“ทำไมรัฐบาลอาจหาญขายข้าวให้แก๊งที่เคยทุจริตในสมัยที่พี่ชายเป็นนายกฯ กลับมาทำการทุจริตในยุคน้องสาวเป็นนายกฯ อีกครั้ง และข้าวที่ขายออกไปแทนที่ขนลงใต้ คือแถวปทุมธานี อยุธยา เพื่อไปส่งปรับปรุงคุณภาพ แต่กลับส่งขึ้นไปเหนือที่ จ.พิษณุโลก เพื่อไปเวียนเทียน”
**เป็นคำถามที่สั่่นคลอนรัฐบาลอย่างยิ่งระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับ นโยบายรับจำนำข้าวที่เปิดช่องให้มีการทุจิตในทุกขั้นตอน โดยนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัคย์
มิใช่เพียงชำแหละให้เห็นถึงความเลวทรามของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ต่อยอดโกงกินบนหลังชาวนาต่อจากพี่ชายนักโทษ ที่ประกาศกร้าวว่า “นโยบายนี้ผมคิดเองคนเดียว และเลิกไม่ได้”
ก็จะเลิกได้อย่างไรในเมื่อมันเจี๊ยะมาจนชิน กินจนเป็นกิจวัตร ตลอด 6 ปี ที่ครองอำนาจ จึงไม่น่าแปลกใจที่ตัวละครเดิม ๆ จะกลับมามีบทบาทอย่างอหังการโดยไม่แคร์ต่อสังคม ไม่สนการตรวจสอบ เพราะถือว่ามีไพ่มวลชนในมือ มีกองกำลังเป็นตำรวจติดอาวุธอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
แต่การทุจริตกินกันแบบปากมันบนความทุกข์ยากของประชาชน และความเสี่ยงของประเทศนั้น กำลังจะทำให้คนไทยตาสว่าง รู้เช่นเห็นชาติว่า ทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่พ่อพระของคนจน แต่เป็นซาตานที่สูบเลือดสูบเนื้อประเทศชาติโดยใช้คนจนเป็นข้ออ้างต่างหาก
“จีทูจี”ของรัฐบาลที่อ้างว่าลับนักลับหนา ถูกลากไส้ให้เห็นว่า รัฐบาลโกหกประชาชน โดย “หมอวรงค์”แสดงเอกสารหลักฐานชัดเกี่ยวกับ 2 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทจีนหนึ่งบริษัท และบริษัทไทยอีกบริษัท ในการรับข้าวจากรัฐบาลไทย มีการใช้นอมินีเข้าไปสวม เพื่องาบผลประโยชน์
“บริษัทที่มาจากจีนมีชื่อว่า GSSG IMP AND EXP.CORP ซึ่งขั้นตอนการขายข้าว กรมการค้าต่างประเทศจะเป็นเจ้าภาพเบิกข้าวจากโกดัง ตามเอกสารลงวันที่ 15 พ.ค. เป็นการขายปลายข้าว 5 ล้านกิโลกรัม ซึ่งบริษัทจากจีนก็มารับข้าว โดยมีเอกสารการมอบอำนาจของนายรัฐนิธ โสจิรกุล ให้นายนิมล รักดี เป็นผู้รับมอบอำนาจในการไปรับข้าว
ซึ่งนายรัฐนิธ มีอายุประมาณ 32 ปี มีเงินในบัญชีเพียง 64 บาท 63 สตางค์ น่าแปลกใจว่าบริษัทข้ามชาติทำธุรกิจนับ 1,000 ล้านบาท มอบอำนาจให้เด็กไทยอายุเพียง 32 ปี และจากการตรวจสอบพบว่า เป็นผู้เข้าเรียนหลักสูตรวุฒิบัตรผู้ช่วยผู้ปฏิบัติงานของรัฐสภา รุ่นที่ 6 เป็นนักศึกษาลำดับที่ 36 โดยมีชื่อเล่นว่า ไอ้ปาล์ม เป็นผู้ช่วย ส.ส.ลำดับที่ 3 ของ นางรพิพรรณ พงศ์เรืองรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นภรรยานายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดง”
