานไว้กับอำนาจรัฐแล้วเรื่องอะไรเขาจะทุบหม้อข้าวตัวเอง
ทำเป็นอินโนเซนต์ว่า ถ้าอำนาจการเมืองมันสั่งการมาจริงช่อง 3 ควรออกมาพูดจะไปเกรงกลัวอะไร พิโธ่พิถังมีหรือจะไม่กลัวกับสัมปทานที่มีผลประโยชน์เป็นแสนล้าน
สื่อเสื้อแดงอย่างมติชน-ข่าวสดมุ่งเน้นชูประเด็นว่า ช่อง 3 แบนตัวเอง ผิดกับวิสัยของสื่อมวลชนที่ชอบขุดคุ้ยไม่ควรเชื่ออะไรง่ายๆ โดยไม่ปันใจคิดสักนิดเลยว่า เรื่องแบบนี้อยู่ๆ ช่อง 3 จะลุกขึ้นมาแบนตัวเองทำไม
ทั้งๆ ที่ถ้าคิดให้ดีหรือคิดสักนิดจากเนื้อหาหรือบริบททั้งหมดของเรื่องว่าระหว่างเรื่องที่แบนตัวเองกับแบนเพราะมีคนสั่งนั้น อันไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน
ขนาดโอ๊คพานทองแท้ยังเชื่อเลยว่า เนื้อหาของละครเรื่องนี้ต้องการเสียดสีครอบครัวของตัวเอง ลองไปอ่านเฟซบุ๊กของโอ๊คดู
“ในเนื้อของละครเป็นเรื่องเกี่ยวกับนักธุรกิจที่เติบโตมาจากการสัมปทานดาวเทียม เมื่อเข้ามาเป็นนักการเมืองก็มีเรื่องทุจริตโกงกิน ในที่สุดก็ต้องชดใช้กรรมด้วยการถูก M 79 ยิงตาย ขณะที่มางานเปิดสถานีสื่อสารมวลชนที่ลูกของตนเป็นเจ้าของ ตัวละครก็มีทั้งชื่อ เพชร.. “แท้” ซึ่งเป็นเจ้าของสถานีฯ “แพร”..ไพลิน ซึ่งเป็นลูกสาวของนักธุรกิจเครือข่ายสื่อสารยักษ์ใหญ่ของไทย ขาดก็แต่ถ้าพลอตเรื่องมีชื่อ “พิณ.......” อะไรซักอย่าง”
มีเหรอนายใหญ่จะไม่คิด มีเหรอคนใกล้ตัวของนายใหญ่จะไม่คาบไปเล่าให้ฟัง มีเหรอจะไม่ทำให้นายใหญ่ฉุนเฉียว
แค่มีเสียงคำรามของจอมขมังเวทย์ผ่านอากาศมาว่า “เดี๋ยวนี้ช่องคุณทำละครด่าผมเหรอ จะเป็นศัตรูกันใช่มั้ย” ก็ขี้หดตดหายแล้ว
เอาเถอะครับเราไม่มีหลักฐานหรือมีใบเสร็จมาแสดงหรอกครับว่าใครสั่งแบน ข้อมูลที่ได้รับจากคนที่เกี่ยวข้องตรงที่สุดก็มาจากช่อง 3 ที่ยืนยันนอนยันว่า ไม่มีใครสั่ง นายกฯ ปูก็พูดว่าไม่รู้เรื่องไม่เคยยุ่งมีงานอื่นตั้งเยอะไม่มีเวลาไปยุ่งเรื่องแบบนี้ เราก็ต้องฟังเป็นข้อมูล แต่เราควรต้องคิดก่อนจะเชื่อ
คนเป็นสื่อหรือคนที่วิเคราะห์เรื่องราวอะไรต่ออะไรมามากมายก็ต้องคิดต่อสิว่า อยู่ๆ ช่อง 3 มันจะลุกขึ้นมาแบนตัวเองเหรอ ละครแต่ละเรื่องกว่าจะสร้างก็ต้องเอาบทมาให้ช่องพิจารณาก่อน และถ้าเราติดตามคนสร้างละครก็ยืนยันว่า เรื่องนี้ทำเสร็จก่อนมาฉายไม่ใช่ละครที่ออกอากาศไปถ่ายทำไป ถ้าช่อง 3 จะเห็นประเด็นปัญหาอย่างที่อ้างละครก็ไม่ควรจะได้รับการออนแอร์แต่แรกด้วยซ้ำไป ไม่ใช่มาตัดสินลงดาบกันใน 3 วันสุดท้ายที่จะจบ
