ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -"คำอวยพรและคำปฏิญาณสัญญาที่ทุกท่านได้กล่าวนั้นเป็นที่ประทับใจมาก ขอขอบใจและขอบใจท่านทั้งหลาย ตลอดจนประชาชนคนไทยทุกคนที่พรั่งพร้อมมาด้วยความปราถนาดีและไมตรีจิต ความปราถนาดีและความพร้อมเพรียงกันของทุกท่านอย่างที่ได้เห็นในวันนี้ ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มใจมีกำลังใจมากขึ้นในความเชื่อเสมอว่า ความเมตตาปราถนาดีของท่านต่อกันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ความพร้อมเพรียงให้มีเกิดขึ้นมีขึ้นทั้งหมู่คณะและชาติบ้านเมือง แต่ถ้าคนไทยเรายังมีคุณธรรมนี้ประจำอยู่ในจิตใจ ก็จะมีความหวังได้ว่าบ้านเมืองไทยไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็จะอยู่รอดปลอดภัย ธำรงมั่นคงต่อไปได้ตลอดรอดฝั่งอย่างแน่นอน ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักสิทธิ์จงคุ้มครองรักษาท่านทั้งหลายให้มีแต่ความพอสุขร่มเย็นยั่งยืนไป"
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีต่อพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ที่เข้าเฝ้าถวายพระพรชัยมงคล ในการเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2555
สิ่งที่"พ่อของแผ่นดิน"ได้เตือนสติคือ อยากให้ลูกๆทุกคน มีความสมัครสมาน สามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างแท้จริง เพื่อนำพาประเทศชาติให้อยู่รอดปลอดภัย
เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คนในชาติมีความแตกแยก แบ่งสี แบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน พร้อมที่จะห้ำหั่นกันอยู่ตลอเวลา
หลังมีพระราชดำรัส นายกรัฐมนตรี และคนในรัฐบาลก็รับใส่เกล้าใส่กระหม่อม จะน้อมนำไปปฏิบัติ แต่สิ่งที่พูดกลับเป็นตรงข้ามกับการกระทำ
เพราะรัฐบาลกำลังจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งๆที่รู้ว่าจะเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่สำเหนียก
การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ว่า คือการแก้ไข มาตรา 291 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ เพื่อให้มีการตั้งส.ส.ร.มายกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ จะแก้มาตราใดบ้าง ขึ้นอยู่กับส.ส.ร.จะดำเนินการ
ขณะนี้การแก้ไขมาตรา 291 สภาฯพิจารณามาแล้ว 15 วัน 15 คืน ผ่านการโหวตวาระ 1 และวาระ 2 มาแล้ว ยังเหลือแค่ผ่านวาระ 3 แต่ฝ่ายที่คัดค้านได้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเสียก่อน ว่าการแก้แบบนี้จะเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะอาจมีการแก้ทั้งฉบับ
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วตีความออกมาว่า ถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะเป็นการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง และเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมด จะต้องขอประชามติจากประชาชนก่อน เพราะรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 เคยผ่านการลงมติจากประชาชน
ทำให้การโหวตวาระ 3 ต้องพักไปชั่วคราว และขณะนี้กำลังจะเดินหน้าต่อ โดยอ้างว่าศษลรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามโหวต วาระ 3 เฉพาะอย่างยิ่ง ความเห็นจาก ส.ส.เสื้อแดง อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือ วรชัย เหมะ ที่สนับสนุนให้เดินหน้าโหวต วาระ 3 โดยไม่ต้องสนใจเสียงคัดค้าน
"ใครเขียนกฎหมายก็ต้องรับใช้ชนชั้นนั้น รัฐบาลอย่านิ่งนอนใจ วันนี้ถ้าไม่แร่งแก้ไข ปล่อยให้ทุกอย่างสายเกินแก้ แล้ววันหน้าเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้รัฐบาล หรือนายกฯ มีอันเป็นไป แล้วจะหวนกลับมาคิดเสียดาย อย่าคิดแค่เฉพาะหน้า ว่าไม่แก้รัฐธรรมนูญแล้วคลื่นลมจะสงบ รัฐบาลอยู่สบาย ไม่มีทางแน่นอน เพราะฝ่ายตรงข้ามจะใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นเครื่องมือจ้องล้มล้างรัฐบาลตลอด" นั่นเป็นคำให้สัมภาษณ์ของ ส.ส.วรชัย
ส่วนฝ่ายค้านก็ตั้งป้อมว่า ถ้ามีการดำเนินการต่อก็จะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาอีกครั้ง ว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ พ่วงด้วยการยื่นถอดถอนส.ส.ที่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย
ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กลับลอยตัว ลอยหน้า ลอยตา บอกว่าเป็นเรื่องของสภา รัฐบาลไม่ก้าวก่าย ... พูดออกมาได้ ทั้งๆที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาจากการเสนอของคณะรัฐมนตรีแท้ๆ
เชื่อเถอะ หากสภาเดินหน้า โหวตวาระ 3 รับรองภาคประชาชนที่ไม่เห็นด้วย จะต้องออกมาชุมนุมคัดค้านอย่างแน่นอน เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของรัฐบาลคือ ต้องการแก้ไขเพื่อลบล้างอำนาจของคณะรัฐประหาร 19 กันยาฯ 49 เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้บริสุทธิ์ เสมือนไม่เคยต้องโทษใดๆ มาก่อนทั้งสิ้น
พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ต้องติดคุก ต้องคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านคืนให้ แถมกลับมาอย่างเท่ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.และกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ทันที
ที่สำคัญคือ ไม่มีใครับประกันได้ว่า ส.ส.ร. ที่ตั้งขึ้นใหม่นี้จะไม่แก้ไขหมวดพระมหากษัตริย์
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีต่อพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ที่เข้าเฝ้าถวายพระพรชัยมงคล ในการเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2555
สิ่งที่"พ่อของแผ่นดิน"ได้เตือนสติคือ อยากให้ลูกๆทุกคน มีความสมัครสมาน สามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างแท้จริง เพื่อนำพาประเทศชาติให้อยู่รอดปลอดภัย
เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คนในชาติมีความแตกแยก แบ่งสี แบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน พร้อมที่จะห้ำหั่นกันอยู่ตลอเวลา
หลังมีพระราชดำรัส นายกรัฐมนตรี และคนในรัฐบาลก็รับใส่เกล้าใส่กระหม่อม จะน้อมนำไปปฏิบัติ แต่สิ่งที่พูดกลับเป็นตรงข้ามกับการกระทำ
เพราะรัฐบาลกำลังจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งๆที่รู้ว่าจะเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่สำเหนียก
การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ว่า คือการแก้ไข มาตรา 291 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ เพื่อให้มีการตั้งส.ส.ร.มายกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ จะแก้มาตราใดบ้าง ขึ้นอยู่กับส.ส.ร.จะดำเนินการ
ขณะนี้การแก้ไขมาตรา 291 สภาฯพิจารณามาแล้ว 15 วัน 15 คืน ผ่านการโหวตวาระ 1 และวาระ 2 มาแล้ว ยังเหลือแค่ผ่านวาระ 3 แต่ฝ่ายที่คัดค้านได้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเสียก่อน ว่าการแก้แบบนี้จะเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะอาจมีการแก้ทั้งฉบับ
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วตีความออกมาว่า ถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะเป็นการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง และเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมด จะต้องขอประชามติจากประชาชนก่อน เพราะรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 เคยผ่านการลงมติจากประชาชน
ทำให้การโหวตวาระ 3 ต้องพักไปชั่วคราว และขณะนี้กำลังจะเดินหน้าต่อ โดยอ้างว่าศษลรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามโหวต วาระ 3 เฉพาะอย่างยิ่ง ความเห็นจาก ส.ส.เสื้อแดง อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือ วรชัย เหมะ ที่สนับสนุนให้เดินหน้าโหวต วาระ 3 โดยไม่ต้องสนใจเสียงคัดค้าน
"ใครเขียนกฎหมายก็ต้องรับใช้ชนชั้นนั้น รัฐบาลอย่านิ่งนอนใจ วันนี้ถ้าไม่แร่งแก้ไข ปล่อยให้ทุกอย่างสายเกินแก้ แล้ววันหน้าเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้รัฐบาล หรือนายกฯ มีอันเป็นไป แล้วจะหวนกลับมาคิดเสียดาย อย่าคิดแค่เฉพาะหน้า ว่าไม่แก้รัฐธรรมนูญแล้วคลื่นลมจะสงบ รัฐบาลอยู่สบาย ไม่มีทางแน่นอน เพราะฝ่ายตรงข้ามจะใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นเครื่องมือจ้องล้มล้างรัฐบาลตลอด" นั่นเป็นคำให้สัมภาษณ์ของ ส.ส.วรชัย
ส่วนฝ่ายค้านก็ตั้งป้อมว่า ถ้ามีการดำเนินการต่อก็จะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาอีกครั้ง ว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ พ่วงด้วยการยื่นถอดถอนส.ส.ที่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย
ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กลับลอยตัว ลอยหน้า ลอยตา บอกว่าเป็นเรื่องของสภา รัฐบาลไม่ก้าวก่าย ... พูดออกมาได้ ทั้งๆที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาจากการเสนอของคณะรัฐมนตรีแท้ๆ
เชื่อเถอะ หากสภาเดินหน้า โหวตวาระ 3 รับรองภาคประชาชนที่ไม่เห็นด้วย จะต้องออกมาชุมนุมคัดค้านอย่างแน่นอน เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของรัฐบาลคือ ต้องการแก้ไขเพื่อลบล้างอำนาจของคณะรัฐประหาร 19 กันยาฯ 49 เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้บริสุทธิ์ เสมือนไม่เคยต้องโทษใดๆ มาก่อนทั้งสิ้น
พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ต้องติดคุก ต้องคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านคืนให้ แถมกลับมาอย่างเท่ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.และกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ทันที
ที่สำคัญคือ ไม่มีใครับประกันได้ว่า ส.ส.ร. ที่ตั้งขึ้นใหม่นี้จะไม่แก้ไขหมวดพระมหากษัตริย์