ASTVผู้จัดการรายวัน-"พยุงศักดิ์"ประธาน ส.อ.ท.คนเก่า ยังเข้าสำนักงานเพื่อทำงานตามปกติ แต่งานส่วนใหญ่แค่เซ็นแฟ้มเพื่อทราบ ขณะที่หมายเชิญร่วมงาน พบไม่กล้าระบุชื่อใครเป็นประธาน ด้าน "ธนิต"ยัน "สันติ"ประธานคนใหม่ จะนัดประชุมตั้งกรรมการบริหารวันนี้ แนะพยุงศักดิ์รับให้ได้ เมื่อสมาชิกไม่เอาก็ควรวางมือ ไม่ใช่ดึงการเมืองมาเอี่ยว เหตุเป็นเรื่องภายใน "ปู"ยันค่าแรง 300 ขึ้นแน่ แต่รัฐพร้อมหามาตรการช่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (28 พ.ย.) บรรยากาศภายในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยังคงมีพนักงานเข้าไปทำงานตามปกติ โดยมีตำรวจเข้ามารักษาความปลอดภัย และตรวจเข้มผู้เข้าออกสำนักงานที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ และในช่วงเช้าวันเดียวกัน ยังพบว่า นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานส.อ.ท. ที่ถูกกรรมการส.อ.ท. โหวตพ้นตำแหน่งพร้อมกรรมการบริหาร (กบ.) เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2555 ยังคงเดินทางมาทำงานที่ห้องประจำตำแหน่งตามปกติ พร้อมเซ็นเอกสารที่เจ้าหน้าจัดส่งให้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องรับทราบทั่วไป
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบตารางงานในฐานะประธานส.อ.ท. ของนายพยุงศักดิ์ พบว่า ภายในสัปดาห์นี้ มีเพียงงานเดียว คือ ร่วมงานฉลองผลิตรถยนต์ครบ 2 ล้านคัน ที่เอกชนจัดงานร่วมกับรัฐบาลในวันที่ 30 พ.ย.2555 ที่เมืองทองธานี โดยมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน และมีนายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมงาน โดยเจ้าหน้าที่ ส.อ.ท. ยืนยันว่านายพยุงศักดิ์ยังมีรายชื่อร่วมงานดังกล่าวอยู่ สำหรับเอกสารที่ส่งถึง ส.อ.ท. เช่น เชิญร่วมงานสัมมนาพบว่า จะระบุเชิญประธานส.อ.ท.แต่ไม่ระบุชื่อว่าใครเป็นประธาน
นายธนิต โสรัตน์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ภายในวันนี้ (29 พ.ย.) นายสันติ วิลาศศักดานนท์ ในฐานะประธานที่กรรมการส.อ.ท.โหวตเลือกเข้ามาเมื่อวันที่ 26 พ.ย. จะตั้ง กบ.รวม 70 คนได้ และจะแบ่งหน้าที่การทำงานทันที และจากนั้นจะทำความเข้าใจสมาชิกทั่วประเทศ โดยเฉพาะประเด็นค่าจ้าง 300 บาทต่อวัน โดยจะไม่มีการต่อต้านรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องที่มีผลทางกฎหมาย แต่จะเดินหน้าประสานงานกับรัฐบาลถึงแนวทางความช่วยเหลือเพื่อลดผลกระทบให้ผู้ประกอบการ โดยโดยผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
ส่วนกรณีที่นายพยุงศักดิ์พยายามดึงฝ่ายการเมืองเข้ามาพัวพัน หรือตัดสินว่าฝ่ายไหนถูกผิด เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องภายใน สมาชิกต้องแก้ปัญหากันเอง เมื่อกรรมการ ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ไม่เอานายพยุงศักดิ์แล้ว ควรจะรับให้ได้ไม่ใช่ทำแบบนี้ ล่าสุดมีสมาชิกส.อ.ท.ต่างจังหวัดเริ่มร้องเรียนเข้ามาว่านายพยุงศักดิ์ได้ประสานกับผู้ว่าราชการให้สั่งสมาชิกต่างจังหวัดสนับสนุนฝ่ายนายพยุงศักดิ์
"ทราบว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจะตั้งคณะทำงานเข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าว ยอมรับว่าสมาชิกส.อ.ท.ยังไม่รู้ว่ารัฐมนตรีใช้อำนาจอะไร เพราะตามพ.ร.บ.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อำนาจของรัฐมนตรี คือ ปลดประธานส.อ.ท. และต้องเป็นกรณีที่ส่งผลร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ กรณีความขัดแย้งภายในจึงไม่น่าจะเกี่ยวข้อง"นายธนิตกล่าว
