“โทรโข่งมาร์ค” เผยย้าย “ราเมศ” ซ่อนโรงพยาบาลลับ รับอาการดีขึ้นแต่ยังทรงตัวไม่ปกติ เชื่อคดีขัดแย้ง “คำรณวิทย์” ต้นเหตุ หวังไม่ซ้ำรอย “ชุติเดช” โดนยิง รอข้อสรุปเอายังไงต่อสัปดาห์นี้ วอนสื่ออย่าให้เงียบ จวก “เฉลิม” สบประมาทโยงชู้สาว ทำตำรวจเสียศักดิ์ศรี คาดสัปดาห์หน้าให้ปากคำได้ ระบุต้องเข้ม รปภ. หวั่นเจอปิดปาก
วันนี้ (24 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ โฆษกส่วนตัวผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับอาการของนายราเมศ รัตนะเชวง ทีมกฎหมายและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกทำร้ายร่างกายด้วยการใช้ของมีคมฟันที่ศีรษะเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ในขณะนี้ได้มีการย้ายโรงพยาบาลจากบำรุงราษฎร์ไปโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งเพื่อความปลอดภัย โดยย้ายไปตั้งแต่วานนี้ (23 ธ.ค.55) เวลาบ่าย 2 โมง อาการล่าสุดดีขึ้น แผลที่ศีรษะความยาว 6 เซนติเมตร ลึก 5 เซนติเมตร แต่มีผลกระทบที่สมองส่วนกลางทำให้การทรงตัวไม่ปกติ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการพักฟื้นและฟื้นฟูร่างกายเพราะยังมีปัญหาเรื่องการทรงตัว แต่ไม่กระทบความจำ นอกจากนี้ยังพบรอยร้าวที่ซี่โครงเพิ่มขึ้น
นายแทนคุณกล่าวว่า ยังได้ตั้งข้อสังเกต 4 จับไปยังตำรวจ ประกอบด้วย จับเป็น จับตาย จับแพะ จับลม โดยจับเป็นคือได้ตัวคนร้ายสาวถึงตัวผู้บงการ เพราะเป็นคดีที่ขัดแย้งกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คือ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบ.ชน. และคดีเกี่ยวกับดีเอสไอ โดยนายราเมศเป็นทนายความมืออันดับต้นๆ ของพรรค ผู้ทำร้ายจึงน่าจะเป็นการจ้างวานจึงต้องจับให้ได้และสาวไปถึงผู้บงการ ส่วนจับเป็นแต่สาวไม่ไปถึงผู้บงการ และยังมีแนวโน้มถูกจับตายด้วยการวิสามัญฆาตกรรมหรืออุ้มหายเพราะเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลและตำรวจ จึงอยากให้ออกมามอบตัวโดยเร็วที่สุดก่อนถูกเก็บ ตำรวจอ้างว่ามีความคืบหน้าทางคดี แต่ความจริงคือไม่มีความชัดเจน ส่วนการจับแพะ คือ อาจมีการจับคนที่เกี่ยวข้องคือนักเลงหัวไม้ ตำรวจนอกรีต หรือคนเกี่ยวข้องยาเสพติด รวมถึงคดีจับลม คือ จับใครไม่ได้เลย เหมือนกรณีคดีนายชุติเดช หรือคม สุวรรณเกิด คนสนิทของตนที่ถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งภรรยาของนายชุติเดชยังแจ้งว่าเห็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนร้ายลอยนวลอยู่โดยไม่ถูกจับกุม จึงหวังว่าคดีนายราเมศจะไม่ซ้ำรอยเดิม
นายแทนคุณกล่าวด้วยว่า พรรคคุยกันว่าถ้าคดีไม่มีความคืบหน้าและไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็อาจไปร้องกองปราบฯ แต่ถ้าตำรวจอิงแอบอำนาจทางการเมืองมากไปก็จะไม่ได้ประโยชน์เช่นเดียวกัน โดยภายในสัปดาห์นี้ได้ข้อสรุปว่าจะดำเนินการอย่างไร และคงไม่ร้องดีเอสไอเพราะนายราเมศก็เคยโต้เถียงกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของดีเอสไอ จึงถือเป็นคู่กรณีเหมือนกัน ทั้งนี้ ขอพลังจากสื่อมวลชนไม่ให้เรื่องเงียบหายไป โดยหากจำเป็นพรรคอาจต้องรวบรวมหลักฐานยื่นฟ้องเอง แต่ก็ต้องพึ่งการสอบสวนของตำรวจ สน.บางนา ที่กำลังพยายามทำเต็มที่ ซึ่งตนเชื่อเป็นประโยชน์ในการยื่นฟ้องเองในอนาคต ส่วนกรณีข้อมูลผู้ต้องหาอาจเป็นตำรวจนั้นก็ได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่แล้วแต่ก็มีการรีบออกมาปฏิเสธ เหมือนกับปกป้องกันเองซึ่งจะทำให้ประชาชนไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐนตรี ที่ระบุว่าเป็นเรื่องชู้สาวเป็นการสบประมาทอย่างรุนแรง พร้อมเตือนว่าเรื่องนี้อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะจะเป็นการล้มละลายทางความน่าเชื่อถือและศักดิ์ศรีของตำรวจ ตนมีความหวังเพียงแค่ 50% ว่าคดีจะมีความเที่ยงตรงและอยากให้ตำรวจคิดว่ามีวันนี้เพราะประชาชนให้ไม่ใช่มีวันนี้เพราะพี่ให้
สำหรับอาการของนายราเมศนั้น นายแทนคุณกล่าวว่า คาดว่าจะกลับมาเป็นเป็นปกติภายใน 1 เดือน ซึ่งนายราเมศ น่าจะให้ปากคำกับตำรวจได้เร็วที่สุดคือสิ้นสัปดาห์นี้ หรือช้าที่สุดไม่เกินสัปดาห์หน้า เพราะยังมีอาการปวดหัวหากคุยนานๆ และยังต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นไปได้ที่จะมีกลุ่มหวังผลในทางคดีปิดปากนายราเมศ เพราะอาจกลัวว่าจำหน้าได้ รูปร่างลักษณะได้ เนื่องจากมียามเห็นเหตุการณ์ด้วย ซึ่งพรรคส่งคนไปดูแลความปลอดภัยของนายราเมศ เพราะไม่ไว้ใจตำรวจและทางโรงพยาบาลก็ช่วยดูแลความปลอดภัยด้วยโดยไม่มีการเปิดข้อมูลว่าพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลใดเร็วสุดสิ้นสัปดาห์นี้ช้าสุดไม่เกินสัปดาห์หน้า