ในครั้งพุทธกาล พระพุทธองค์ให้สงฆ์ลงโทษคว่ำบาตรแก่วัฑฒะลิจฉวี วัฑฒะลิจฉวี เป็นพวกของพระเมตติยะและภุมมชกะ รู้ว่าพระพวกนั้นไม่ชอบพระทัพพมัลลบุตร (ผู้เป็นพระอรหันต์) จึงวางอุบายกำจัดพระทัพพมัลลบุตร โดยไปฟ้องพระพุทธเจ้าว่า พระทัพพมัลลบุตรทำชู้ด้วยภริยาตน พระผู้มีพระภาคทรงประชุมสงฆ์ไต่สวนได้ความเป็นสัตย์ว่า เป็นการแกล้งใส่ความกัน จึงทรงแนะสงฆ์ให้ลงโทษคว่ำบาตรแก่วัฑฒะลิจฉวี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงคว่ำบาตรแก่อุบาสกผู้ประกอบด้วยองค์ ๘ คือ:-
๑. ขวนขวายเพื่อมิใช่ลาภแห่งภิกษุทั้งหลาย
๒. ขวนขวายเพื่อมิใช่ประโยชน์แห่งภิกษุทั้งหลาย
๓. ขวนขวายเพื่ออยู่ไม่ได้แห่งภิกษุทั้งหลาย
๔. ด่าว่าเปรียบเปรยภิกษุทั้งหลาย
๕. ยุยงภิกษุทั้งหลายให้แตกกัน
๖. กล่าวติเตียนพระพุทธเจ้า
๗. กล่าวติเตียนพระธรรม
๘. กล่าวติเตียนพระสงฆ์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แล สงฆ์พึงคว่ำบาตรอย่างนี้ ภิกษุผู้ฉลาดผู้สามารถ พึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติทุติยกรรมวาจา ว่าดังนี้:-
กรรมวาจาคว่ำบาตร
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า เจ้าวัฑฒะลิจฉวี โจทท่านพระทัพพมัลลบุตรด้วยศีลวิบัติอันไม่มีมูล ถ้าความพร้อมพรั่งของ สงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงคว่ำบาตรแก่เจ้าวัฑฒะลิจฉวี คือ อย่าให้คบกับ สงฆ์ นี้เป็นญัตติ
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า เจ้าวัฑฒะลิจฉวี โจทท่านพระทัพพมัลลบุตรด้วยศีลวิบัติอันไม่มีมูล สงฆ์คว่ำบาตรแก่เจ้าวัฑฒะลิจฉวี คือ ไม่ให้คบกับสงฆ์ การคว่ำบาตรแก่เจ้าวัฑฒะลิจฉวี คือ ไม่ให้คบกับสงฆ์ ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้น พึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบ แก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงพูด บาตรอันสงฆ์คว่ำแล้วแก่เจ้าวัฑฒะลิจฉวี คือ ไม่ให้คบกับสงฆ์ ชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าทรงความนี้ไว้ด้วยอย่างนี้
วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
ประวัติศาสตร์ต้องได้จารึกอีกครั้งว่า มีการสวดคว่ำบาตร คุณนที ศุกลรัตน์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ หรือที่เรียกว่า กสท. ณ วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี โดยคณะสงฆ์ฝ่ายอรัญญวาสี สายศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ นำโดย องค์หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ วัดป่านาคูณ และ องค์หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดถ้ำภูผาแดง เป็นองค์ประธาน พร้อมด้วยพระสงฆ์คณะธรรมยุตสายป่า จำนวนไม่ต่ำกว่า ๕,๐๐๐ รูป เข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียงกัน
