xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

แตะ “อุ๊งอิ๊ง” เรียกคุกคาม หมิ่น “สถาบัน” อ้างประชาธิปไตย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

1)อุ๊งอิ๊ง แพรทองธาร ชินวัตร โพสต์ข้อความตัดพ้อในเฟสบุค หลังถูกแอร์สาวโพสต์ว่าอยากเอากาแฟสาดหน้า
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -กลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตที่เหล่าสาวกไพร่แดงอดรนทนไม่ได้ ต้องออกมาร้องแรกแหกกระเชอให้ สายการบิน คาเธ่ย์ แปซิฟิก ซึ่งเป็นต้นสังกัดดำเนินการเอาผิดกับแอร์สาวของสายการบินคาร์เธย์ฯ ที่โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อ “Honey Lochanachai” ว่าอยากจะเอากาแฟสาดหน้า “คุณหนูอุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวสุดสวาทบาดจิตของนักโทษหนีคดีคอร์รัปชั่นนาม “นช.ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งได้เดินทางไปฮ่องกงเพื่อเยี่ยมเยียน นช.ทักษิณ ด้วยสายการบินคาร์เธย์ฯ แต่ไม่ได้ลงมือเพราะสามารถระงับสติอารมณ์ไว้ได้

เพราะแม้เรื่องนี้จะเป็นเพียงแค่ “ความคิด” ที่มิได้ลงมือกระทำจริงๆ แต่ในมุมมองของสาวกเสื้อแดงนั้นอะไรก็ตามที่ไประคายเคืองแม้เศษเสี้ยวผิวหนังของคนในตระกูลชินแล้วล่ะก็ ล้วนแต่เป็น “สิ่งผิด” ที่คนในตระกูลนี้มิอาจจะทานทนได้ และถือเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ไพร่แดงผู้ซื่อสัตย์จะต้องออกโรงปกป้องเหล่าเจ้านายประดุจญาติผู้ใหญ่ในครอบครัวเลยทีเดียว !!

งานนี้เหล่าลิ่วล้อน้อยใหญ่พากันเสนอหน้าเอาใจนายกันจ้าละหวั่น ไม่ว่าจะเป็นสาวกชั่วคราวไม่ค้างคืนซึ่งเดินสายรับงานทั่วทุกสารทิศที่ “เงินถึง” อย่าง วรัญชัย โชคชนะ ซึ่งสถาปนาตัวเองเป็นแกนนำชมรมไทยเดินทาง ก็ได้ไปยื่นหนังสือทักท้วง ทวงถามต่อผู้บริหารสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก ที่สำนักงานหน้าย่านเพลินจิต ถึงความคืบหน้ากรณีลงโทษพนักงานต้อนรับคนดังกล่าว พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้บริหารสายการบินออกมาแถลงชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย

แม้แต่ลิ่วล้อระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อย่าง “นายประชา ประสพดี” ก็ยังไม่สำเหนียกว่าตนมีฐานะเป็นถึงรัฐมนตรี กลับทิ้งเก้าอี้ลงมาเป็นแกนนำพามวลชนตบเท้าเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก เช่นกัน โดย รมช.มหาดไทยได้เรียกร้องให้ผู้บริหารสายการบินคาเธย์ฯดำเนินการเอาผิดกับแอร์สาว เพื่อหวังเอาใจ “นายใหญ่แห่งดูไบ”

