มาร์คจะนำม็อบ!?

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-บรรดาโหราจารย์ หลายสำนัก วิเคราะห์ดวงเมือง ทำนายสถานการณ์การเมืองปี 2556 ว่าจะร้อนแรง จากปัญหาคดีความ จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ และอาจถึงขั้นนองเลือดกันอีกรอบ เนื่องจากเป็นช่วงราหูกับเสาร์ เข้าโคจรในราศีตุลย์ ซึ่งท่านว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าหวาดเสียวยิ่ง

ขณะที่ทีมวิเคราะห์การเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ โดยบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาของพรรค ก็ได้เตือนสมาชิกพรรคในที่ประชุม เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า

สถานการณ์ในปี 2556 จะสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงทางการเมือง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่เน้นประชานิยมทุกรูปแบบ ทั้งในช่วงปีเศษที่ผ่านมา และกำลังจะดมตามมาอีกในอนาคต โดยไม่สนใจถึงภาระหนี้สินที่เกิดขึ้นอย่างมหาศาล จนในที่สุดก็เกิดการต่อต้านจากประชาชน จบลงด้วยการยุบสภา ในช่วงกลางปี

หรืออาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง จากการกระทำอย่างเหิมเกริม ลุอำนาจของรัฐบาล กระตุ้นให้เกิดการต่อต้านจากประชาชน จากเหตุการณ์ต่อไปนี้

1. การมุ่งประเด็นโยนความผิดเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมในปี 53 ที่ก่อให้เกิดการสูญเสีย 98 ศพ ว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศอฉ. ที่ต้องรับความผิด ทั้งที่รู้ว่าในแง่ของกฎหมาย และการต่อสู้คดีในชั้นศาล ไม่สามารถเอาผิดได้เพราะถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ ที่มีกฎหมายรองรับ แต่รัฐบาลยังใช้ดีเอสไอ เป็นเครื่องมือจะเอาผิดให้ได้ หวังใช้เป็นตัวประกันในการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

2. กรณีของนายราเมศ รัตนเชวง ทนายความของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกตีหัวหมายเอาชีวิต จนบาดเจ็บสาหัส หลังจากไปยิ่นเรื่องต่อ ผบ.ตร. ให้เอาผิดทางวินัยกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. จากกรณีเดินทางไปให้พ.ต.ท.ทักษิณ ประดับยศให้ และติดป้าย"มีวันนี้เพราะพี่ให้" ในห้องทำงาน แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้กำลังย้อนไปสู่ยุค พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ที่ถือคติที่ว่า "ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้" จะมีการขมขู่ประชาชนต่างๆ นานา เห็นได้จากรัฐบาลกำลังพยายามสถาปนา"รัฐตำรวจ"ขึ้นมาใหม่

3. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่รัฐบาลกำลังรณรงค์อ้างคำว่าประชาธิปไตย โดยอ้างว่ารัฐธรรมนูญปัจจุบันไม่เป็นประชาธิปไตย ทั้งที่ผ่านมาก็มีการใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ปัญหามาได้ตลอด ซึ่งครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์คนไทยว่าจะยอมให้มีการแก้ไขหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการทำประชามติ แก้ไขรายมาตรา หรือโหวตวาระ3 ร่างแก้ไขมาตรา 291 เพื่อนำไปสู่การตั้งส.ส.ร.เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เพราะพฤติกรรมของรัฐบาลที่ผ่านมา ชัดเจนว่าจะมุ่งทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

การออกมาส่งสัญญาณของทีมวิเคราะห์การเมืองพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ เหมือนจะยอมรับว่า การต่อสู้ในระบบรัฐสภาที่ผ่านมานั้น ล้มเหลว ไม่สามารถหยุดยั้งการทุจริต คอร์รัปชัน การใช้อำนาจโดยมิชอบ เพื่อเอื้อพวกพ้องของฝ่ายรัฐบาลได้

ขณะเดียวกันก็บ่งบอกนัยยะว่า มีทางเดียวหยุดยั้งความเหิมเกริมของรัฐบาลได้ คือ ต้องพึงอำนาจประชาชน กดดัน เคลื่อนไหว ขับไล่ นอกสภา

แต่ใครล่ะ จะมีศักยภาพในการเป็นผู้นำเคลื่อนไหว

ต้องจับตาว่า ปี 2556 นี้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะกล้าตัดสินใจควบ 2 ตำแหน่งอย่างเต็มตัวหรือไม่ คือเป็นทั้งผู้นำฝ่ายค้านในสภา และเป็นผู้นำมวลชนนอกสภา