ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ชิงออกตัวแรงเสียเหลือเกินสำหรับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ประกาศหักดิบพรรคประชาธิปัตย์ประกาศลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. พร้อมชิงเปิดนโยบายหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เป็นที่เรียบร้อย ทั้งๆ ที่คณะกรรมการคัดเลือกของพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีมติเคาะว่าจะเลือกใครลงแคนดิเดตชิงผู้ว่าฯกทม.ของประชาธิปัตย์เสียด้วยซ้ำ
ท่ามกลางความฉงนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะการที่คุณชายหมูทำเช่นนี้ย่อมมิอาจตีความเป็นอื่นได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีแคนดิเดตแค่คุณชายหมูคนเดียว เผลอๆ คุณชายอาจจะเป็นตัวเลือกในอันดับ 2 หรืออันดับ 3 อีกต่างหาก
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17ธ.ค. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้แถลงเปิดตัวนโยบายหาเสียงเลือกตั้งเป็นครั้งแรกด้วยการประกาศมาตรการจูงใจให้ประชาชนทิ้งรถไว้ที่บ้านโดยจะลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ส่วนต่อขยายจากสถานีตากสิน-บางหว้าที่จะแล้วเสร็จในปี 2556 และส่วนต่อขยายจากอ่อนนุช-แบงริ่ง เดิมเก็บ 15 บาท ให้เหลือ 10 บาททันที และภายใน 4 ปีจะให้เหลือ 0 บาท ขณะที่ในส่วนการจัดเก็บค่าโดยสารรถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ทีจากเดิม 10 บาทตลอดสายจะลดเหลือค่าบริการเป็น 5 บาทตลอดสายทันทีที่รับตำแหน่ง และภายใน 4 ปีจะลดเหลือค่าบริการ 0 บาท
อย่างไรก็ดี กล่าวสำหรับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แล้ว ต้องบอกว่าออกอาการลุกลี้ลุกลนปกติ เพราะหากเป็นไปตามวิสัยก็คงจะต้องรอคณะกรรมการคัดเลือกของพรรคประชาธิปัตย์เคาะอย่างเป็นทางการเสียก่อนว่าจะเลือกใครเป็นตัวแทนผู้สมัครว่าที่ผู้ว่า กทม. เพราะจากถ้อยคำที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานคณะกรรมการการคัดเลือระบุว่าจะได้ข้อยุติในวันจันทร์ที่ 24 ธ.ค.นี้ และเมื่อเสร็จแล้วกรรมการคัดเลือกก็จะทำความเห็นมายังกรรมการบริหารพรรค แสดงให้เห็นว่า เกิดรอยร้าวศึกในขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์เข้าอย่างจัง เพราะมิเช่นนั้นแล้ว คุณชายหมูคงไม่ออกตัวแรงแซงปาดหน้าพรรคตัวเองมาประกาศนโยบาย เอาโจ่งแจ้งแบบนี้แน่ๆ
การแถลงนโยบายหาเสียงของ "คุณชายหมู" ครั้งนี้ไม่มีใครในพรรคประชาธิปัตย์ ทราบ เห็นได้จากการแถลงข่าวไม่มีผู้ใหญ่ในพรรค หรือ ส.ส.กทม.ของพรรคมาร่วมงานแถลงด้วย แน่นอนว่า สัญญาณที่ส่งออกมาแบบนี้ของ หม่อมหมูดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างว่าคู่แข่งภายในพรรคที่จะเบียดเก้าอี้ผู้ว่าฯ ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
ขณะเดียวกันทางพรรคประชาธิปัตย์ ที่สุดแล้วก็ได้มีการประชุม โดยคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ( กทม.) ที่มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นประธาน ได้มีการประชุมร่วมกันของคณะกรรมการฯ ซึ่งสุดท้ายมีรายชื่อแคนดิเดต คือ 1.ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. 2. นายประกอบ จิรกิติ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เสนอชื่อตัวเอง 3.นายกอรปศักดิ์ สภาวสุ กรรมการบริหารพรรค เสนอตัวเองเข้ามาเช่นกัน โดยที่ประชุมจะเชิญมาแสดงวิสัยทัศน์ในวันที่ 21 ธ.ค. หรือวันที่ 24 ธ.ค.นี้ และ3.นายอภิชัย เตชะอุบล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่นายอลงกรณ์ เป็นผู้เสนอชื่อ