“ พฤติกรรมของพนักงานสายการบินคนดังกล่าวสะท้อนเจตนาคุกคาม อาฆาตมาดร้าย และจ้องจะทำร้าย ละเมิดสิทธิผู้โดยสาร นำข้อมูลการบินมาเปิดเผย ตั้งใจจะเอากาแฟสาดหน้า ถือเป็นการทำผิดกฎหมายอาญาที่มีการตระเตรียมไว้ก่อน เพียงแต่กระทำการไม่สำเร็จ เนื่องจากจังหวะไม่เอื้ออำนวย หรือมีอุปสรรคมาขัดขวาง กรณีนี้ผู้บริหารสายการบินต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาด แค่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนนั้นคงไม่เพียงพอ จะต้องสั่งพักงาน พร้อมดำเนินคดีอาญา เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ผู้บริหารจำเป็นต้องเอาคนที่มีความคิดอันตรายแบบนี้ออกไป ความคิดเป็นภัยแบบนี้วันหน้าอาจก่อเหตุไม่คาดฝัน หากมีญาติ หรือ คนที่ฝักใฝ่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นเครื่องมาอาจถูกลอบทำร้าย หรือลอบวางยาพิษก็เป็นได้ น่าเสียดายที่ น.ส.แพทองธาร เป็นคนจิตใจใสสะอาด ได้ขอโทษและไม่เอาความเพราะความจริงต้องดำเนินคดีและฟ้องร้องสายการบินนี้ด้วย” นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย ออกโรงเชลียร์ลูกสาวของนายใหญ่อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

เมื่อโดนบีบจากนักการเมืองที่มากล้นด้วยอำนาจ ผู้บริหารของสายการบินคาเธย์ แปซิฟิก จึงจำเป็นต้องออกแถลงการณ์ขออภัย พร้อมทั้งขอให้แอร์โฮสเตสคนดังกล่าวลาออกเพื่อตัดปัญหา โดยสายการคาเธ่ย์ฯ ได้ออกแถลงการณ์ ความว่า

“ คาเธย์ แปซิฟิก ได้ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด โดยขอยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับหนึ่งในพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของเราซึ่งได้โพสต์ข้อมูลของผู้โดยสารท่านหนึ่งบนโซเชียลมีเดีย โดยเป็นเหตุการณ์ที่พนักงานท่านนั้นกระทำไปโดยมิได้รับความยินยอม ทั้งนี้คาเธย์ แปซิฟิกขอเรียนให้ทราบว่าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินท่านนั้นไม่ได้อยู่ในฐานะของพนักงานของสายการบินคาเธย์ แปซิฟิก อีกต่อไป”

หลังจากนั้นแอร์สาวได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Honey Lochanachai ว่าเธอได้ตัดสินใจลาออกจากสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิกแล้ว ทั้งนี้เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ วันนี้ผึ้งได้ลาออกจากการเป็นพนักงานของสายการบินคาเธย์แปซิฟิกแล้วค่ะ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาพพจน์ของบริษัท ผึ้งขอขอบคุณและเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนๆทุกคนที่ให้กำลังใจ แต่กฎระเบียบต่างๆ ที่มีไว้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยขององค์กร เราในฐานะสมาชิกขององค์กรก็ต้องให้ความเคารพและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เหมือนกับ กฎหมายที่มีไว้เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคม ทุกคนก็ควรที่จะเคารพและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน

ผึ้งจึงอยากขอให้ทุกคนสนับสนุนการตัดสินใจ ของผึ้งด้วยนะคะ และโปรดอย่าตั้งข้อรังเกียจสายการบินคาเธย์แปซิฟิกในการรักษามาตรฐานของบริษัทเลยค่ะ ผึ้งมั่นใจว่าสายการบินคาเธย์แปซิฟิกที่ผึ้งทำงานมานานถึง 24 ปี เป็นสายการบินที่มีมาตรฐานความปลอดภัยและการบริการในระดับโลก พนักงานทุกคนได้รับการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดและมีความเป็นมืออาชีพสูง เมื่อผึ้งทำผิดกฎข้อบังคับของบริษัท ผึ้งก็ต้องรับผิดชอบ เหมือนกับทุกคน ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องยอมรับโทษถ้าเราทุกคน ยอมรับและปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบของสังคม ทุกคนก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ผึ้งอยากเห็นสังคมไทยเป็นสังคมที่มีกฎระเบียบและเคารพกฎหมาย ประเทศชาติของเราจะได้พัฒนาและมีความสงบสุข

เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นที่เคารพรักอย่างสูงของพวกเราชาวไทย ในวันที่ 5 ธันวาคม นี้ เราทุกคนมาร่วมกันตั้งต้นทำความดีถวายพระองค์ท่าน ด้วยการประพฤติตนเป็นผู้ที่เคารพกฎระเบียบและกฎหมายของบ้านเมืองกันดีมั้ยคะ เพื่อพระองค์ท่านจะได้สบายพระทัยที่พสกนิกรของพระองค์เป็นผู้ที่เคารพหลักนิติรัฐนิติธรรมและทำร่วมมือกันให้บ้านเมืองของเราสงบสุข ขอบคุณค่ะ”

นี่คือข้อความที่แอร์สาวได้เปิดใจผ่านเฟซบุ๊ก Honey Lochanachai อย่างไรก็ตาม ภายหลังข้อความดังกล่าวก็ถูกลบไปโดยไม่ทราบสาเหตุ

นอกจากนั้นแอร์สาวยังได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับ “ASTVผู้จัดการ Live” เกี่ยวกับความรู้สึกที่เธอมีต่อ นช.ทักษิณ ชินวัตร ในบางช่วงบางตอนว่า

“ เราเคารพในความคิดของทุกคน คนเรามีสิทธิที่จะชอบ ไม่ชอบใครก็ได้ เราเป็นคนธรรมดา ก็ย่อมมีทั้งคนชอบ และคนไม่ชอบ ไม่ว่าคุณจะเป็นที่รู้จักหรือไม่มีใครรู้จักเลย มันไม่สำคัญเท่าที่เราทำอะไรให้แก่สังคมบ้างใครจะชอบทักษิณก็ชอบไป ไม่เป็นไรเป็นธรรมดา เขาชอบของเขา เราชอบของเรา แต่ที่ผึ้งไม่ชอบทักษิณเพราะเขาโกง จาบจ้วงในหลวง ซึ่งจริงๆ คนไทยควรรักในหลวง เราไม่ควรแตกแยกอย่างนี้ ให้คนในสังคมตัดสินเองดีกว่าว่าคนที่ทำสิ่งไม่ถูกต้อง ทำผิดกฎหมาย ไม่มีความรับผิดชอบ จะทำให้ประเทศชาติเสียหายมากแค่ไหน แต่ถ้าทุกคนมีความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ ไม่ทำสิ่งที่เกิดโทษแก่สังคม บ้านเมืองเราก็จะสงบสุข เหมือนตอนนี้ผึ้งทำผิดกฎระเบียบ ก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำด้วยการลาออกจากบริษัท”

อย่างไรก็ดี ในมุมมองของสังคมนั้นเห็นว่าแม้การโพสต์ข้อความของแอร์สาวในลักษณะดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเพราะถึงอย่างไร น.ส.แพทองธารนั้นมีฐานะเป็นลูกค้าของสายการบินคาเธย์ฯ แต่การที่พรรคเพื่อไทยในฐานะรัฐบาลใช้อำนาจข่มขู่คุกคามจนผู้บริหารสายการบินต้องบีบให้พนักงานคนดังกล่าวลาออกนั้นถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เพราะพนักงานที่ใช้ชื่อว่า Honey นั้นเพียงแค่คิด ไม่ได้ลงมือกระทำ อีกทั้งโพสต์ในขณะที่ น.ส.แพทองธารได้เดินทางไปฮ่องกงเรียบร้อยแล้ว จึงไม่ถือว่ามีเจตนาข่มขู่คุกคามแต่อย่างใด เป็นแค่การระบายความรู้สึกเท่านั้น