ที่สำคัญกว่านั้นคือการปล่อยให้บริษัทเพรสสิเดนท์อะกริ ของนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง ซึ่งผูกขาดขายข้าวและส่งออกรายใหญ่ในสมัยนักโทษครองอำนาจ ส่วนนายนิมล เป็นคนจังหวัดพิจิตร ในวงการโกดังข้าวภาคกลางเรียกว่า เสี่ยโจ เป็นมือขวาของ เสี่ยเปี๋ยง และป.ป.ช. เคยชี้มูลเมื่อวันที่ 26 มี.ค.52 ว่า นายโจ มือขวาเคยเป็นผู้ต้องหาคดีทุจริตโครงการจำนำข้าวในปี 2546-47 ช่วงที่ ทักษิณ เป็นนายก ซึ่งเท่ากับว่า สองบริษัทเป็นบริษัทเดียวกันและการขายข้าวมิใช่เป็นแบบจีทูจี”
ความเชื่อมโยงดังกล่าวเป็นไปอย่างมีน้ำหนัก และสะท้อนถึงขบวนการงาบจำนำข้าวไปจนถึงต้นตอ ไม่ใช่ถูกฆ่าตัดตอนอยู่ที่การโกงของโรงสี อย่างที่รัฐบาลพยายามสร้างภาพเท่านั้น พิรุธจากเงินที่เข้าบัญชีกรมการค้าข้าวภาพรวม 72 รายการ ซึ่งเป็นแคชเชียร์เช็ค มาจากธนาคารกสิกรไทย 13 รายการ 1,695 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย 24 รายการ 1,763 ล้านบาท ธนาคารที่ตรวจสอบไม่ได้ 6 รายการ 126 ล้านบาท ธนาคารกรุงเทพ 18 รายการ 504 ล้านบาท และมาจากธนาคารไทยพาณิชย์ 11 รายการ 869 ล้านบาท
ซึ่งภาพรวมมีเงินจ่ายให้กรมการค้าต่างประเทศ 4,960 ล้านบาท และมีการถอนเงินออกจากบัญชีกรมการค้าต่างประเทศ 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 4,200 ล้านบาท เมื่อไม่มีการค้าข้าวแบบจีทูจีจริง แต่รัฐบาลกลับเปิดโอกาสให้สยามอินดิก้าเอาข้าวของรัฐบาลไปเร่ขายให้กับโรงสี ในลักษณะของไปเงินมา มีการพบแคชเชียร์เช็ค ออกในนามของนายสมคิด เรือนสุภา หรือไอ้คิด ที่ซื้อแคชเชียร์เช็คจำนวนกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งเมื่อสอบที่อยู่ของนายสมคิด ตามที่แจ้งที่อยู่เลขที่ 191 ซอยดำเนินกลาง เขตพระนคร พบว่าไม่มีสภาพเป็นบ้านของพ่อค้าข้าวรายใหญ่
หมอวรงค์ ฟันธงว่า ขบวนการดังกล่าวโยงใยไปถึงดูไบ พร้อมเปิดคลิปภาพใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างนักโทษชายกับเสี่ยเปี๋ยง และการโอนเงินไขว้ไปมา น่าจะเข้าข่ายการฟอกเงิน ซึ่งมีดาบสองรอเชือดด้วยการส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช. และ ป.ป.ง. ฟันต่อ
ความคลาสสิคของเครือข่ายชินวัตรที่ฆ่าไม่มีวันตาย จะเห็นได้ว่าอยู่ยงคงกะพันร่วมกันปล้นชาติมาตั้งแต่สมัยเป็นบริษัท เพรสซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด จนศาลมีคำสั่งลงวันที่ 8 ตุลาคม 2552 เป็นบุคคลล้มละลาย
**และนอกจากถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดในการประมูลข้าวแล้ว อริสมันต์ ยังเป็นผู้ถูกกล่าวหาในโครงการบ้านเอื้ออาทรในช่วงนายวัฒนา เมืองสุข เป็น รมว.การพัฒนาสังคมฯ ในข้อหาเรียกสินบน และได้ค่านายหน้า 17 ล้านบาท
จึงไม่น่าแปลกใจที่เครือข่ายต้มคนไทย ด้วยการอ้างระบบจีทูจีคราวนี้จะมีชื่อคนใกล้ชิดของภรรยา อริสมันต์ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย กงล้อแห่งกรรมก็ตามไล่ล่าคนชั่วปล้นชาติ ซึ่งฟันธงตรงนี้เลยว่างานนี้ รัฐบาลอาจไปทั้งคณะ เพราะออกแบบนโยบายจำนำข้าวเพื่อโกง จากการชี้มูลความผิดของป.ป.ช. เร็วๆ นี้