นายธนิตย้ำอีกว่า นายพยุงศักดิ์ขาดความชอบธรรมแล้ว เพราะการประชุมดำเนินตามกฎหมาย ส.อ.ท. หากนายพยุงศักดิ์อ้างว่าสั่งเลื่อนประชุม อยากรู้ว่าใช้กฎหมายข้อไหน เพราะเหตุผลสั่งเลื่อนประชุมฟังไม่ขึ้น นายพยุงศักดิ์ไม่กล้ารับความจริงจากผลโหวตมากกว่า เพราะสมาชิกไม่ต้องการแล้ว อย่างกรณีที่รัฐบาลเตรียมจัดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) สัญจรที่ภาคเหนือ ช่วงเดือนม.ค.2556 ประธานอุตสาหกรรมจังหวัดภาคเหนือยืนยันแล้วว่าประธานส.อ.ท.ที่จะเป็นตัวแทนผู้ประกอบการภาคเหนือที่จะเข้าร่วมประชุมกับรัฐบาลต้องเป็นนายสันติเท่านั้น หากเป็นนายพยุงศักดิ์จะไม่ถือว่าเป็นประธานส.อ.ท.คนปัจจุบัน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ตลอดทั้งวันได้พยายามติดต่อนายพยุงศักดิ์ แต่ไม่ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่กรรมการส.อ.ท.ส่วนใหญ่ต่างก็ปิดมือถือ
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทที่จะเริ่มในวันที่ 1 ม.ค.2556 ว่า เรื่องค่าแรง 300 บาท เป็นการตกลงไตรภาคี และในส่วนข้อโต้แย้งต่างๆ เราคงไม่สามารถไปก้าวล่วงได้ ในส่วนของบริษัท SMEs ต่างๆ ที่มีผลกระทบรัฐบาลโดยมติครม.ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการในการทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ซึ่งจะเข้าไปทำงานร่วมกับภาคเอกชน นำโดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.กระทรวงแรงงาน ที่จะพูดคุยกันในกลุ่มของอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบว่าจะมีมาตรการอะไรในการช่วยเหลือดูแลบ้าง โดยจะทำควบคู่กันไป
ขณะที่นายนายเผดิมชัยกล่าวในเรื่องนี้ว่า การขึ้นค่าแรงเป็นเรื่องที่คณะกรรมการไตรภาคีเป็นผู้ตัดสินออกมาแล้ว และคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนกรณีที่เอกชนระบุว่ารัฐบาลไม่เห็นใจผู้ประกอบการ ก็อยากถามกลับว่าเอกชนไม่เห็นใจลูกจ้างบ้างหรืออย่างไร ขณะที่ปัญหาใน ส.อ.ท. ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับรัฐบาล ต้องไปแก้ไขปัญหากันเอง และไม่เกี่ยวกับนโยบายขึ้นค่าแรง 300 บาท อย่างไรก็ตาม ในการดูแลเอกชน รัฐบาลพร้อมที่จะดำเนินการ ซึ่งในวันที่ 30 พ.ย.นี้ นายกิตติรัตน์ จะหารือกับตนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (28 พ.ย.) บรรยากาศภายในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยังคงมีพนักงานเข้าไปทำงานตามปกติ โดยมีตำรวจเข้ามารักษาความปลอดภัย และตรวจเข้มผู้เข้าออกสำนักงานที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ และในช่วงเช้าวันเดียวกัน ยังพบว่า นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานส.อ.ท. ที่ถูกกรรมการส.อ.ท. โหวตพ้นตำแหน่งพร้อมกรรมการบริหาร (กบ.) เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2555 ยังคงเดินทางมาทำงานที่ห้องประจำตำแหน่งตามปกติ พร้อมเซ็นเอกสารที่เจ้าหน้าจัดส่งให้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องรับทราบทั่วไป
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบตารางงานในฐานะประธานส.อ.ท. ของนายพยุงศักดิ์ พบว่า ภายในสัปดาห์นี้ มีเพียงงานเดียว คือ ร่วมงานฉลองผลิตรถยนต์ครบ 2 ล้านคัน ที่เอกชนจัดงานร่วมกับรัฐบาลในวันที่ 30 พ.ย.2555 ที่เมืองทองธานี โดยมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน และมีนายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมงาน โดยเจ้าหน้าที่ ส.อ.ท. ยืนยันว่านายพยุงศักดิ์ยังมีรายชื่อร่วมงานดังกล่าวอยู่ สำหรับเอกสารที่ส่งถึง ส.อ.ท. เช่น เชิญร่วมงานสัมมนาพบว่า จะระบุเชิญประธานส.อ.ท.แต่ไม่ระบุชื่อว่าใครเป็นประธาน