เชื่อกันจริงๆ เหรอว่า ถ้าไม่มีใครสั่งแล้วช่อง 3 มันจะลุกขึ้นมาเซ็นเซอร์ตัวเองแบบที่อ้างมาตรา 37 พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 นอกจากอ้างกันแบบลอยๆ พูดแบบกว้างๆ พอเขาถามว่า ฉากไหนล่ะที่เข้าข่ายดังกล่าวก็พากันเงียบอมพะนำอธิบายไม่ได้ว่าตรงไหนที่เข้าข่ายมาตรา 37 อย่างว่า
ลูกสาวของเจ้าของช่องยังต้องออกมาบ่นผ่านโซเชียลมีเดียเลยว่า “เห็นใจกันบ้าง” ซึ่งชัดเจนว่าเป็นภาวะที่น้ำท่วมปากพูดไม่ได้
สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลให้เรานำมาชั่งตวงวัดได้ว่าอย่างไหนแง่มุมไหนที่มีน้ำหนักมากกว่ากัน
เมื่อคิดแบบนี้แล้วเราต้องคิดต่อไปว่า นี่เหรอว่ะพวกที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย ชูตัวเองเป็นพวกเสรีนิยมแล้วชี้หน้าด่าคนอื่นว่าเป็นพวกอนุรักษนิยมเป็นพวกขวาตกขอบเป็นพวกล้าหลัง แต่ประชาธิปไตยที่สู้กันเอาชีวิตเข้าแลกนี่มันยังปิดกั้นกระทั่งละครที่ออนแอร์ทางทีวีเลย
มันพิสูจน์ว่า ประชาธิปไตยไม่ได้แค่เข้าคูหาแล้วอ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่มันต้องพิสูจน์ที่จิตวิญญาณและเนื้อแท้ของการกระทำด้วย
ตอนนี้เป็นไงล่ะครับสงครามชนชั้นสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ปลุกคนมาให้ต่อสู้บาดเจ็บล้มตาย เอาเถอะเขาเอาเงินของรัฐ 7.75 ล้านมาให้เพื่อแลกกับการตาย แล้ววันนี้เห็นผลลัพธ์ของการต่อสู้ว่ามีอะไรที่เป็นรูปธรรมบ้าง
พี่น้องที่ไปเผาศาลากลางถูกจับติดคุกแล้วตายในคุก มีอะไรไหมที่มาจากคนที่ตะโกนบอกพี่น้องว่า “เผาไปเลยผมรับผิดชอบเอง” แล้วมันรับผิดชอบเองอย่างที่ว่าบ้างไหม นอกจากเบื้องหลังที่หากินกับบริษัทขนาดใหญ่และมีทรัพย์สินเงินทองทบทวีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เห็นลูกเฉลิมไหม ติดยศร้อยโทเข้าไปเป็นตำรวจไม่กี่วัน วันนี้ได้ยศร้อยตำรวจเอกไปแล้ว แล้วทำไมตำรวจเสื้อแดงไม่คิดว่านี่แหละเป็นเรื่องของความแตกต่างทางชนชั้นระหว่างไพร่กับอำมาตย์เป็นประชาธิปไตยตรงไหน
ไม่มีใครหรอกครับที่จะนำพาประเทศไปให้ล้าหลังปิดประตูบ้านไม่คบกับใคร แต่ต้องทำให้สังคมรู้ทันพวกนักประชาธิปไตยจอมปลอมที่ปลิ้นปล้อนเอะอะก็อ้างมาจากเสียงข้างมาก มาจากการเลือกตั้งและจะแสดงวิสัยเผด็จการอย่างไรออกมาก็ได้ คนในสังคมต้องรู้เท่าทันพวกนี้ก่อนบ้านเมืองจึงจะเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