ในอดีตไม่นานนัก เคยมีการสวดคว่ำบาตร คุณวิษณุ เครืองาม เป็นคนแรก (หลังจากครั้งพุทธกาล) ครั้งนั้นมีองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นองค์ประธาน คณะสงฆ์ชุมนุมกันเป็นจำนวนหมื่นรูป ณ วัดอโศการาม สมุทรปราการ และครั้งที่สองได้สวดคว่ำบาตร คุณอุดม เจริญ ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นคนที่สอง ณ วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี คณะสงฆ์เข้าร่วมประชุม ๘,๐๐๐ รูป
ในครั้งนี้ คุณนที ศุกลรัตน์ จึงถือว่าเป็นคนที่สาม ที่ถูกคณะสงฆ์สวดคว่ำบาตร ซึ่งก่อนแต่จะคว่ำบาตร คณะสงฆ์ก็พยายามติดต่อเจรจาเพื่อหามาตรการที่จะดำเนินการอย่างสุดความสามารถแล้ว ข้อเสนอต่างๆที่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ และเป็นผลประโยชน์ของประชาชนสูงสุดตามรัฐธรรมนูญก็นำเสนอไปหมดสิ้น แต่ไม่ได้รับการพิจารณาจากทางกสทช.อย่างสิ้นเชิง เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีหนทางหลีกเลี่ยงที่ต่างฝ่ายก็ต้องก้าวเดินไปตามทางที่ตัวเองเห็นสมควร
แต่มันน่าตลกสิ้นดีที่ กสทช.เองมีหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และวิทยุเสียงธรรมเองก็ได้ชื่อว่า เป็นวิทยุที่ทำประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชน อย่างเป็นที่ยอมรับ และเป็นที่ประจักษ์ชัดในสายตาของคนไทยทั้งประเทศ เพราะหลวงตาใช้วิทยุเสียงธรรมนี้เผยแผ่ธรรมะสอนคน และเปิดโครงการช่วยชาติ เชิญชวนให้คนไทยบริจาคช่วยชาติ โดยหาทองคำเข้าสู่คลังหลวงได้ถึง ๑๓ ตัน ดอลล่าร์ อีก ๑๐ ล้านดอลล่าร์ ยิ่งไปกว่านั้น การเผยแผ่ธรรมะภาคปฏิบัติของครูบาอาจารย์สายพระกรรมฐานศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งล้วนเป็นพระเถระที่ได้รับการเคารพนับถือเทิดทูนจากคนไทยทั้งประเทศ ย่อมมีค่ายิ่งกว่าเพชรกว่าพลอย
แต่ กสทช.กลับมองไม่เห็นความสำคัญ และความจำเป็นที่จะต้องคงกำลังส่งของวิทยุเสียงธรรมไว้ เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาช้านานไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี โดยมิได้แสวงหากำไรในเชิงธุรกิจ และไม่เคยมีโฆษณาแม้แต่วินาทีเดียว
กสทช.พยายามอ้างว่า ทุกสถานีต้องอยู่ภายใต้กฎหมายอันเดียวกัน ต้องเสมอภาค คือต้องลดกำลังส่งลงมาเหลือไม่เกิน ๕๐๐ วัตต์ เสาอากาศสูงไม่เกิน ๖๐ เมตร เท่ากันหมด กสทช.จะเลือกปฏิบัติไม่ได้ เพราะถ้ายอมให้สถานีหนึ่งได้ สถานีที่เหลือก็จะเอาอย่าง สุดท้าย กสทช.ก็จะทำอะไรไม่ได้เลย คำกล่าวอ้างเช่นนี้ เป็นสูตรสำเร็จอย่างง่ายๆ ที่เด็กอมมือมันก็คิดเป็น และ กสทช.ก็ใช้สูตรนี้มากล่อมคน ให้คนที่ไม่รู้ประสีประสาเคลิบเคลิ้มหลงใหลไปตาม
