xs
xsm
sm
md
lg

จี้ปปง.สอบจำนำข้าวหวั่นพัวพันฟอกเงินปชป.เอี่ยวคดีจีทูจี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "หมอวรงค์" ยื่นป.ป.ช.สอบทุจริตโครงการจำนำข้าว เอื้อประโยชน์บริษัทใกล้ชิดรัฐบาล จี้เปิดสัญญาจีทูจี เตรียมยื่นปปง.สอบเส้นทางการเงิน หวั่นพัวพันขบวนการฟอกเงิน ด้าน"องอาจ" เอาด้วยยื่น ป.ป.ช. สอบโกงกองทุนหมู่บ้าน SML ระบุมีหลักฐานเครือข่ายรัฐบาล-เสื้อแดงเอี่ยว "เหลิม" ปัดสวะให้พาณิชย์แจงเองพิรุธขายข้าว สำนักข่าวอิศรา เผย"หญิงปริศนา"ควักเงินสด 400 ล้าน ซื้อหุ้น"สิราลัย" แจ้งที่อยู่เดียวกับคนนามสกุล"เสี่ยเปี๋ยง" พบเคยนั่งเก้าอี้บริหาร เพรซิเดนท์ ก่อนถูก คตส.ชงสอบคดีบ้านเอื้ออาทร

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วานนี้ ( 3 ธ.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป.ป.ช. เพื่อขอให้พิจารณาตรวจสอบการทุจริตในโครงการกองทุนหมู่บ้าน หรือ SML โดยนายองอาจกล่าวว่า ตนพบหลักฐานว่า มีการทุจริตงบประมาณในโครงการ 3-5 แสนบาทต่อโครงการ โดยมีบุคคลใกล้ชิดรัฐบาลและแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง มีส่วนเกี่ยวข้อง และมีการทุจริตกันเป็นขบวนการ และยอมรับว่าในเอกสารคำร้องมีการพาดพิงถึงบุคคลในรัฐบาล และส.ส. จึงมายื่นเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เร่งพิจารณาเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษเนื่องจากยังมีการดำเนินโครงการอยู่ในปัจจุบัน

ขณะที่นพ.วรงค์ กล่าวว่า ตนได้ยื่นขอให้คณะกรรมการป.ป.ช. ตรวจสอบและชี้มูลความผิดในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ที่พบว่ามีการทุจริต และเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทที่ใกล้ชิดกับรัฐบาล รวมถึงการที่รัฐบาลอ้างว่า มีการค้าขายแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ให้กับ 3 ประเทศ คือ จีน อินโดนีเชีย และโกติวัวร์ แต่ในทางปฏิบัติพบว่า เป็นการขายผ่านตัวแทนของ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เพื่อหลีกเลี่ยงการประมูล และพบพฤติกรรมการทุจริต โดยมีผู้เกี่ยวข้องคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เจ้าหน้าที่รัฐและผู้เกี่ยวข้อง พร้อมแนบเอกสารเพิ่มเติมจำนวน 8 รายการ อาทิ ภาพถ่ายแคชเชียร์เช็คของธนาคารกสิกรไทย, ภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เส้นทางการโอนเงิน และภาพถ่ายบัญชีของกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งมั่นใจว่าเอกสารที่นำมายื่น มีความสมบูรณ์และครบถ้วนมากที่สุด

พร้อมเตรียมขอเข้าชี้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ก่อนจะมีการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ในวันนี้ (4 ธ.ค.) และเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยหลักฐาน MOU หรือสัญญาซื้อขายกับต่างประเทศ และหลักฐานการทำ LC ด้วย

นพ.วรงค์ กล่าวด้วยว่าในวันนี้ตนจะเดินทางไปยื่นหนังสือในประเด็นเดียวกันต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)เนื่องจากพบว่า มีเส้นทางการเงินสายใหม่ที่เกี่ยวข้องกับกรมการค้าต่างประเทศ และอาจพัวพันกับขบวนการฟอกเงิน

*** ปปช.ลั่นสอบจีทูจี

ด้านนายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ในการประชุม ป.ป.ช. วันที่ 4 ธ.ค.นี้ จะนำประเด็นดังกล่าวเข้ามาพิจารณาด้วย ส่วนจะรอตั้งอนุกรรมการสอบสวน แสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม หรือให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นกรรมการสอบทั้งชุดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับที่ประชุม ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ได้รับการร้องเรียนมาตลอด แต่การร้องเรียนเป็นไปในลักษณะเป็นบางพื้นที่ เป็นจุดๆ ไป ไม่ได้มีในลักษณะครอบคลุม ประกอบกับ ป.ป.ช.ก็มีสำนักข่าวลงไปหาข้อมูลแต่ยังไม่ได้มีการรายงานความคืบหน้ามา

นายวิชา กล่าวว่า นอกจากจะมีการพิจารณาข้อมูลย้อนหลัง โดยขอข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่การเริ่มโครงการจำนำข้าว หรือในประเด็นสัญญาซื้อขายระหว่างรัฐต่อรัฐ ซึ่งอาจคาบเกี่ยวรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ด้วย เพราะมีการอ้างการซื้อขายในลักษณะเดียวกันด้วย