ดังนั้น ชะตากรรมที่เกิดกับแอร์สาวของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก จึงถูกนำมาเปรียบเทียบกับกรณีของ “นางพรทิพย์ ปักษานนท์” แกนนำเสื้อแดงเพชรบุรีที่ส่งอีเมลในลักษณะจดหมายลูกโซ่ ข่มขู่ “น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร” ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี ซึ่งทำข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากนางพรทิพย์ไม่พอใจที่ น.ส.สมจิตต์ ตั้งคำถามในการสัมภาษณ์นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตรแบบตรงไปตรงมา ขณะที่นายกฯ ไม่สามารถตอบคำถามดังกล่าวได้ ส่งผลให้นายกฯยิ่งลักษณ์ไม่พอใจถึงขั้นเดินหนี

โดยนางพรทิพย์ ได้ส่งอีเมล์ไปยังอีเมลของแนวร่วม นปช. ระบุข้อมูลส่วนตัว ทั้งชื่อ นามสกุล และโพสต์ภาพถ่ายของ น.ส.สมจิตต์ พร้อมทั้งมีข้อความเชิญชวนให้กลุ่มแนวร่วม นปช. “จัดการ” กับ น.ส.สมจิตต์ โดยระบุว่า “จำหน้าหล่อนไว้นะครับเห็นที่ไหนก็จัดให้หน่อยแล้วกันนะ” อีกทั้งยังได้โพสต์ข้อมูลเหล่านี้ไว้ตามเว็บไซต์เสื้อแดง ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการข่มขู่คุกคาม และเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล

ทั้งนี้ น.ส.สมจิตต์ ได้เข้าแจ้งความและยื่นฟ้องนางพรทิพย์ โดยคดีความยังอยู่ในขั้นการพิจารณาของศาล และเนื่องจากเมื่อ น.ส.สมจิตต์ยื่นเรื่องถึงอัยการในฐานะทนายแผ่นดินแล้ว อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง น.ส.สมจิตต์ จึงต้องดำเนินการฟ้องร้องเอง

ขณะที่ในฟากของรัฐบาลเพื่อไทยซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเครือข่ายเดียวกับคนเสื้อแดงซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรค กลับไม่ได้ห้ามปราม นางพรทิพย์ หรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อดูแลความปลอดภัยของผู้สื่อข่าวอย่าง น.ส.สมจิตต์ที่ถูกคนเสื้อแดงคุกคามแม้แต่น้อย

ในทางกลับกันหลังก่อเหตุข่มขู่คุกคามสื่อ นางพรทิพย์ยังได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ทดแทนกรรมการของ ทอท.ที่ลาออก ท่ามกลางความกังขาของคนใน ทอท. เนื่องจากนางพรทิพย์ไม่ได้มีคุณสมบัติใดๆ ที่เหมาะสมจะมาเป็นกรรมการดังกล่าว

แม้ พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ประธานกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. จะยืนยันภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ทอท.ว่า ไม่ได้รู้จักกับ น.ส.พรทิพย์ เป็นการส่วนตัว และการแต่งตั้งนางพรทิพย์ รวมทั้งกรรมการอีก 2 คน ที่แต่งตั้งขึ้นมาใหม่พร้อมกันนั้นก็ได้ผ่านกระบวนการสรรหามาอย่างถูกต้อง แต่หากตรวจสอบประวัติจะพบว่านางพรทิพย์ เป็นเพียงนักธุรกิจด้านท่องเที่ยวอยู่ที่หาดปึกเตียน แต่ชื่อเสียงที่โดดเด่นคือเป็น ประธาน นปช.เพชรบุรี และเป็นที่รู้จักของสังคมจากกรณีส่งอีเมลข่มขู่นักข่าวสาวช่อง 7 ต่างจากกรรมการ ทอท.อีก2 คนที่ได้รับแต่งตั้งพร้อมกัน คือ นางจันทิมา สิริแสงทักษิณ และนายธานินทร์ อังสุวรังษี ซึ่งหากเอาชื่อไปค้นหาประวัติใน google.com ก็จะพบทั้งประวัติการศึกษาการและผลงานต่างๆ มากมาย

ทำให้เกิดคำถามตามมาว่าเหตุผลที่มีการแต่งตั้งนางพรทิพย์ ให้ร่วมเป็นบอร์ด ทอท. ซึ่งกินเงินภาษีของประชาชนครั้งนี้นั้น เพื่อเป็นการปูนบำเหน็จรางวัลในการทำหน้าที่ข่มขู่คุกคามสื่อใช่หรือไม่ ?

