“เฉลิม” อ้างไม่มีค่าตั๋ว ไม่บินพบ “ทักษิณ” - ไม่พูดพยาน 6 ศพวัดปทุมฯ อ้างทหารยิงใส่ บอกเดี๋ยวโดนบ่น ยกคำ “ธาริต” การันตีไม่มีชุดดำ - แจงโผนาย ตร.ให้ที่ประชุมแล้ว แต่ ก.ตร.กลับเดินออกไปเอง ปัดมองกรรมการเป็นแค่ตรายาง จ่อแก้กฎหมายคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิใหม่ โอ่ไม่มีการเมืองแทรก ซัดพวกช่างพูดชอบดรามาไม่สนับสนุน จวกพวกปูดโดนค่าหัว 10 ล้านพูดได้ยังไง
วันนี้ (31 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.00 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวแกนนำพรรคเพื่อไทย และข้าราชการเดินทางไปฮ่องกงในช่วงนี้จำนวนมากหลังมีกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังฮ่องกงว่า ไม่ไป ไปทำไม ไม่มีค่าตั๋วเครื่องบิน
ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวถึงกรณีพยานในคดี 6 ศพวัดปทุมวนารามฯ เบิกความว่ามีชายแต่งชุดทหารอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอสและยิงปืนเข้ามาในวัดว่า ไม่พูด เดี๋ยวโดนกล่าวหาว่าแทรกแซงและพรรคประชาธิปัตย์จะบ่นเอา ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนตอนนี้สังคมวิจารณ์เรื่องชายชุดดำกันมากนั้น นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษแถลงข่าวนี้แล้วว่าไม่มี
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีที่ ก.ตร.หลายคนวอล์กเอาต์การประชุม ก.ตร.ครั้งล่าสุดเพราะไม่เห็นด้วยต่อการเลือกนายตำรวจเข้ารับตำแหน่งใหม่ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในปีนี้ และยังระบุว่ามีการเมืองแทรกแซงว่า ตอนเริ่มประชุมในเรื่องนี้ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิทำบันทึกเป็นกระดาษ 3-4 แผ่นที่ตั้งข้อสังเกตสี่ประเด็น ตนอธิบายไปว่านายตำรวจที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอตัวมาช่วยราชการเป็นนายตำรวจติดตามประสานงานที่ทำเนียบรัฐบาลว่าอาวุโสน้อย แต่กรณีนี้เข้าข้อยกเว้นเพราะตนบอกว่า นายกฯ เลือกแล้วต้องยอมรับเพราะนายตำรวจติดตามนั้นต้องเป็นคนที่นายกฯไว้วางใจ ก.ตร.ก็เข้าใจ
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ต่อมาคือการย้ายผู้บังคับการกองทะเบียนประวัติไปเป็นรองนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจนั้น แต่ทราบว่านายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจระบุมาว่ามีรองนายแพทย์ใหญ่แล้วสามตำแหน่ง แต่อยากได้เพิ่มหนึ่งตำแหน่งมาทำงานด้านงบประมาณ การเขียนแผนต่างๆ การบริหารเพราะแพทย์เป็นวิชาชีพ ต่อมาคือนายตำรวจภาคใต้อาวุโสไม่ถึงแต่กลับได้เป็นรองผู้บัญชาการ ต่อมาคือการย้ายสลับสับเปลี่ยนตำรวจหญิงหนึ่งนาย เมื่อตนอธิบายไปว่าเมื่อถึงแต่ละวาระที่สงสัยข้องใจจะมีผู้อำนวยการมาชี้แจง หรือ ผบ.ตร.กับว่าที่ ผบ.ตร.จะชี้แจง ตนแจ้งให้ทราบว่าเมื่อถึงวาระคนที่เกี่ยวข้องก็ชี้แจง แต่ ก.ตร.ก็รับฟังแล้วก็เดินออกไป
เมื่อถามว่า การแต่งตั้งตำแหน่ง สบ 10 ทำไมถึงเลื่อนวาระนี้ออกไป ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ผ่านอนุกรรมการฝ่ายบริหารงานบุคคลจึงให้กลับไปเข้าระบบนี้ เพราะหลักการแล้ว ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิควรฟังคำชี้แจงของฝ่ายที่รับผิดชอบ และตนต้องให้เกียรติ ผบ.ตร.ทั้งคนเก่าและคนใหม่ ส่วน ก.ตร.บางคนระบุว่ารองนายกฯ ทำเสมือนว่า ก.ตร.คือตรายางนั้นไม่ใช่ ตนไม่ได้มองแบบนั้น เพราะตนฟังทุกภาคส่วนโดยเฉพาะรอง ผบ.ตร.ที่ต้องทำงานกับผู้ได้รับการแต่งตั้ง
เมื่อถามว่าจะส่งฝ่ายกฎหมายตีความว่าจะมีการคัดเลือก ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิแบบใหม่ตามที่รองนายกฯ เสนอนั้นจะเป็นไปได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนกำลังคิดและยกร่างกฎหมายอยู่เพราะไม่ควรจำกัดยศไว้ที่ พล.ต.ท. ผู้บัญชาการ รอง ผบ.ตร.เพราะมันควรเปิดกว้างและคนที่เหมาะสม ผกก.จะเลือกมา มันจะหลากหลาย ตนกำลังดูกฎหมายอยู่และควรแก้ไข พ.ร.บ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ต้องผ่านรัฐสภา เรื่องนี้ควรเปิดกว้างโดยควรมีตำรวจหลายชั้นยศเข้ามา อาจกำหนดไว้ที่ พล.ต.ต.ขึ้นไปก็เป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิได้เพราะจะได้ลงลึกเนื่องจากจะทำความรู้จักผู้ใต้บังคับบัญชาได้ ตนเปิดกว้างให้ตำรวจชั้นยศน้อยที่ไม่ต้องถึง พล.ต.ท. เอาแค่ พล.ต.ต.ก็มาเป็น ก.ตร.ได้ ยืนยันไม่มีการเมืองแทรกแซงเพราะตนไม่เคยยุ่งเกี่ยว และการแต่งตั้งนายตำรวจนั้นตั้งแต่ตนรับตำแหน่งนี้สิบสตางค์ก็ไม่ต้องเสีย ตำรวจที่มีฝีมือต้องได้รับการสนับสนุน ตำรวจช่างพูดและช่างประชาสัมพันธ์คือพวกดรามาจนคนข้างนอกมองว่าเก่ง แต่ตนเป็นตำรวจเก่าย่อมรู้จึงไม่สนับสนุน ตนมีเหตุผลอธิบายได้
“นายตำรวจบางคนออกข่าวว่าโดนจ้างฆ่าสิบล้านบาทเพื่อหวังก้าวหน้าก้าวไกล ผมบอกว่าเป็นตำรวจพูดแบบนี้ได้อย่างไรว่าจะโดนฆ่า หากดูแลแค่จังหวัดเดียวโดนจ้างฆ่าสิบห้าล้านบาท ผมดูแลทั้งประเทศ ราคาค่าตัวจะเท่าใด พูดแบบนี้ไม่ได้ มันเป็นหน้าที่ ยืนยันว่าที่มีข่าวขัดแย้งกับ ก.ตร.นั้นไม่ใช่ ไม่มีใครขัดแย้งใน ก.ตร. เข้าใจกันดี เพราะเป็นตำรวจอายุใกล้ๆ กัน ชอบพอกันทั้งนั้น” รองนายกฯ กล่าว