แค่ละครยังไม่ยอมให้ออนแอร์ นี่เป็นสิทธิขั้นพื้นๆ ของระบอบประชาธิปไตย น่าตลกก็คือพวกที่ออกมาต่อต้านมาตรา 112 ว่าไม่เป็นประชาธิปไตยปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ วันนี้มาช่วยแก้ต่างให้อำนาจมืดที่สั่งแบนละครกันหมด
บ้านเราจึงมีแต่พวกอ้างประชาธิปไตยแบบเทียมๆ เท่านั้นเอง
และกำลังบ่อนเซาะประชาธิปไตยจอมปลอมได้อย่างล่อนจ้อน
คนในขบวนการเสื้อแดงต่างพากันออกมาเถียงแทนช่อง 3 ว่า จำต้องแบนละครเหนือเมฆเพราะเหตุผลอย่างโน้นอย่างนี้ เพื่อช่วยให้เข้าใจว่าไม่ใช่การเมืองที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ซ้ำร้ายลากไปถึงขั้นว่าต้องแบนละครเรื่องนี้เพราะเข้าข่ายความผิดมาตรา 112 ไปโน่นเลย
ที่สนุกๆ สุดก็คือ คนที่ออกมาโพสต์เบื้องหน้าเบื้องหลังสร้างภาพแบบรู้ลึกเรื่องนี้คนแรกๆ คือ คนของค่ายเนชั่น (ค่ายที่เหยียบเรือสองสามแคม คนของค่ายนี้บางคนรณรงค์ให้แบนช่อง 3 แต่บางคนยังนั่งจัดรายการอยู่ที่ช่อง 3) หมอนี่เล่นลากโยงมาตรา 112 มาเป็นต้นเหตุของปัญหาเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับช่อง 3 และเวลาต่อมาคนของค่ายเนชั่นด้วยกันเองนั่นแหละที่ออกมาแฉว่าคนเนชั่นรายนั้นที่ออกมาเบี่ยงเบนประเด็นเพราะเป็นสาวกเสื้อแดง
ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผู้จัดละครและคนที่เกี่ยวข้องซึ่งล้วนแต่แสดงออกถึงความจงรักภักดีจนเป็นที่ประจักษ์ทนได้อย่างไร เมื่อมีการป้ายสีและลากไปไกลว่าละครที่ตัวเองทำนั้นถูกถอดเพราะเกี่ยวโยงกับมาตรา 112
ความดิ้นรนเพื่อเบี่ยงเบนปัญหานี้แสดงว่าพวกเขาต่างก็รู้โดยสัญชาตญาณว่า เรื่องแบบนี้นี่แหละที่จะกลายเป็นประเด็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่ฉีกหน้ากากประชาธิปไตยจอมปลอมได้ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่ชอบวิเคราะห์เรื่องโน้นเรื่องนี้เป็นตุเป็นตะ งานนี้ถึงกับคิดไม่เป็นเรียกหาว่าถ้าการเมืองหรือทักษิณอยู่เบื้องหลังก็เอาหลักฐานมาแสดง ท้าให้ช่อง 3 ผู้จัดเปิดโปงคนอยู่เบื้องหลัง แกล้งซื่อบื้อไม่รู้ว่า ช่อง 3 มันผูกสัมปทานไว้กับอำนาจรัฐแล้วเรื่องอะไรเขาจะทุบหม้อข้าวตัวเอง
ทำเป็นอินโนเซนต์ว่า ถ้าอำนาจการเมืองมันสั่งการมาจริงช่อง 3 ควรออกมาพูดจะไปเกรงกลัวอะไร พิโธ่พิถังมีหรือจะไม่กลัวกับสัมปทานที่มีผลประโยชน์เป็นแสนล้าน