**"เหลิม"ปัดสวะให้พาณิชย์แจงเอง

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ที่จะต้องชี้แจงให้ชัดเจน ส่วนการที่ฝ่ายค้านระบุว่า รัฐบาลไปไล่บี้ข้าราชการที่เอาข้อมูลมาเปิดเผยนั้น เป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านเข้าใจผิด เพราะการตรวจสอบในแต่ละเรื่อง มีผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว เรื่องการรับจำนำข้าว ตนสามารถอธิบายได้ แต่การจำหน่ายข้าวตนไม่สามารถชี้แจงได้ ต้องให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้ชี้แจง ส่วนจะส่งผลกระทบถึงรัฐบาลหรือไม่ ตนไม่ขอแสดงความเห็น เพราะมีผู้ที่รับผิดชอบเข้าใจมากกว่าตน และถือเป็นเรื่องของกระทรวงพาณิชย์

***“หญิงปริศนา”ควัก400 ล.ซื้อหุ้น“สิราลัย”

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า บริษัท สิราลัย จำกัด ซึ่งใช้อาคารสำนักงานแห่งเดียวกับ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เพิ่มทุนจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทอย่างรวดเร็วจากตอนจดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อวันที่ 5 มี.ค.55 จำนวน 1 ล้านบาท ก่อนจะปรับขึ้นเป็น 1,200 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.55 และเพิ่มเป็น 2,200 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ต.ค.55 ซึ่งในการเพิ่มทุนดังกล่าว ปรากฏชื่อนางกิ่งแก้ว ลิมปิสุข ถือหุ้นใหญ่ จำนวน 4,800,000 หุ้น มูลค่า 400 ล้านบาท ขณะที่น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร และ นายสรวิศ จันทร์สกุลพร (นามสกุลเดียวกับ “เสี่ยเปี๋ยง” นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร อดีตกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด และอดีตผู้ก่อตั้ง กรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ) ถืออยู่คนละ 3,600,000 หุ้น

***ปชป.เปิดตัว"สุธี"พันโกงจำนำข้าว

แหล่งข่าวระดับสูงจากพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า ในการยื่นเรื่องโครงการรับจำนำข้าวให้คณะกรรมการป.ป.ช. ตรวจสอบอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ นอกเหนือจากเอกสารหลักฐานแสดงในการระบายข้าวจีทูจี ที่พรรคประชาธิปัตย์ ตรวจสอบพบว่า มีบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับบริษัท สยามอินดิก้า เข้ามาทำสัญญาซื้อข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศ ในนามบริษัทจีนแล้ว คณะทำงานที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบข้อมูลเรื่องนี้ จะให้ปากคำต่อป.ป.ช. เกี่ยวกับเส้นทางการเงินต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งมีตัวละครเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมากด้วย เพื่อให้ ป.ป.ช. ซึ่งมีอำนาจในการตรวจสอบเส้นทางการเงินนำไปขยายผลต่อด้วย

ทั้งนี้ ตัวละคร ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินในเรื่องนี้ นอกเหนือจากชื่อ “นิมล รักดี” “สมคิด เอื้อนสุภา” “เรืองวัน เลิศศลารักษ์” “กฤษณา สุรมล ” ที่ถูกเปิดเผยไปแล้ว ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา จะมีตัวละครใหม่ ที่ยังไม่เคยมีการเปิดเผยมาก่อนรวมอยู่ด้วยซึ่งมีชื่อว่า “สุธี” นามสกุลขึ้นต้นด้วย “ช” โดยคณะทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับแจ้งข้อมูลจากสายการเงินว่า มีเงินจำนวนมากผ่านเข้าบัญชี เช่นเดียวกับ บุคคลที่ถูกกล่าวถึงไปแล้ว ก่อนที่เงินจะถูกส่งต่อไปเข้าบัญชีบริษัทในเครือข่ายของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ก่อนที่เงินจะถูกโยกย้ายเข้าไปตามกองทุน และหน่วยลงทุนต่างๆอีกครั้ง

***“พาณิชย์”ดึงปชป.ติดร่างแหขายจีทูจี

นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กำลังเตรียมร่างคำสั่งเพื่อตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจในการตรวจสอบสัญญาซื้อขายข้าวรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) โดยมีตนเป็นประธาน มีระยะเวลาในการทำงาน 15 วัน ตามคำสั่งของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และจะมีการตรวจสอบสัญญาซื้อขายจีทูจีย้อนหลังไป 3 ปี เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ทำให้การตรวจสอบจะรวมถึงการขายข้าวจีทูจีในรัฐบาลชุดก่อนด้วย

“ที่ต้องสอบสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจีย้อนหลังไป 3 ปี เพราะต้องการทำให้โปร่งใส เราตรวจไปข้างหน้าไม่ได้ ก็ต้องตรวจย้อนหลัง และการตรวจย้อนหลัง 3 ปี จะตรวจสอบถึงช่วงที่รัฐบาลชุดก่อนทำงานอยู่ โดยจะดูว่าการขายจีทูจีมีความแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร เพื่อทำให้สังคมหายคลางแคลงใจ”
กำลังโหลดความคิดเห็น