**ถ้า ป.ป.ช.ไม่ถูก อริสมันต์ ชวนพวกมาเผาเสียก่อน
**เป็นคำถามที่สั่่นคลอนรัฐบาลอย่างยิ่งระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับ นโยบายรับจำนำข้าวที่เปิดช่องให้มีการทุจิตในทุกขั้นตอน โดยนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัคย์
มิใช่เพียงชำแหละให้เห็นถึงความเลวทรามของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ต่อยอดโกงกินบนหลังชาวนาต่อจากพี่ชายนักโทษ ที่ประกาศกร้าวว่า “นโยบายนี้ผมคิดเองคนเดียว และเลิกไม่ได้”
ก็จะเลิกได้อย่างไรในเมื่อมันเจี๊ยะมาจนชิน กินจนเป็นกิจวัตร ตลอด 6 ปี ที่ครองอำนาจ จึงไม่น่าแปลกใจที่ตัวละครเดิม ๆ จะกลับมามีบทบาทอย่างอหังการโดยไม่แคร์ต่อสังคม ไม่สนการตรวจสอบ เพราะถือว่ามีไพ่มวลชนในมือ มีกองกำลังเป็นตำรวจติดอาวุธอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
แต่การทุจริตกินกันแบบปากมันบนความทุกข์ยากของประชาชน และความเสี่ยงของประเทศนั้น กำลังจะทำให้คนไทยตาสว่าง รู้เช่นเห็นชาติว่า ทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่พ่อพระของคนจน แต่เป็นซาตานที่สูบเลือดสูบเนื้อประเทศชาติโดยใช้คนจนเป็นข้ออ้างต่างหาก
“จีทูจี”ของรัฐบาลที่อ้างว่าลับนักลับหนา ถูกลากไส้ให้เห็นว่า รัฐบาลโกหกประชาชน โดย “หมอวรงค์”แสดงเอกสารหลักฐานชัดเกี่ยวกับ 2 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทจีนหนึ่งบริษัท และบริษัทไทยอีกบริษัท ในการรับข้าวจากรัฐบาลไทย มีการใช้นอมินีเข้าไปสวม เพื่องาบผลประโยชน์
“บริษัทที่มาจากจีนมีชื่อว่า GSSG IMP AND EXP.CORP ซึ่งขั้นตอนการขายข้าว กรมการค้าต่างประเทศจะเป็นเจ้าภาพเบิกข้าวจากโกดัง ตามเอกสารลงวันที่ 15 พ.ค. เป็นการขายปลายข้าว 5 ล้านกิโลกรัม ซึ่งบริษัทจากจีนก็มารับข้าว โดยมีเอกสารการมอบอำนาจของนายรัฐนิธ โสจิรกุล ให้นายนิมล รักดี เป็นผู้รับมอบอำนาจในการไปรับข้าว
ซึ่งนายรัฐนิธ มีอายุประมาณ 32 ปี มีเงินในบัญชีเพียง 64 บาท 63 สตางค์ น่าแปลกใจว่าบริษัทข้ามชาติทำธุรกิจนับ 1,000 ล้านบาท มอบอำนาจให้เด็กไทยอายุเพียง 32 ปี และจากการตรวจสอบพบว่า เป็นผู้เข้าเรียนหลักสูตรวุฒิบัตรผู้ช่วยผู้ปฏิบัติงานของรัฐสภา รุ่นที่ 6 เป็นนักศึกษาลำดับที่ 36 โดยมีชื่อเล่นว่า ไอ้ปาล์ม เป็นผู้ช่วย ส.ส.ลำดับที่ 3 ของ นางรพิพรรณ พงศ์เรืองรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นภรรยานายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดง”
ที่สำคัญกว่านั้นคือการปล่อยให้บริษัทเพรสสิเดนท์อะกริ ของนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง ซึ่งผูกขาดขายข้าวและส่งออกรายใหญ่ในสมัยนักโทษครองอำนาจ ส่วนนายนิมล เป็นคนจังหวัดพิจิตร ในวงการโกดังข้าวภาคกลางเรียกว่า เสี่ยโจ เป็นมือขวาของ เสี่ยเปี๋ยง และป.ป.ช. เคยชี้มูลเมื่อวันที่ 26 มี.ค.52 ว่า นายโจ มือขวาเคยเป็นผู้ต้องหาคดีทุจริตโครงการจำนำข้าวในปี 2546-47 ช่วงที่ ทักษิณ เป็นนายก ซึ่งเท่ากับว่า สองบริษัทเป็นบริษัทเดียวกันและการขายข้าวมิใช่เป็นแบบจีทูจี”
