xs
xsm
sm
md
lg

ศาลรับฟ้องกสทช. บีบ’วิทยุหลวงตาบัว’ ลดกำลังส่งไม่เป็นธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-“มูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ” เตรียมยื่นฟ้องศาลอุดรธานี ให้ยกเลิกประกาศ กสทช. หลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ปรับลดกำลังส่งและรัศมีการรับฟัง หนำซ้ำสั่งจับกุมคลื่นธรรมะไม่แสวงหากำไร 126 สถานี ชี้สูญเสียการรับฟัง เหตุถูกบีบให้ลดกำลังส่ง กีดกันการเผยแพร่ธรรมะ สวนทางส่งเสริมคลื่นบันเทิงฟุ้งเฟ้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เตรียมยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ต่อศาลปกครองอุดรธานี เพื่อขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง พ.ศ. 2555 ลงวันที่ 19 ก.ย.2555 เนื่องจากมีเนื้อหาริดรอนสิทธิการประกอบการและการรับฟังวิทยุกระจายเสียง

ทั้งนี้ ประกาศ กสทช. ฉบับดังกล่าว ได้กำหนดลักษณะทางเทคนิคของสถานีวิทยุกระจายเสียง โดยกำลังคลื่นพาห์ (Carrier Power) ของเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงตามที่ผู้ผลิตประกาศ ต้องมีค่าไม่เกิน 500 วัตต์ ความสูงของสายอากาศไม่เกิน 60 เมตร โดยวัดจากจุดสูงสุดของสายอากาศถึงระดับพื้นดินที่ใช้ติดตั้งสายอากาศนั้น พื้นที่การกระจายเสียงมีรัศมีไม่เกิน 20 กิโลเมตร ความแรงของสัญญาณ (Field Strength) วัดที่ระยะทาง 20 กิโลเมตรจากจุดที่ตั้งสายอากาศมีค่าไม่เกิน 54 dBuV/m โดยวิธีการคำนวณค่าความแรงของสัญญาณให้เป็นไปตาม ITU-R Recommendation P.1546

การกำหนดลักษณะทางเทคนิคดังกล่าว ทำให้มูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ ได้รับความเสียหาย เนื่องจากสถานีวิทยุเสียงธรรมและเครือข่าย ที่ได้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงที่มีกำลังคลื่นพาห์ของเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียง กำลังส่งออกอากาศ ความสูงของสายอากาศ และรัศมีการกระจายเสียงเกินลักษณะทางเทคนิคของสถานีวิทยุกระจายเสียงตามประกาศของ กสทช. อยู่หลายสถานี การออกประกาศดังกล่าวทำให้พื้นที่กระจายเสียงของสถานีแม่ข่ายและลูกข่ายต้องลดลงไปมาก สำหรับสถานีขนาดใหญ่ สูญเสียพื้นที่การรับฟังในกรุงเทพฯ มากกว่าร้อยละ 90 และสถานีขนาดกลางสูญเสียพื้นที่การรับฟังมากกว่าร้อยละ 70 จึงเป็นการปิดกั้นเสรีภาพของสถานีวิทยุเสียงธรรมและเครือข่ายของมูลนิธิฯ และประชาชนในการเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนาอย่างไม่เป็นธรรม ตามที่รัฐธรรมนูญปี 2550 รับรองสิทธิไว้ตามมาตรา 47

นอกจากนี้ ประกาศดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายและก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหาย เนื่องจาก กสท. ออกประกาศในนามของ กสทช. โดยพละการ ซึ่งนอกเหนืออำนาจหน้าที่ เพราะ กสท. มีอำนาจพิจารณาอนุญาตและกำกับการใช้คลื่นความถี่และเครื่องวิทยุคมนาคม และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอนุญาต เงื่อนไข หรือค่าธรรมเนียมการอนุญาตเท่านั้น ขณะเดียวกันยังเป็นการจงใจในการเลือกปฏิบัติระหว่างผู้ประกอบการรายเดิมกับรายใหม่ เนื่องจากใช้หลักเกณฑ์ที่แตกต่างกัน รวมทั้งสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็นหรือสร้างภาระให้แก่ประชาชนเกินสมควร ซึ่งเป็นการริดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนอีกด้วย แสดงให้เห็นว่า การบริหารคลื่นความถี่ของ กสทช. ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะไม่เอาเนื้อหาสาระที่แต่ละสถานีวิทยุดำเนินการมาประกอบการพิจารณาในการออกข้อกำหนดหรือประกาศฯ เนื่องจากสถานีวิทยุส่วนมากทั้งผู้ประกอบการรายเดิมและรายใหม่มีผู้ประกอบการจำนวนร้อยละ 95 มีเนื้อหาเน้นการบันเทิงฟุ้งเฟ้อไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่สาธารณะ

ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า กสทช. จงใจลิดรอนสิทธิที่ประชาชนควรได้ทั้งที่รัฐธรรมนูญให้ความคุ้มครองเป็นกรณีพิเศษเพื่อประชาชนจะได้รับฟังสื่อที่มีประโยชน์ โดยออกประกาศบังคับให้สถานภาพที่ด้อยลง แต่กลับจงใจเอื้อประโยชน์แก่สื่อเพื่อการบันเทิงให้มีมาตรฐานทางเทคนิคและสูงกว่า ได้เปรียบกว่า มีพื้นที่กระจายเสียงที่กว้างกว่า ซึ่งทำให้มีประชาชนรับฟังสื่อบันเทิงได้มากกว่าสื่อที่เป็นประโยชน์ ทั้งนี้ มูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ โต้แย้งประกาศและคำสั่งของ กสทช. และ กสท. ได้มาโดยตลอด แต่ทั้งสองหน่วยงานมิได้รับฟังเหตุผล และมีคำสั่งให้จับกุมดำเนินคดีกับมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ และสถานีวิทยุกระจายเสียงมูลนิธิฯ และลูกข่ายทั้งประเทศอีก 126 สถานี เป็นการกีดกันมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ ให้เผยแพร่พุทธศาสนาไปยังลูกข่ายด้วยแรงศรัทธาของประชาชที่อุทิศเครื่องรับส่งให้กับวัดป่าบ้านตาด เพื่อประโยชน์ของมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ ในการเผยแพร่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ประชาชนมีจิตสำนึกในการสร้างแต่คุณงามความดี

สำหรับมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ มีพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) เป็นประธานมูลนิธิ ต่อมาหลวงตามหาบัวได้มรณภาพ มูลนิธิฯ จึงได้แต่งตั้งให้หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณเป็นประธาน โดยระหว่างปี 2545-2547 ประชาชนที่เป็นพุทธศาสนิกชนและพระสงฆ์ได้ร่วมกันก่อตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงที่วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมืองฯ จ.อุดรธานี, จ.หนองบัวลำภู รวมทั้งที่สวนแสงธรรม ถนนพุทธมณฑลสาย 3 เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ นอกจากนี้พุทธศาสนิกชนและพระสงฆ์ในจังหวัดต่างๆ ได้ร่วมกันก่อตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงขึ้นอีกหลายแห่ง โดยใช้สถานีวิทยุกระจายเสียงวัดป่าบ้านตาดเป็นสถานีวิทยุแม่ข่ายส่งกระจายสัญญาณไปทั่วประเทศ รวม 126 สถานี โดยทุกสถานีที่เป็นลูกข่ายได้ทำหนังสืออุทิศยกทรัพย์สินให้เป็นสมบัติของวัดป่าบ้านตาดเพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา สำหรับเนื้อหารายการเน้นการออกอากาศรายการเผยแผ่ธรรมะคำสั่งสอนตามหลักธรรมขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการธำรงส่งเสริมรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์โดยมิได้แสวงหาผลกำไร

ศาลรับฟ้องกสทช.แล้ว

ด้านนายสุกิจ พูนศรีเกษม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ ให้สัมภาษณ์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ ระบุว่า ศาลได้รับคำฟ้องไว้พิจารณาแล้ว ตามคดีหมายเลขดำที่ 271/2555 โดยประเด็นในการฟ้องครั้งนี้คือประกาศฉบับดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 47 ซึ่งบัญญัติว่าให้ประชาชนมีเสรีภาพในการจัดสรรคลื่นความถี่ ซึ่งในกรณีของสถานีวิทยุหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กสท. ก็อนุญาตทดลองออกอากาศมาแล้วถึง 4 ครั้ง โดยครั้งแรกได้มาตรวจเสาอากาศสูง 120 เมตร และกำลังส่ง 500 วัตต์ ซึ่งทาง กสท.เห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
       
นายสุกิจยังกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ กสทช. ได้เรียกพระจากมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ มาพูดคุยและร้องขอว่าไม่ให้ฟ้อง โดยอ้างว่าจะยอมลืมตาไว้ข้างหนึ่ง ตนจึงเห็นว่าทำไมไม่อนุญาตไปเลย ถ้าเกิดว่าลืมตาขึ้นมาแล้วพระเป็นอย่างไร ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้น กสทช. ก็น่าจะรู้แล้วว่าได้ออกประกาศโดยมิชอบ.
กำลังโหลดความคิดเห็น