ทั้งนี้ว่ากันว่า คณะกรรมการคัดเลือกเบื้องต้น เห็นตรงกันว่า อยากได้ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. มีความใกล้ชิดกับพรรค และสนามเลือกตั้งครั้งนี้จะต้องเป็นสนามที่สามารถหวังผลการเลือกตั้ง ส.ส.ในสมัยหน้าได้ ซึ่งหากประเมินคะแนนนิยมของพรรคจะพบว่า มีคะแนนนิยมคงที่ 59 เปอร์เซ็นต์ และจากการดูรายชื่อผู้สมัครที่ 4 คนยังไม่มีใครตอบโจทย์นี้ได้เลย ดังนั้นคณะกรรมการจึงได้มองไกลไปถึงบุคคลที่ 5 คือนายกรณ์ แม้ว่านายกรณ์ จะไม่เสนอตัวลงสมัคร แต่ก็ถือว่าเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมคนหนึ่ง ดังนั้นหลังจากที่คณะกรรมการรับฟังการแสดงวิสัยทัศน์ของบุคคลทั้ง 4 แล้ว จะสรุปข้อดีข้อเสียของแต่ละคน เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริหารพรรคให้พิจารณาต่อไป โดยจะมีการสรุปในวันที่ 24 ธ.ค. และหากพิจารณาแล้วยังไม่มั่นใจใน 4 คน จะมีมติเสนอชื่อนายกรณ์ เข้าไปด้วย เพื่อให้ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคพิจารณาในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ ซึ่งนายกรณ์ ไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะถือเป็นมติที่ประชุมแล้ว
จึงไม่ต้องแปลกใจที่เห็นคุณชายหมู ไปปรากฏกายในงานสัมมนาพรรคที่ประจวบฯ ในครั้งนี้ ทั้งที่คุณชายหมูไม่ค่อยจะไปร่วมกิจกรรมทางพรรคบ่อยนักหลังจากมีตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.
อย่างไรก็ดี ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ เห็นชัดแล้วว่า เกิดอาการขัดแข้งขัดขากันภายในพรรคอยู่เช่นกัน ว่ากันว่าเป็นการขัดแย้งระหว่างกลุ่มสายเลือดเก่ากับกลุ่มสายเลือดใหม่ แบ่งเป็นการบริหารงานของกลุ่มเลือดใหม่ ที่เป็นคนหนุ่มอายุน้อย เรียนหนังสือจบมาจากต่างประเทศนั้น โดยเฉพาะ กรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค ที่กลุ่มสายเลือดเก่าแก่มองว่า ที่ไม่เข้าใจธรรมชาติของการบริหารงานในระดับการเมืองท้องถิ่น
เพราะการเลือกตั้งประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นตัวแสดงให้เห็นชัดว่า สภา กทม.มีความแตกต่างจากสภาผู้แทนราษฎรเวทีใหญ่อย่างมาก สภา กทม.มีลักษณะนับถืออาวุโส จะไม่มีการแบ่งแยกพรรคการเมือง จะร่วมกันทำงาน และจะมีการเลือกประธานสภาฯ จากคนที่มีประสบการณ์บริหารงาน กทม.อย่างยาวนาน ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของสภา กทม.
ส่วนกลุ่มสายเลือดใหม่มองว่า ผลจากการแก้ปัญหาน้ำท่วม กทม. ปลายปี 2554 มีประชาชนบางส่วนไม่พอใจการบริหารระบบระบายน้ำของ กทม. รวมถึงปัญหาที่ กทม.ถูกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ยกเลิกการเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน ฟีฟ่าฟุตซอล เวิลด์คัพ ไทยแลนด์ 2012 โดยอ้างความปลอดภัยในการสร้างสนาม บางกอกฟุตซอล อารีน่า (บีเอฟเอ) ที่เขตหนองจอก
จุดนี้เองชื่อของกรณ์ จาติกวณิช อดีตขุนคลัง กลุ่มเพื่อนนักเรียนนอกของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค จึงมีชื่อออกมาเป็นตัวเลือกแทน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้กำลังจะกลายเป็นอดีตผู้ว่าฯ กทม. ในวันที่ 10 มกราคม ปีหน้า กลายเป็นประเด็นหนักอกในพรรคประชา ธิปัตย์ในขณะนี้
เพราะจนป่านนี้ ใกล้จะถึงวันเลือกตั้งอยู่ร่อมร่อ คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ก็ยังไม่สามารถฟันธงว่า จะส่ง "คุณชายหมู" ลงชิงชัยหรือไม่ ภายในประชาธิปัตย์ ปัญหา การตัดตัวยังกระเพื่อม มีบางส่วนเกรงว่า หากส่ง "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์" ลงป้องกันแชมป์ โอกาสพลาดท่าและปราชัยมีเปอร์เซ็นต์สูง