นายธนิต โสรัตน์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ภายในวันนี้ (29 พ.ย.) นายสันติ วิลาศศักดานนท์ ในฐานะประธานที่กรรมการส.อ.ท.โหวตเลือกเข้ามาเมื่อวันที่ 26 พ.ย. จะตั้ง กบ.รวม 70 คนได้ และจะแบ่งหน้าที่การทำงานทันที และจากนั้นจะทำความเข้าใจสมาชิกทั่วประเทศ โดยเฉพาะประเด็นค่าจ้าง 300 บาทต่อวัน โดยจะไม่มีการต่อต้านรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องที่มีผลทางกฎหมาย แต่จะเดินหน้าประสานงานกับรัฐบาลถึงแนวทางความช่วยเหลือเพื่อลดผลกระทบให้ผู้ประกอบการ โดยโดยผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
ส่วนกรณีที่นายพยุงศักดิ์พยายามดึงฝ่ายการเมืองเข้ามาพัวพัน หรือตัดสินว่าฝ่ายไหนถูกผิด เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องภายใน สมาชิกต้องแก้ปัญหากันเอง เมื่อกรรมการ ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ไม่เอานายพยุงศักดิ์แล้ว ควรจะรับให้ได้ไม่ใช่ทำแบบนี้ ล่าสุดมีสมาชิกส.อ.ท.ต่างจังหวัดเริ่มร้องเรียนเข้ามาว่านายพยุงศักดิ์ได้ประสานกับผู้ว่าราชการให้สั่งสมาชิกต่างจังหวัดสนับสนุนฝ่ายนายพยุงศักดิ์
"ทราบว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจะตั้งคณะทำงานเข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าว ยอมรับว่าสมาชิกส.อ.ท.ยังไม่รู้ว่ารัฐมนตรีใช้อำนาจอะไร เพราะตามพ.ร.บ.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อำนาจของรัฐมนตรี คือ ปลดประธานส.อ.ท. และต้องเป็นกรณีที่ส่งผลร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ กรณีความขัดแย้งภายในจึงไม่น่าจะเกี่ยวข้อง"นายธนิตกล่าว
นายธนิตย้ำอีกว่า นายพยุงศักดิ์ขาดความชอบธรรมแล้ว เพราะการประชุมดำเนินตามกฎหมาย ส.อ.ท. หากนายพยุงศักดิ์อ้างว่าสั่งเลื่อนประชุม อยากรู้ว่าใช้กฎหมายข้อไหน เพราะเหตุผลสั่งเลื่อนประชุมฟังไม่ขึ้น นายพยุงศักดิ์ไม่กล้ารับความจริงจากผลโหวตมากกว่า เพราะสมาชิกไม่ต้องการแล้ว อย่างกรณีที่รัฐบาลเตรียมจัดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) สัญจรที่ภาคเหนือ ช่วงเดือนม.ค.2556 ประธานอุตสาหกรรมจังหวัดภาคเหนือยืนยันแล้วว่าประธานส.อ.ท.ที่จะเป็นตัวแทนผู้ประกอบการภาคเหนือที่จะเข้าร่วมประชุมกับรัฐบาลต้องเป็นนายสันติเท่านั้น หากเป็นนายพยุงศักดิ์จะไม่ถือว่าเป็นประธานส.อ.ท.คนปัจจุบัน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ตลอดทั้งวันได้พยายามติดต่อนายพยุงศักดิ์ แต่ไม่ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่กรรมการส.อ.ท.ส่วนใหญ่ต่างก็ปิดมือถือ
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทที่จะเริ่มในวันที่ 1 ม.ค.2556 ว่า เรื่องค่าแรง 300 บาท เป็นการตกลงไตรภาคี และในส่วนข้อโต้แย้งต่างๆ เราคงไม่สามารถไปก้าวล่วงได้ ในส่วนของบริษัท SMEs ต่างๆ ที่มีผลกระทบรัฐบาลโดยมติครม.ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการในการทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ซึ่งจะเข้าไปทำงานร่วมกับภาคเอกชน นำโดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.กระทรวงแรงงาน ที่จะพูดคุยกันในกลุ่มของอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบว่าจะมีมาตรการอะไรในการช่วยเหลือดูแลบ้าง โดยจะทำควบคู่กันไป
ขณะที่นายนายเผดิมชัยกล่าวในเรื่องนี้ว่า การขึ้นค่าแรงเป็นเรื่องที่คณะกรรมการไตรภาคีเป็นผู้ตัดสินออกมาแล้ว และคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนกรณีที่เอกชนระบุว่ารัฐบาลไม่เห็นใจผู้ประกอบการ ก็อยากถามกลับว่าเอกชนไม่เห็นใจลูกจ้างบ้างหรืออย่างไร ขณะที่ปัญหาใน ส.อ.ท. ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับรัฐบาล ต้องไปแก้ไขปัญหากันเอง และไม่เกี่ยวกับนโยบายขึ้นค่าแรง 300 บาท อย่างไรก็ตาม ในการดูแลเอกชน รัฐบาลพร้อมที่จะดำเนินการ ซึ่งในวันที่ 30 พ.ย.นี้ นายกิตติรัตน์ จะหารือกับตนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการช่วยเหลือ