แต่คำอธิบายดังกล่าวนั้น เป็นการสร้างความอยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมอย่างรุนแรง การกระทำเช่นนี้ เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า คนระดับ กสทช.ไม่ยอมรับรู้ว่า สิ่งใดมีคุณค่ามาก สิงใดมีคุณค่าน้อย กสทช.กำลังเอาเพชรที่อยู่บนยอดมงกุฏไปเทียบกับก้อนหินก้อนดินที่อยู่ตามริมถนน หรือตามหลุมขยะ ซึ่งมันน่าสมเพชสิ้นดี สำหรับคนที่มีอำนาจรับผิดชอบบริหารจัดการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งมีมูลค่าเป็นหมื่นๆ แสนๆ ล้าน
คนไทยทั้งประเทศจงอย่าได้สงสัยเลยว่า กสทช.ชุดนี้จะบริหารจัดการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ของชาติให้ได้สำเร็จประโยชน์สูงสุดตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ได้หรือไม่? การประมูล ๓ จี ก็ยังมีปัญหาส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง ไม่รู้ว่าจะไปรอดหรือไม่? การจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุก็มีปัญหา หลายฝ่ายเตรียมร่างคำฟ้องเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง รวมทั้งมีการรวบรวมรายชื่อเพื่อการยื่นถอดถอน กสทช.ทั้งคณะ
คำถามมีอยู่ว่า ในเมื่อวิทยุเสียงธรรมทำประโยชน์แก่ประชาชนสูงสุด และกสทช.ก็มีหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่เพื่อประโยชน์ของประชาชนสูงสุดเช่นกัน แล้วเหตุใดจึงต้องเกิดเหตุการณ์เผชิญหน้ากันเช่นนี้ ทำไม กสทช.จะออกประกาศเพื่อสนันสนุน วิทยุที่ทำประโยชน์แก่ประชาชนอย่างสูงสุดไม่ได้ อย่ามากล่าวหาว่าวิทยุเสียงธรรมเห็นแก่ตัว หรือ เรียกร้องเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แล้วอ้างว่า กสทช.ต้องทำเพื่อส่วนรวม เพื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ
จงรู้ไว้ วิทยุเสียงธรรมไม่ได้เรียกร้องเพื่อตัวเอง แต่หน้าที่ของ กสทช.ควรคำนึงถึงหลักการอันนี้ วิทยุรายใดก็ตามที่ทำประโยชน์สาธารณะสูงสุด โดยไม่แสวงหากำไรทางธุรกิจ ไม่มีโฆษณาให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ มีหลักฐานการดำเนินงานมาไม่น้อยกว่า ๕ ปี มีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์สาธารณะสูงสุดไม่น้อยกว่า ๙๐ % ไม่ว่าสถานีไหนๆก็มีสิทธิ์ได้รับกำลังส่งสูงๆได้เท่าเทียมกันหมด ใครมีคุณสมบัติตามนั้น ก็ให้ทำเรื่องขอมาเป็นเฉพาะรายไป แล้ว กสทช.ก็พิจารณาอนุมัติให้ในรายที่มีคุณสมบัติถูกต้อง และมีความจำเป็นในการใช้คลื่นความถี่ที่คิดว่าสมควร ซึ่งคาดว่า มีไม่กี่สถานี ไม่น่าจะเกิน ๓๐๐ สถานีด้วยซ้ำไป เพราะส่วนใหญ่ที่ทำกันล้วนเป็นวิทยุธุรกิจ และมีโฆษณาแทบทั้งนั้น