เนื่องจากหลังปรากฏการณ์น้ำท่วมใหญ่ เป็นต้นมา กทม. ซึ่ง "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์" บริหาร ตกเป็นฝ่ายตั้งรับ ถูกฝ่ายตรงข้ามคือเพื่อไทย รุกฆาต กระแสนิยม ทั้ง "เขตในเมือง" อันเป็นพื้นที่เข้มแข้ง หรือเขตรอบนอก วูบวาบลงไปมากพอประมามีข่าวว่า คนที่ค่อนข้างจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการส่ง "คุณชายหมู" ลงป้องกันแชมป์ ชิงผู้ว่าฯ กทม. คือ เครือข่ายของ "เฉลิมชัย ศรีอ่อน" ทีมเลขาฯ พรรค
เรียกว่า ขบเหลี่ยม วัดกำลังภายในกันน่าดูทีเดียว สำหรับการแย่งชิงเป็นตัวแทนลงเป็นแคนดิเดตผู้ว่า กทม.ของทางพรรคประชาธิปัตย์ โดยในเบื้องต้นการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมความพร้อมไว้แล้วหากผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์ อยู่ครบวาระในวันที่ 10 มกราคม 2556 จะต้องเลือกตั้งภายใน 45 วัน ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2556 จะเป็นวันเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ยกเว้นคุณชายสุขุมพันธุ์ ลาออกก่อนหมดวาระ จะต้องเลือกตั้งภายใน 60 วัน
ขณะเดียวกัน เมื่อหันไปดูรายอื่นก็เริ่มมีความคึกคักเช่นกัน ล่าสุด นายโฆสิต สุวินิจจิต อดีตประธานกรรมการ บริษัท สปริง คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเพิ่งแถลงข่าวถึงการลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่าได้ลาออกจากสปริงนิวส์ไปเรียบร้อยแล้ว และก็ไม่มีได้หุ้นส่วนใดๆ กับบริษัทสปริงเลย เหตุผลที่ลงสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม.เพราะเห็นว่า กรุงเทพฯ เปรียบเสมือนหัวใจหลักของประเทศ ตอนนี้กำลังป่วยมานานหลายปี ปัญหาหลักๆ อย่างเรื่องรถติด อากาศเป็นพิษ ขยะล้นเมือง หรือน้ำท่วม ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข
นายโฆสิต กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายที่ใช้คือ “กรุงเทพฯ 24 ชั่วโมง” เพราะสังคมเมืองหลวงนี้มีวิถีชีวิต 24 ชม. แต่การบริการกลับไม่เป็น 24 ชม. ฉะนั้น ถ้าตนได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะมีผู้ว่าภาคกลางคืน ทำงาน 24 ชม. เป็น“ผู้ว่าฯ3กะ” กทม.จะต้อง ปลอดภัย ทำมาหากินและเดินทางได้ตลอด 24 ชม. นอกจากนี้ ยังมีนโยบายตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าฯในแต่ละเขต โดยคัดเลือกคนดีมีความสามารถในเขตนั้น เพื่อช่วยงานและบริการประชาชนอย่างใกล้ชิด และ“นโยบาย 50 เขต 50 ยุทธศาสตร์” ที่จะทำตามความต้องการของคนในแต่ละเขตที่อาจแตกต่างกันไป ทั้งนี้ วันที่18 ธันวาคม จะลงพื้นที่สอบถามความต้องการของประชาชน เริ่มที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
นอกจากนั้น ยังมี นายสุหฤท สยามวาลา อดีตผู้บริหารบริษัท ดีเอชเอ สยามวาลา จำกัด อีกภาพหนึ่งเป็นทั้งดีเจ นักร้อง นักแต่งเพลง เจ้าของฉายา "พ่อมดอิเล็ก ทรอนิกส์" เจ้าของแฟ้มตราช้าง และผู้สมัครที่มาแนวแปลกใหม่ สไตล์ขวัญใจวัยจ๊าบ นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง อดีตผู้สมัครส.ส.เขต 12 (บางกอกน้อย บางพลัด ตลิ่งชัน และทวีวัฒนา) ที่คาดว่าคงจะเริ่มออกแคมเปญหาเสียงอีกไม่นานนับจากนี้อย่างแน่นอน รวมถึงล่าสุด “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส” อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่จะลงสมัครในนามอิสระที่มาแรงแซงทางโค้งไปแพ้กัน
ส่วนสุดท้ายแล้ว ใครจะหมู่หรือจ่า คงต้องติดตามกันต่อไป