สื่อเสื้อแดงอย่างมติชน-ข่าวสดมุ่งเน้นชูประเด็นว่า ช่อง 3 แบนตัวเอง ผิดกับวิสัยของสื่อมวลชนที่ชอบขุดคุ้ยไม่ควรเชื่ออะไรง่ายๆ โดยไม่ปันใจคิดสักนิดเลยว่า เรื่องแบบนี้อยู่ๆ ช่อง 3 จะลุกขึ้นมาแบนตัวเองทำไม
ทั้งๆ ที่ถ้าคิดให้ดีหรือคิดสักนิดจากเนื้อหาหรือบริบททั้งหมดของเรื่องว่าระหว่างเรื่องที่แบนตัวเองกับแบนเพราะมีคนสั่งนั้น อันไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน
ขนาดโอ๊คพานทองแท้ยังเชื่อเลยว่า เนื้อหาของละครเรื่องนี้ต้องการเสียดสีครอบครัวของตัวเอง ลองไปอ่านเฟซบุ๊กของโอ๊คดู
“ในเนื้อของละครเป็นเรื่องเกี่ยวกับนักธุรกิจที่เติบโตมาจากการสัมปทานดาวเทียม เมื่อเข้ามาเป็นนักการเมืองก็มีเรื่องทุจริตโกงกิน ในที่สุดก็ต้องชดใช้กรรมด้วยการถูก M 79 ยิงตาย ขณะที่มางานเปิดสถานีสื่อสารมวลชนที่ลูกของตนเป็นเจ้าของ ตัวละครก็มีทั้งชื่อ เพชร.. “แท้” ซึ่งเป็นเจ้าของสถานีฯ “แพร”..ไพลิน ซึ่งเป็นลูกสาวของนักธุรกิจเครือข่ายสื่อสารยักษ์ใหญ่ของไทย ขาดก็แต่ถ้าพลอตเรื่องมีชื่อ “พิณ.......” อะไรซักอย่าง”
มีเหรอนายใหญ่จะไม่คิด มีเหรอคนใกล้ตัวของนายใหญ่จะไม่คาบไปเล่าให้ฟัง มีเหรอจะไม่ทำให้นายใหญ่ฉุนเฉียว
แค่มีเสียงคำรามของจอมขมังเวทย์ผ่านอากาศมาว่า “เดี๋ยวนี้ช่องคุณทำละครด่าผมเหรอ จะเป็นศัตรูกันใช่มั้ย” ก็ขี้หดตดหายแล้ว
เอาเถอะครับเราไม่มีหลักฐานหรือมีใบเสร็จมาแสดงหรอกครับว่าใครสั่งแบน ข้อมูลที่ได้รับจากคนที่เกี่ยวข้องตรงที่สุดก็มาจากช่อง 3 ที่ยืนยันนอนยันว่า ไม่มีใครสั่ง นายกฯ ปูก็พูดว่าไม่รู้เรื่องไม่เคยยุ่งมีงานอื่นตั้งเยอะไม่มีเวลาไปยุ่งเรื่องแบบนี้ เราก็ต้องฟังเป็นข้อมูล แต่เราควรต้องคิดก่อนจะเชื่อ
คนเป็นสื่อหรือคนที่วิเคราะห์เรื่องราวอะไรต่ออะไรมามากมายก็ต้องคิดต่อสิว่า อยู่ๆ ช่อง 3 มันจะลุกขึ้นมาแบนตัวเองเหรอ ละครแต่ละเรื่องกว่าจะสร้างก็ต้องเอาบทมาให้ช่องพิจารณาก่อน และถ้าเราติดตามคนสร้างละครก็ยืนยันว่า เรื่องนี้ทำเสร็จก่อนมาฉายไม่ใช่ละครที่ออกอากาศไปถ่ายทำไป ถ้าช่อง 3 จะเห็นประเด็นปัญหาอย่างที่อ้างละครก็ไม่ควรจะได้รับการออนแอร์แต่แรกด้วยซ้ำไป ไม่ใช่มาตัดสินลงดาบกันใน 3 วันสุดท้ายที่จะจบ
เชื่อกันจริงๆ เหรอว่า ถ้าไม่มีใครสั่งแล้วช่อง 3 มันจะลุกขึ้นมาเซ็นเซอร์ตัวเองแบบที่อ้างมาตรา 37 พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 นอกจากอ้างกันแบบลอยๆ พูดแบบกว้างๆ พอเขาถามว่า ฉากไหนล่ะที่เข้าข่ายดังกล่าวก็พากันเงียบอมพะนำอธิบายไม่ได้ว่าตรงไหนที่เข้าข่ายมาตรา 37 อย่างว่า
