ตำรวจเผยญาติยัน “ราเมศ” โดนทำร้ายเป็นเรื่องการเมืองไม่มีเรื่องส่วนตัว พร้อมแจ้งย้ายไปรักษาต่อที่ รพ.บำรุงราษฎร์ สั่ง ตร.คุมเข้ม ชี้อาการดีขึ้นจะสอบปากคำทันทีเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ ด้าน “อดุลย์” สั่ง ผบช.น.ล่าคนร้าย ส่วนรอง ผบช.น.เผยยังไม่ได้ตัดประเด็นทนายสายล่อฟ้ายื่นหนังสือต่อ “เพรียวพันธ์” ร้องเรียน “แจ๊ด” ให้แม้วติดยศให้
วันนี้ (18 ธ.ค.) เวลา 13.00 น. พ.ต.ท.อาชวิน บุญธรรมเจริญ พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สน.บางนา เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนายราเมศ รัตนะเชวง ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ และทนายรายการสายล่อฟ้า ของสถานีทีวีดาวเทียมบลูสกาย ถูกของแข็งตีบริเวณศีรษะด้านหลังเหนือท้ายทอย หลังจากลงจากรถโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์-เงิน หมายเลขทะเบียน วน 9504 กทม. บริเวณปาล์มคอนโด ซอยบางนา-ตราด 19 (ซอยเชลียง 7) แขวงและเขตบางนา กทม. เมื่อช่วงดึกวานนี้ (17 ธ.ค.) ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นว่า หลังจากเกิดเหตุได้สอบปากคำพยานแล้วจำนวน 1 ราย และได้สอบปากคำญาติผู้บาดเจ็บให้การว่านายราเมศไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับใคร โดยคาดว่าน่าจะเกิดจากปัญหาในเรื่องการเมืองเท่านั้น หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะต้องทำการตรวจสอบประวัตินายราเมศว่าเคยมีปัญหากับใครบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องชู้สาว เพื่อนำไปประกอบสำนวนในคดี ส่วนเรื่องภาพกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุได้ทำการประสานไปยังฝ่ายสืบสวน สน.บางนาให้เร่งติดตามมาตรวจสอบแล้ว
พ.ต.ท.อาชวินกล่าวอีกว่า สำหรับอาการของนายราเมศหลังจากถูกของแข็งตีเข้าที่ศีรษะจนบาดเจ็บสาหัสนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถให้การต่อทางพนักงานสอบสวนได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวนายราเมศจาก รพ.บางนา 1 ไปรักษาต่อยัง รพ.บำรุงราษฎร์ พร้อมทั้งประสานให้ฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพินี คอยเฝ้าสังเกตการณ์ที่ รพ.บำรุงราษฎร์แล้ว หากผู้บาดเจ็บมีอาการดีขึ้นทางเจ้าหน้าที่จะเดินทางไปสอบปากคำทันที
ด้าน พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น.เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเร่งตรวจสอบหาภาพคนร้ายที่ก่อเหตุตามกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุแล้ว ซึ่งในคอนโดฯ ที่พักของนายราเมศนั้นเป็นคอนโดมิเนียมเก่าจึงไม่มีกล้องวงจรปิดติดตั้ง และนายราเมศก็ได้พักอาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษา ส่วนการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ รปภ.ของคอนโดฯ ที่เกิดเหตุนั้นได้ทำการสอบปากคำแล้วแต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก ระบุแต่เพียงว่าคนร้ายเป็นชาย 2 คนสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้าไว้
“สำหรับคนร้ายคาดว่าคงไม่ใช่มืออาชีพ เพราะลักษณะการก่อเหตุมีการใช้ของแข็งตีที่ศีรษะและมีการทำร้ายร่างกาย แต่ทรัพย์สินไม่มีอะไรสูญหายไป อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดๆ ทิ้งไป เพราะจะต้องรอสอบปากคำผู้บาดเจ็บเสียก่อน เนื่องจากตอนนี้ยังให้การไม่ได้” พล.ต.ต.ปริญญากล่าว
พล.ต.ต.ปริญญากล่าวอีกว่า ส่วนกรณีนายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เคยออกมาพูดว่านายราเมศถูกข่มขู่คุกคามหลังจากที่ไปยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร.ให้ดำเนินการทางวินัยต่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. กรณีให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและเป็นนักโทษหนีคดีติดยศให้นั้น เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ตัดประเด็นนี้ทิ้งไป แต่อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน นอกจากนี้ ก่อนที่นายราเมศจะถูกทำร้ายเคยไปแจ้งความไว้ที่โรงพักแห่งหนึ่งว่าถูกติดตามดักทำร้ายร่างกายและกำลังนำข้อมูลเบาะแสนั้นมารวบรวมเป็นหลักฐานในการจับกุมคนร้ายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้สั่งกำชับให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพนักงานสอบสวน สน.บางนา เร่งสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ โดยให้ลงไปตรวจสอบทั้งพยานบุคคล และกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ซึ่งเบื้องต้นทราบเพียงว่าคนร้ายเป็นชายขับขี่จักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า สีฟ้า-ขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งขณะนี้ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้เร่งดำเนินการแล้ว