หาก กสทช.ออกประกาศกำหนดคุณสมบัติเช่นนี้ รู้จักแยกแยะว่า สถานีไหนทำประโยชน์มาก สถานีไหนทำประโยชน์น้อย ก็ให้กำลังส่งที่คู่ควรกัน ตามฐานะของผู้ประกอบการ อย่างนี้จึงเรียกว่า ยุติธรรม และเป็นการส่งเสิรมให้เกิดการแข่งขันในการทำประโยชน์ให้กับประชาชนสูงสุดอย่างแท้จริงอีกด้วย เพราะ กสทช.มีอำนาจอยู่ในมือจะออกประกาศเพื่อส่งเสริม หรือทำลายก็ได้ แต่ กสทช.เลือกที่จะไม่ทำในด้านส่งเสริม และเลือกทำในวิถีทางที่จะก่อให้เกิดปัญหา และเกิดความยุ่งยากในการปฏิบัติงานมากยิ่งขึ้น
การนำเอาเพชรที่อยู่บนยอดมงกุฏ มาเกลือกกลั้วกับก้อนหินก้อนดินที่อยู่ตามท้องถนน โดยไม่รู้จักแยกแยะคุณค่า ไม่ใช่วิสัยของคนฉลาด คนมีปัญญามันต้องรู้จักแยกแยะสิ่งใดมีคุณค่ามาก อันใดมีคุณค่าน้อย หรือไม่มีคุณค่าเลย แล้วถือเอาประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นให้ได้ จะมากหรือน้อย ก็ให้ได้ตามควรแก่คุณค่าของมัน ถ้าคนเราถึงขั้นไม่รู้จักว่า อันใดเป็นเพชร อันใดเป็นก้อนหินก้อนดิน แล้วมันจะต่างจากสุนัข โค กระบือ ที่ตรงไหน
ขอถาม กสทช.ว่า ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ไม่เลือกปฏิบัติจริงหรือ? เมื่อ กสทช.เลือกที่จะลดกำลังส่ง และลดความสูงของเสา ก็แต่เฉพาะกับวิทยุที่เกิดใหม่เท่านั้น ส่วนวิทยุรายเดิมๆที่เคยครองคลื่นความถี่มาแต่ครั้งโบราณ กสทช.ยังมิได้ดำเนินมาตรการในการคืนคลื่นความถี่อย่างชัดแจ้งว่าจะได้เมื่อไร? หรือกำหนดระยะเวลาดำเนินการให้ต้องลดกำลังส่งลงมาให้อยู่ในเกณฑ์เดียวกัน หรือให้อยู่ในเกณฑ์ที่ได้รับอนุญาตมาแต่เดิม เมื่อไร? เพราะมีหลายสถานีที่มีกำลังส่งเกินจากที่ได้รับอนุญาตไว้
มิหนำซ้ำ ในรายที่ได้รับอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่โดยไม่มีกำหนดอายุให้คืนคลื่นความถี่ว่าเมื่อไร กสทช. ควรที่จะรีบให้คืนคลื่นความถี่เพื่อนำมาจัดสรรใหม่โดยเร็ว แต่ก็ยังยืดเวลาให้คืนคลื่นความถี่ล่าช้าออกไป โดยกิจการกระจายเสียงให้คืนภายในระยะเวลาไม่เกิน ๕ ปี กิจการโทรทัศน์ไม่เกิน ๑๐ ปี กิจการโทรคมนาคมไม่เกิน ๑๕ ปี เท่ากับ กสทช.ชุดนี้หมดอายุไปแล้ว เรียกว่าไม่ต้องทำอะไรกันเลย แต่กับวิทยุรายใหม่นั้น ต้องปรับเปลี่ยนกำลังส่งตามประกาศของ กสทช.ลงวันที่ ๑๙ กันยายนนี้ โดยให้ระยะเวลาปรับเปลี่ยนไม่เกิน ๑ ปี
