เป็นข่าวหน้าหนึ่งยึดพื้นที่หนังสือพิมพ์ทุกฉบับในเช้าวันรุ่งขึ้นทันที เมื่อทราบว่า “นายราเมศ รัตนะเชวง” รองโฆษกและทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ถูกลอบตีศีรษะ เมื่อ เวลา 21.30 น. ของคืนวันที่ 17 ธ.ค.บริเวณปาล์มคอนโดมิเนียม 1 ภายในซอยบางนา-ตราด 19 แยก 15 โดยนายราเมศมีอาการกะโหลกศีรษะร้าว
ทั้งนี้ ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ทำให้ทราบว่า ขณะเกิดเหตุนายราเมศได้ขับรถยนต์เข้ามาภายในลานจอดรถของอาคาร และระหว่างนั้นมีชาย 2 คน สวมหมวกกันน็อคแบบเต็มใบขับขี่จักรยานยนต์เข้ามา และหนึ่งในคนร้ายก็ได้ตรงเข้ามาทำร้ายร่างกายนายราเมศ โดยใช้ของแข็งฟาดเข้าที่ศีรษะจนนายราเมศล้มลงก่อนหลบหนีไป
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายราเมศถูกทำร้ายร่างกายเมื่อคืนวันที่ 17 ธันวาคมว่า จากการรับรายงานล่าสุดทราบว่า อาการของนายราเมศอยู่ในขั้นที่ปลอดภัยแล้ว โดยได้ถอดเครื่องช่วยหายใจออก และมีการแสดงการรับรู้ผ่านทางสายตา แต่ยังไม่สามารถพูดได้ ทั้ง นี้ คงต้องดูอาการข้างเคียงอื่น ๆ ต่อไป ในเบื้องต้นถือว่าอาการค่อนข้างหนัก เพราะสมองได้รับการกระทบกระเทือน แต่โชคดีที่ไม่มีเลือดคั่ง ล่าสุดได้ย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์แล้ว
ส่วนปมประเด็นการลอบทำร้ายในครั้งนี้ นี่คือสิ่งที่แกนนำพรรคมีความเป็นห่วง เพราะนายราเมศถือเป็นบุคคลที่ทุ่มเททำงานให้พรรคประชาธิปัตย์ จนอาจเรียกได้ว่าเป็นมือขวาของนายหัวชวนเลยก็ว่าได้ คดีสำคัญ ๆ ของพรรคผ่านสายตาราเมศเกือบทุกคดี
โดยในระยะหลัง นายราเมศเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น นอกเหนือจากการทำงานด้านกฎหมายเพียงอย่างเดียว ด้วยการทำหน้าที่ตรวจสอบและเป็นทนายในคดีการเมืองให้กับทีมสายล่อฟ้าและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
แต่สิ่งเหล่านั้นไม่เคยทำให้เขาถูกประกบติดตามตามตัวจนรู้สึกไม่ปลอดภัยมาก่อน จนกระทั่งเขามาจับเรื่องร้อน “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ที่เกี่ยวพันกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กรณีเดินทางไปฮ่องกงให้นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ประดับยศ พล.ต.ท.ให้ แถมท้ายด้วยป้ายติดประจานตัวเองความว่า “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดจริยธรรม อย่างชัดแจ้ง ที่ตำรวจไปให้โจรประดับยศ
ด้านพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. กล่าวภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีว่า คดีนี้เป็นคดีที่อุกอาจมากเพราะนายราเมศ เป็นทนายความของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตำรวจเร่งสืบสวนหาคนร้ายให้ได้โดยเร็ว การที่เรียกประชุมนั้นเพื่อมาดูพยานหลักฐานทั้งหมด พร้อมกับวางกรอบในการสืบสวนหาตัวคนร้าย ส่วนกล้องวงจรปิด (cctv) ทั้งหมด จะไล่ตรวจสอบตั้งแต่ช่วงเช้าที่นายราเมศออกเดินทางไปที่ใดบ้าง และจะเก็บรายละเอียดของพยานหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง
“สำหรับการติดตามสืบสวนก็จะให้ชุดสืบสวนของ 191, ของโรงพัก, บก.น.5 และของ บก.สส.บช.น.ร่วมคลี่คลายคดีนี้ เพราะฉะนั้นต้องเก็บหลักฐานทั้งหมดว่ามีใครติดตามนายราเมศมาไหมหรือมาดักซุ่มทำร้าย ทั้งนี้ได้ตั้งประเด็นไว้ทุกประเด็นไม่ได้ตัดประเด็นไหนออก” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ระบุ
ดังนั้น คดีนี้จึงเป็นบทพิสูจน์ฝีมือสืบสวนสอบสวนของตำรวจในยุคพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.อีกครั้งว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองจะลงเอยอย่างไร
สำหรับประวัติโดยย่อของนายราเมศ รัตนะเชวง นอกจากจะเปิดสำนักงานทนายความเป็นของตัวเอง ต่อมา เข้าร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2551 นอกจากรับบทบาทรองโฆษกพรรคแล้ว ยังเป็นที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ตามการแนะนำของ นายชวน หลีกภัย ทนายสายล่อฟ้า และอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, ผู้ช่วย ส.ส., เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ และทรัพย์สินทางปัญญาสภาผู้แทนราษฎร, คณะอนุกรรมการจัดทำร่างนโยบาย พรรคประชาธิปัตย์, ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการติดตามและตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล สภาผู้แทนราษฎร ฯลฯ
ชนวนเหตุทำร้ายร่างกายครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ต้นสังกัด เชื่อว่าเป็นเรื่องการเมือง ส่วน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ปฏิเสธว่าไม่ใช่เรื่องการเมือง เนื่องจากมิได้มีตำแหน่งหลัก เป็นเพียงรองโฆษกพรรค
ด้านนายสัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความ ได้ออกแถลงการณ์ของสภาทนายความ เรื่องที่ นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกฯและทีมกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า ทางคณะกรรมการสภาทนายความ ในฐานะตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ เห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนร้ายได้ทำร้ายร่างกายหมายเอาชีวิตนายราเมศ ซึ่งเป็นทนายความผู้ประกอบวิชาชีพรักษากฎหมายและความเป็นธรรม
ดังนั้น ทางสภาทนายความ จึงขอเรียกร้องให้ผู้มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการดังต่อไปนี้ 1.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวน เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดและผู้ที่ เกี่ยวข้องมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว 2. กระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนควรให้ความช่วยเหลือตามภารกิจในด้านการให้ความคุ้มครองและชดใช้ค่ารักษาพยาบาล ค่าสินไหมทดแทนตามสิทธิที่พึงมีพึงได้ตามรัฐธรรมนูญ 3.สภาทนายความพร้อมที่จะส่งทนายความผู้เชี่ยวชาญในคดีไปร่วมให้ความช่วยเหลือ แสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ถึงที่สุด
ถึงตรงนี้ คงต้องบอกว่าน่าเป็นห่วงต่อสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ เพราะสะท้อนให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยกำลังถอยห่างออกจากประชาชนไปทีละน้อย ๆ โดยมุ่งแต่จะช่วยล้างผิดให้พี่ชายนายกฯพ้นมลทินในทุกคดี ขณะที่ปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนแทบจะไม่มีเหลือ
ที่สำคัญคือ เชื่อว่าการทำร้าย ทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นในศักราชปีมะเส็งนี้ อาจถึงขั้นต้องนองเลือด หากเจ้าหน้าที่รัฐไม่สนใจปัญหา ขณะที่ฝ่ายการเมืองจ้องเล่นงานขั้วตรงข้ามชนิดตัดรากถอนโคน.