"พยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล" ชี้ปมทุจริตโครงการเยียวยาน้ำท่วมใน 5 จังหวัดที่สภาอุตฯ จังหวัด เป็นผู้รับผิดชอบรวม 60 ล้านบาท เกิดเหตุฉาวลพบุรี พบเงิน 4.6 ล้านล่องหน เป็นที่มาของการเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้ามหวังปลดตนให้พ้นทาง โดยอ้างค่าแรง 300 บาทมาบังหน้า ขณะที่ "ธนิต โสรัตน์" จวกกลุ่ม "พยุงศักดิ์" ใช้สมาชิกรายใหญ่บีบ SME จับตาวันนี้ประชุม 2 เวทีอีกครั้ง
ความขัดแย้งในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระหว่างทีมของนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธาน ส.อ.ท. กับฝ่ายตรงข้ามที่เดินเกมปลดนายพยุงศักดิ์ออกจากตำแหน่งประธานฯ ยังคงคุกรุ่นโดยไม่มีทีท่าจะจบลงง่ายๆ ล่าสุดนายพยุงศักดิ์พร้อมคณะกรรมการบริหารเปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนที่โรงแรมสยามซิตี้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทีมงานของนายพยุงศักดิ์เปิดเผยถึงที่มาของความขัดแย้งว่า น่าจะเปิดจากคดีทุจริตเงินเยียวยาน้ำท่วมภายใต้โครงการยกระดับฝีมือแรงงานลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยกลับสู่สถานประกอบการใน 5 จังหวัด โดยงบประมาณเยียวยาจงหวัดละ 12 ล้านบาท รวม 5 จังหวัดเป็นเงิน 60 ล้านบาท จึงได้สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ทำให้ฝ่ายที่สูญเสียผลประโยชน์ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านโดยอ้างเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ของรัฐบาลที่จะบังคับใช้ทั่วประเทศในวันที่ 1 ม.ค.2556
"ก่อนจะตั้งคณะกรรมการสอบ ได้ตรวจสอบพบว่าโครงการยกระดับฝีมือแรงงานลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยกลับสู่สถานประกอบการ ไม่ผ่านมาที่สภาอุตฯใหญ่ ที่มีสภาพเป็นนิติบุคคล ในขณะสภาอุตฯจังหวัดเป็นเพียงสาขา ไม่สามารถดำเนินการแบบนี้ได้ และประธานสภาอุตฯ ลพบุรีได้ทำหนังสือ ชี้แจงมาว่า มีรองเลขาฯ ส.อ.ท. ท่านหนึ่งที่ได้ติดต่อมาให้ทำเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ผิดปกติ เพราะสภาอุตฯจังหวัดไม่สามารถทำนิติกรรมรับเงินแทน ส.อ.ท.ได้" นายวัลลภ วิตนากร รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวเสริม
กรณีดังกล่าวกลายเป็นเรื่องขึ้นมาด้วยความบังเอิญ เนื่องจากเจ้าหน้ากรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน เจ้าของงบประมาณในโครงการเยียวยาติดตามผลโทรศัพท์ไปหาตัวแทนแรงงานในจังหวัดที่ได้รับงบประมาณ ปรากฏว่าที่จังหวัดลพบุรีตัวแทนแรงงานรายดังกล่าวมีปัญหาเงินขาดไป 6,000 บาท เพราะผู้จ่ายเงินอ้างว่ามีแรงงาน 5 คนบัตรประชาชนหมดอายุ ต้องหักเงิน จึงร้องเรียนเจ้าหน้าที่จากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน พบว่าไม่มีเงื่อนไขเรื่องบัตรประชาชนหมดอายุ ต่อมาเมื่อมีการตรวจสอบกลับพบว่างบ 12 ล้านบาท ถูกจ่ายจริงแค่ 7.4 ล้านบาทเท่านั้น ประเด็นก็คือเงินอีก 4.6 ล้านบาทหายไปไหน และ 4 จังหวัดที่เหลือคือมีปัญหาเหมือนกับที่จังหวัดลพบุรีหรือไม่
"เรื่องเกิดตั้งแต่เดือนสิงหาคม มีการสอบสวนแต่ไม่คืบหน้า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจึงต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนชุดใหม่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ว่าเงิน 4.6 ล้านบาทนั้น หายไปไหน งบจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานแปลงเป็นเงินสดได้อย่างไร มีการหักค่าหัวคิวหรือไม่ เราอยากให้กระทรวงแรงงานในฐานะหน่วยงานของรัฐผู้เสียหายเข้ามาเร่งรัดอีกทางหนึ่งแต่ตอนนี้ยังเงียบอยู่"
***จับตา ส.อ.ท.ประชุมวันนี้
รายงานข่าวระบุว่าทีมของนายพยุงศักดิ์ซึ่งได้รับการยอมรับจากหน่วยงานของรัฐบาล หน่วยงานร่วมระหว่างรัฐกับเอกชนและสมาคมธนาคารไทยจะมีการประชุมคณะกรรมการในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ขณะที่อีกฝ่ายจะเปิดประชุมเช่นกันที่โรงแรมดุสิตธานี นายพยุงศักดิกล่าวว่า คณะกรรมการสภาอุตฯ มีการประชุมทุกเดือนอยู่แล้ว เพื่อพิจารณาเรื่องที่ค้างจากการเลื่อนการประชุมครั้งที่แล้ว มีการพิจารณาเบิกจ่ายงบประมาณโครงการต่างๆ การอนุมัติสมาชิกใหม่ และสมาชิกลาออก จะไม่มีการพิจารณาในวาระถอดถอนประธานเข้ามาในการประชุมครั้งนี้อีก โดยมั่นใจว่าตนยังคงเป็นประธาน ส.อ.ท.