ความเชื่อมโยงดังกล่าวเป็นไปอย่างมีน้ำหนัก และสะท้อนถึงขบวนการงาบจำนำข้าวไปจนถึงต้นตอ ไม่ใช่ถูกฆ่าตัดตอนอยู่ที่การโกงของโรงสี อย่างที่รัฐบาลพยายามสร้างภาพเท่านั้น พิรุธจากเงินที่เข้าบัญชีกรมการค้าข้าวภาพรวม 72 รายการ ซึ่งเป็นแคชเชียร์เช็ค มาจากธนาคารกสิกรไทย 13 รายการ 1,695 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย 24 รายการ 1,763 ล้านบาท ธนาคารที่ตรวจสอบไม่ได้ 6 รายการ 126 ล้านบาท ธนาคารกรุงเทพ 18 รายการ 504 ล้านบาท และมาจากธนาคารไทยพาณิชย์ 11 รายการ 869 ล้านบาท
ซึ่งภาพรวมมีเงินจ่ายให้กรมการค้าต่างประเทศ 4,960 ล้านบาท และมีการถอนเงินออกจากบัญชีกรมการค้าต่างประเทศ 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 4,200 ล้านบาท เมื่อไม่มีการค้าข้าวแบบจีทูจีจริง แต่รัฐบาลกลับเปิดโอกาสให้สยามอินดิก้าเอาข้าวของรัฐบาลไปเร่ขายให้กับโรงสี ในลักษณะของไปเงินมา มีการพบแคชเชียร์เช็ค ออกในนามของนายสมคิด เรือนสุภา หรือไอ้คิด ที่ซื้อแคชเชียร์เช็คจำนวนกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งเมื่อสอบที่อยู่ของนายสมคิด ตามที่แจ้งที่อยู่เลขที่ 191 ซอยดำเนินกลาง เขตพระนคร พบว่าไม่มีสภาพเป็นบ้านของพ่อค้าข้าวรายใหญ่
หมอวรงค์ ฟันธงว่า ขบวนการดังกล่าวโยงใยไปถึงดูไบ พร้อมเปิดคลิปภาพใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างนักโทษชายกับเสี่ยเปี๋ยง และการโอนเงินไขว้ไปมา น่าจะเข้าข่ายการฟอกเงิน ซึ่งมีดาบสองรอเชือดด้วยการส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช. และ ป.ป.ง. ฟันต่อ
ความคลาสสิคของเครือข่ายชินวัตรที่ฆ่าไม่มีวันตาย จะเห็นได้ว่าอยู่ยงคงกะพันร่วมกันปล้นชาติมาตั้งแต่สมัยเป็นบริษัท เพรสซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด จนศาลมีคำสั่งลงวันที่ 8 ตุลาคม 2552 เป็นบุคคลล้มละลาย
**และนอกจากถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดในการประมูลข้าวแล้ว อริสมันต์ ยังเป็นผู้ถูกกล่าวหาในโครงการบ้านเอื้ออาทรในช่วงนายวัฒนา เมืองสุข เป็น รมว.การพัฒนาสังคมฯ ในข้อหาเรียกสินบน และได้ค่านายหน้า 17 ล้านบาท
จึงไม่น่าแปลกใจที่เครือข่ายต้มคนไทย ด้วยการอ้างระบบจีทูจีคราวนี้จะมีชื่อคนใกล้ชิดของภรรยา อริสมันต์ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย กงล้อแห่งกรรมก็ตามไล่ล่าคนชั่วปล้นชาติ ซึ่งฟันธงตรงนี้เลยว่างานนี้ รัฐบาลอาจไปทั้งคณะ เพราะออกแบบนโยบายจำนำข้าวเพื่อโกง จากการชี้มูลความผิดของป.ป.ช. เร็วๆ นี้
**ถ้า ป.ป.ช.ไม่ถูก อริสมันต์ ชวนพวกมาเผาเสียก่อน