ดังนั้นหาก นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย จากพรรคเพื่อไทย และบรรดาคนเสื้อแดง เรียกร้องให้สายการบินคาเธย์ แปซิฟิก ปลดแอร์โฮสเตสที่แค่โพสต์ในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่าอยากจะสาดกาแฟใส่หน้า น.ส.แพทองธาร นายประชาและคนเสื้อแดงก็ควรจะเรียกร้องให้นางพรทิพย์ ลาออกจากคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ด้วยเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ส่วนในทางคดีนั้นหาก น.ส.แพทองธาร ต้องการฟ้องแอร์โฮสเตสสาว ก็ควรฟ้องด้วยตัวเอง เหมือนกรณีของผู้สื่อข่าวช่อง 7 สี ที่อัยการไม่ส่งฟ้อง จนต้องดำเนินการฟ้องร้องด้วยตนเอง

ทั้งนี้ กรณีของแอร์สาวที่ถูกรัฐบาลเพื่อไทยใช้อำนาจบีบคั้นจนต้องลาออกจากสายการบินคาเธย์ แปซิฟิก เพียงเพราะโพสต์ข้อความว่าอยากสาดกาแฟใส่ “อุ๊งอิ๊ง” และกรณีการข่มขู่คุกคาม น.ส.สมจิตต์ นวเครือ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี ที่ตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมากับนายกฯยิ่งลักษณ์นั้นได้ก่อให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนักถึงการกระทำอันต่ำช้าของนักการเมืองและเครือข่ายเสื้อแดงที่ต้องการเอาอกเอาใจคนในตระกูลชินวัตร

ขณะเดียวกันก็ถูกนำไปเปรียบเทียบกับกรณีที่บรรดานักวิชาการเสื้อแดงเรียกกันว่า “ขบวนการล่าแม่มด” ซึ่งบรรดานักวิชาการเสื้อแดงแสดงความคิดเห็นกันอย่างเอิกเกริกถึงขนาดจัดเวทีเสวนาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ ทั้งๆ ที่กลุ่มคนเหล่านั้นไล่ล่าบุคคลที่กระทำการและมีความคิดหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ทว่า ในกรณี “อยากสาดกาแฟ” กลับไม่มีนักวิชาการเสื้อแดงรายไหนออกมาวิพากษ์วิจารณ์แม้แต่เพียงรายเดียว

เฉกเช่นเดียวกับกรณีที่คนเสื้อแดงหรือนักการเมืองในพรรคเพื่อไทยออกมาให้ร้ายจาบจ้วงสถาบัน รัฐบาลภายใต้การนำของ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ก็ดูจะเพิกเฉย ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่แกล้งไม่รู้ไม่เห็น เข้าทำนอง “หมิ่นสถาบันข้าไม่ว่า หมิ่นตระกูลชิวัตรข้าไม่ยอม”

ทำให้เกิดคำถามตามมาว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย ? และผืนแผ่นดินนี้เป็นของคนไทยหรือของคนในตระกูลชินวัตร ?


ข้อความของฮันนี่ อดีตแอร์สาวประจำสายการบินคาร์เธย์ แปซิฟิก ซึ่งแสดงความรู้สึกที่มีต่อ น.ส.แพรทองธาร และคนในตระกูลชินวัตร

สายการบินคารฺเธย์ แปซิฟิก
กำลังโหลดความคิดเห็น