ด้านนายธนิต โสรัตน์ เลขาธิการ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการ ส.อ.ท. ในวันนี้ (24 ธ.ค.) ทางกลุ่มจะมีการประชุมตามปกติ แม้ว่านายพยุงศักดิ์ จะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการเช่นเดียวกัน เพราะทางกลุ่มมองว่าการประชุมที่โรงแรมดุสิตธานีได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่มั่นใจว่าจะสามารถประชุมได้ครบองค์ประชุมหรือไม่ เพราะกฎระเบียบบังคับให้มีจำนวนกรรมการเกิน 50% ของกรรมการทั้งหมด 348 คน เนื่องจากกรรมการที่เป็นตัวแทนจากธุรกิจเอสเอ็มอีในต่างจังหวัดจำนวนมากไม่มีเวลาว่าง เพราะต้องเร่งส่งสินค้าตามคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ให้กับลูกค้าเพื่อให้ทันเทศกาลปีใหม่ ขณะที่เอสเอ็มอีบางรายถูกผู้ประกอบการขนาดใหญ่บีบด้วยเหตุผลทางธุรกิจจึงไม่กล้ามาประชุมร่วมกับกลุ่ม เป็นต้น
“ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาจากปัญหาระหว่างกลุ่มเอสเอ็มอีในต่างจังหวัดกับตัวประธาน ส.อ.ท. เพราะรายเล็กต้องการที่จะเข้ามาตรวจสอบ แต่นายพยุงศักดิ์ กลับเอารายใหญ่เข้ากลุ่มมาต่อสู้กับธุรกิจรายเล็ก จนระยะหลังเป็นปัญหาลุกลามมาเป็นการต่อสู้ระหว่างรายใหญ่กับรายเล็ก ซึ่งตัวแทนในต่างจังหวัดไม่ต้องการสู้กับทุนใหญ่ดังนั้นจึงอยากให้ธุรกิจรายใหญ่มีความเป็นกลาง และเชื่อว่าไม่นานปัญหาทุกอย่างคงจบลง” นายธนิตกล่าว.
ความขัดแย้งในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระหว่างทีมของนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธาน ส.อ.ท. กับฝ่ายตรงข้ามที่เดินเกมปลดนายพยุงศักดิ์ออกจากตำแหน่งประธานฯ ยังคงคุกรุ่นโดยไม่มีทีท่าจะจบลงง่ายๆ ล่าสุดนายพยุงศักดิ์พร้อมคณะกรรมการบริหารเปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนที่โรงแรมสยามซิตี้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทีมงานของนายพยุงศักดิ์เปิดเผยถึงที่มาของความขัดแย้งว่า น่าจะเปิดจากคดีทุจริตเงินเยียวยาน้ำท่วมภายใต้โครงการยกระดับฝีมือแรงงานลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยกลับสู่สถานประกอบการใน 5 จังหวัด โดยงบประมาณเยียวยาจงหวัดละ 12 ล้านบาท รวม 5 จังหวัดเป็นเงิน 60 ล้านบาท จึงได้สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ทำให้ฝ่ายที่สูญเสียผลประโยชน์ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านโดยอ้างเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ของรัฐบาลที่จะบังคับใช้ทั่วประเทศในวันที่ 1 ม.ค.2556
"ก่อนจะตั้งคณะกรรมการสอบ ได้ตรวจสอบพบว่าโครงการยกระดับฝีมือแรงงานลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยกลับสู่สถานประกอบการ ไม่ผ่านมาที่สภาอุตฯใหญ่ ที่มีสภาพเป็นนิติบุคคล ในขณะสภาอุตฯจังหวัดเป็นเพียงสาขา ไม่สามารถดำเนินการแบบนี้ได้ และประธานสภาอุตฯ ลพบุรีได้ทำหนังสือ ชี้แจงมาว่า มีรองเลขาฯ ส.อ.ท. ท่านหนึ่งที่ได้ติดต่อมาให้ทำเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ผิดปกติ เพราะสภาอุตฯจังหวัดไม่สามารถทำนิติกรรมรับเงินแทน ส.อ.ท.ได้" นายวัลลภ วิตนากร รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวเสริม
กรณีดังกล่าวกลายเป็นเรื่องขึ้นมาด้วยความบังเอิญ เนื่องจากเจ้าหน้ากรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน เจ้าของงบประมาณในโครงการเยียวยาติดตามผลโทรศัพท์ไปหาตัวแทนแรงงานในจังหวัดที่ได้รับงบประมาณ ปรากฏว่าที่จังหวัดลพบุรีตัวแทนแรงงานรายดังกล่าวมีปัญหาเงินขาดไป 6,000 บาท เพราะผู้จ่ายเงินอ้างว่ามีแรงงาน 5 คนบัตรประชาชนหมดอายุ ต้องหักเงิน จึงร้องเรียนเจ้าหน้าที่จากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน พบว่าไม่มีเงื่อนไขเรื่องบัตรประชาชนหมดอายุ ต่อมาเมื่อมีการตรวจสอบกลับพบว่างบ 12 ล้านบาท ถูกจ่ายจริงแค่ 7.4 ล้านบาทเท่านั้น ประเด็นก็คือเงินอีก 4.6 ล้านบาทหายไปไหน และ 4 จังหวัดที่เหลือคือมีปัญหาเหมือนกับที่จังหวัดลพบุรีหรือไม่
"เรื่องเกิดตั้งแต่เดือนสิงหาคม มีการสอบสวนแต่ไม่คืบหน้า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจึงต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนชุดใหม่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ว่าเงิน 4.6 ล้านบาทนั้น หายไปไหน งบจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานแปลงเป็นเงินสดได้อย่างไร มีการหักค่าหัวคิวหรือไม่ เราอยากให้กระทรวงแรงงานในฐานะหน่วยงานของรัฐผู้เสียหายเข้ามาเร่งรัดอีกทางหนึ่งแต่ตอนนี้ยังเงียบอยู่"
***จับตา ส.อ.ท.ประชุมวันนี้
รายงานข่าวระบุว่าทีมของนายพยุงศักดิ์ซึ่งได้รับการยอมรับจากหน่วยงานของรัฐบาล หน่วยงานร่วมระหว่างรัฐกับเอกชนและสมาคมธนาคารไทยจะมีการประชุมคณะกรรมการในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ขณะที่อีกฝ่ายจะเปิดประชุมเช่นกันที่โรงแรมดุสิตธานี นายพยุงศักดิกล่าวว่า คณะกรรมการสภาอุตฯ มีการประชุมทุกเดือนอยู่แล้ว เพื่อพิจารณาเรื่องที่ค้างจากการเลื่อนการประชุมครั้งที่แล้ว มีการพิจารณาเบิกจ่ายงบประมาณโครงการต่างๆ การอนุมัติสมาชิกใหม่ และสมาชิกลาออก จะไม่มีการพิจารณาในวาระถอดถอนประธานเข้ามาในการประชุมครั้งนี้อีก โดยมั่นใจว่าตนยังคงเป็นประธาน ส.อ.ท.
ด้านนายธนิต โสรัตน์ เลขาธิการ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการ ส.อ.ท. ในวันนี้ (24 ธ.ค.) ทางกลุ่มจะมีการประชุมตามปกติ แม้ว่านายพยุงศักดิ์ จะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการเช่นเดียวกัน เพราะทางกลุ่มมองว่าการประชุมที่โรงแรมดุสิตธานีได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่มั่นใจว่าจะสามารถประชุมได้ครบองค์ประชุมหรือไม่ เพราะกฎระเบียบบังคับให้มีจำนวนกรรมการเกิน 50% ของกรรมการทั้งหมด 348 คน เนื่องจากกรรมการที่เป็นตัวแทนจากธุรกิจเอสเอ็มอีในต่างจังหวัดจำนวนมากไม่มีเวลาว่าง เพราะต้องเร่งส่งสินค้าตามคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ให้กับลูกค้าเพื่อให้ทันเทศกาลปีใหม่ ขณะที่เอสเอ็มอีบางรายถูกผู้ประกอบการขนาดใหญ่บีบด้วยเหตุผลทางธุรกิจจึงไม่กล้ามาประชุมร่วมกับกลุ่ม เป็นต้น
“ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาจากปัญหาระหว่างกลุ่มเอสเอ็มอีในต่างจังหวัดกับตัวประธาน ส.อ.ท. เพราะรายเล็กต้องการที่จะเข้ามาตรวจสอบ แต่นายพยุงศักดิ์ กลับเอารายใหญ่เข้ากลุ่มมาต่อสู้กับธุรกิจรายเล็ก จนระยะหลังเป็นปัญหาลุกลามมาเป็นการต่อสู้ระหว่างรายใหญ่กับรายเล็ก ซึ่งตัวแทนในต่างจังหวัดไม่ต้องการสู้กับทุนใหญ่ดังนั้นจึงอยากให้ธุรกิจรายใหญ่มีความเป็นกลาง และเชื่อว่าไม่นานปัญหาทุกอย่างคงจบลง” นายธนิตกล่าว.