หลังจากที่ทางคณะสงฆ์ได้พยายามที่จะติดต่อเจรจากันเป็นครั้งสุดท้ายกับคุณภูเบศ สุขมงคลไชย ซึ่งเป็นหนึ่งในอนุกรรมการฯ ของคุณนที เพื่อหาข้อยุติร่วมกัน โดยนัดเจรจากันในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๐.๓๐ น. ที่สวนแสงธรรม พุทธมณฑลสาย ๓ ฝ่ายคณะพระสงฆ์ประกอบด้วย พระอาจารย์สุธรรม พระอาจารย์บุญมี พระอาจารย์เฉลิม พระอาจารย์วิทยา พระอาจารย์รัฐวีร์ และ ดร.สุรศักดิ์ ต่างจองตั๋วเครื่องบินเที่ยวเช้าวันที่ ๓๑ ตุลาคมกันไว้เรียบร้อย พร้อมที่จะเดินทางไปตามเวลานัดหมาย แต่วันที่ ๓๐ ตุลาคม บ่ายสองโมงกว่า คุณภูเบศโทรมาแจ้งว่า ทางผู้ใหญ่สั่งยกเลิกการประชุม เหตุผลว่า ไม่จำเป็นต้องมีการชี้แจงใดๆ อีกแล้ว เพราะพูดกันมาเยอะแล้ว หากท่านประสงค์จะสวดคว่ำบาตร ก็ให้ดำเนินการได้เลย
ทางคุณภูเบศไม่ได้บอกว่า ผู้ใหญ่คนนั้นคือใคร? แต่ไม่นอกเหนือความคาดหมายไปได้ ทางคณะสงฆ์ก็รู้สึกผิดหวังกับผู้ใหญ่คนนั้นเสียจริงๆ มิใช่เป็นเพราะเสียดายค่าตั๋วเครื่องบินคนละสองพันกว่าที่ต้องทิ้งไป แต่มันเท่ากับผู้ใหญ่คนนั้นมีเจตนาที่จะเปิดศึกกับคณะสงฆ์ให้มันเป็นเรื่องราวใหญ่โตยิ่งขึ้น เพราะการสวดคว่ำบาตรนั้น หากสามารถเจรจาเพื่อหาข้อยุติร่วมกันได้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องกระทำ แต่เมื่อผู้ใหญ่คนนั้น มาสั่งให้ยกเลิกการเจรจาเสียเช่นนี้ ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องเผชิญหน้ากัน ซึ่งอนาคตจะเป็นเช่นไร ก็สุดจะคาดเดา คงต้องยกให้เป็นเรื่องของกรรมต่อไป
เพราะฝ่ายคณะสงฆ์ก็จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อรักษาสถานีวิทยุเสียงธรรมอันเป็นมรดกธรรมของหลวงตาให้ดำรงคงอยู่ในสภาพเดิม อย่างถูกต้องตามกฎหมาย มิใช่อย่างหลบๆซ่อนๆ โดยเสี่ยงต่อการถูกจับผิด หรือถูกลดกำลังส่งลงเหลือไม่เกิน ๕๐๐ วัตต์ และลดความสูงของเสาลงเหลือไม่เกิน ๖๐ เมตร ตามประกาศของ กสทช. ซึ่งมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กันยายน เป็นต้นมา เพราะการลดกำลังส่ง หรือลดความสูงของเสาก็ตาม เป็นการบั่นทอนและทำลายเสียงธรรมของครูบาอาจารย์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสียงธรรมขององค์หลวงตา ให้หดสั้นลงมาอยู่ในวงแคบๆ และผู้ที่เสียผลประโยชน์ ก็คือประชาชน ที่เคยได้ยินได้ฟังในรัศมีไกลๆ ก็จะไม่มีทางได้ยินได้ฟังกันอีกตลอดไป เพราะรัศมีการออกอากาศจะหดลงมาเหลืออยู่ในรัศมีไม่เกิน ๒๐ กม. เท่านั้น
เอาเถิด ถ้าคุณคิดว่า มีอำนาจอยู่ในมือแล้ว จะทำอย่างไรก็ได้ หรือคิดว่า อยากสวดคว่ำบาตรก็สวดไป ไม่เกรงกลัวต่อผลอันจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า หรือไม่แยแสสนใจ ทำนองว่า ข้าไม่ผิด ข้าทำตามหน้าที่ เอ้า! ก็มาลองดูกัน ถ้ามันเกิดอาการร้อนรนกระวนกระวายทุรนทุรายขึ้นภายในจิตใจ อยู่ไม่เป็นผาสุกเมื่อไร พออำนาจมันหลุดจากมือไปแล้ว แม้สำนึกผิดมาขอขมา ให้คณะสงฆ์สวดหงายบาตรให้ทีหลัง บางทีก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ เพราะมันสายไปเสียแล้ว
บทความโดย ฟ้าทะลายโจร
---------------------------------------