ลูกสาวของเจ้าของช่องยังต้องออกมาบ่นผ่านโซเชียลมีเดียเลยว่า “เห็นใจกันบ้าง” ซึ่งชัดเจนว่าเป็นภาวะที่น้ำท่วมปากพูดไม่ได้
สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลให้เรานำมาชั่งตวงวัดได้ว่าอย่างไหนแง่มุมไหนที่มีน้ำหนักมากกว่ากัน
เมื่อคิดแบบนี้แล้วเราต้องคิดต่อไปว่า นี่เหรอว่ะพวกที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย ชูตัวเองเป็นพวกเสรีนิยมแล้วชี้หน้าด่าคนอื่นว่าเป็นพวกอนุรักษนิยมเป็นพวกขวาตกขอบเป็นพวกล้าหลัง แต่ประชาธิปไตยที่สู้กันเอาชีวิตเข้าแลกนี่มันยังปิดกั้นกระทั่งละครที่ออนแอร์ทางทีวีเลย
มันพิสูจน์ว่า ประชาธิปไตยไม่ได้แค่เข้าคูหาแล้วอ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่มันต้องพิสูจน์ที่จิตวิญญาณและเนื้อแท้ของการกระทำด้วย
ตอนนี้เป็นไงล่ะครับสงครามชนชั้นสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ปลุกคนมาให้ต่อสู้บาดเจ็บล้มตาย เอาเถอะเขาเอาเงินของรัฐ 7.75 ล้านมาให้เพื่อแลกกับการตาย แล้ววันนี้เห็นผลลัพธ์ของการต่อสู้ว่ามีอะไรที่เป็นรูปธรรมบ้าง
พี่น้องที่ไปเผาศาลากลางถูกจับติดคุกแล้วตายในคุก มีอะไรไหมที่มาจากคนที่ตะโกนบอกพี่น้องว่า “เผาไปเลยผมรับผิดชอบเอง” แล้วมันรับผิดชอบเองอย่างที่ว่าบ้างไหม นอกจากเบื้องหลังที่หากินกับบริษัทขนาดใหญ่และมีทรัพย์สินเงินทองทบทวีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เห็นลูกเฉลิมไหม ติดยศร้อยโทเข้าไปเป็นตำรวจไม่กี่วัน วันนี้ได้ยศร้อยตำรวจเอกไปแล้ว แล้วทำไมตำรวจเสื้อแดงไม่คิดว่านี่แหละเป็นเรื่องของความแตกต่างทางชนชั้นระหว่างไพร่กับอำมาตย์เป็นประชาธิปไตยตรงไหน
ไม่มีใครหรอกครับที่จะนำพาประเทศไปให้ล้าหลังปิดประตูบ้านไม่คบกับใคร แต่ต้องทำให้สังคมรู้ทันพวกนักประชาธิปไตยจอมปลอมที่ปลิ้นปล้อนเอะอะก็อ้างมาจากเสียงข้างมาก มาจากการเลือกตั้งและจะแสดงวิสัยเผด็จการอย่างไรออกมาก็ได้ คนในสังคมต้องรู้เท่าทันพวกนี้ก่อนบ้านเมืองจึงจะเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
แค่ละครยังไม่ยอมให้ออนแอร์ นี่เป็นสิทธิขั้นพื้นๆ ของระบอบประชาธิปไตย น่าตลกก็คือพวกที่ออกมาต่อต้านมาตรา 112 ว่าไม่เป็นประชาธิปไตยปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ วันนี้มาช่วยแก้ต่างให้อำนาจมืดที่สั่งแบนละครกันหมด
บ้านเราจึงมีแต่พวกอ้างประชาธิปไตยแบบเทียมๆ เท่านั้นเอง