“รองเหลิม” โยน พณ.แจงปมซักฟอกจำนำข้าว ย้อนฝ่ายค้านเข้าใจผิด ยันเลขาฯ ป.ป.ท.ไร้อำนาจสอบโกง อ้างข้ามขั้นตอนต้องรอแจ้ง และซี 8 ลงมาถึงสอบได้ เงียบ รบ.สั่นคลอนหลังถูกยื่น ป.ป.ช.สอบ รับรู้แค่จำนำ ส่วน ก.การค้า ตปท.ดูจำหน่าย มีอธิบดีนั่ง ปธ. ป้องนายกฯ ไม่เกี่ยว-รับลูก “เพื่อนชู” สอบฮั้วประมูลสร้างโรงพัก แย้มสมัย ปชป.-จับตา อพส.เตรียมชุมนุม ไม่รู้พรรคลุยวาระ 3 รอดูมติ-คาดได้ตัวผู้ท้าชิงผู้ว่าฯ กทม. แต่ไม่เผย “เจ๊หน่อย” ยังไม่ชัด ชม “พงศพัศ” อาจถึง ผบ.ตร. ไม่โม้จะเข้าวิน-ชี้อำนาจอยู่ที่ “ธาริต” เปลี่ยนคนคุมคดี 91 ศพ โวการเมืองไม่กดดัน ออกหมายเรียกอยู่ที่สำนวน
วันนี้ (3 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีโครงการจำนำข้าวที่พรรคฝ่ายค้านนำมาโจมตีรัฐบาลต่อเนื่องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เป็นหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ที่จะต้องชี้แจงให้ชัดเจน ส่วนการที่ฝ่ายค้านระบุว่ารัฐบาลไปไล่บี้ผู้ที่เอาความลับมาเปิดเผยนั้น เป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านเข้าใจผิด เพราะการตรวจสอบในแต่ละเรื่องมีผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว เช่นเรื่องรถหนีภาษี เป็นหน้าที่ของกรมศุลกากร เรื่องที่ดินที่ จ.ภูเก็ต ก็เป็นหน้าที่ของกรมที่ดินเป็นผู้ตรวจสอบ และการที่ผู้ที่ทำการสอบสวนไปรายงานตรงถึงนายกรัฐมนตรี โดยไม่ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ถือว่าเป็นการข้ามขั้นตอน และในความเป็นจริงการที่ฝ่ายค้านอภิปรายก็เพราะขาดความเข้าใจ เนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นคนทำงานเหมือนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ดังนั้น เลขาธิการ ป.ป.ท.เท่ากับเป็นหัวหน้าฝ่ายธุรการไม่สามารถตรวจสอบใครได้ และจะมีงานทำ เมื่อมีคนร้องเรียนหรือพนักงานสอบสวนในพื้นที่เห็นว่าผู้กระทำความผิดเป็นข้าราชการระดับซี 8 ลงมาแล้วจึงส่งเรื่องให้ ป.ป.ท.เพื่อประชุมว่าคดีมีมูลหรือไม่ เลขาฯ ป.ป.ท. ไม่มีหน้าที่เหมือนที่ฝ่ายค้านอภิปราย และเรื่องนี้ รมต.ยุติธรรมได้ชี้แจ้งแล้วตนเลยไม่ได้ชี้แจง
เมื่อถามว่าการที่ฝ่ายค้านได้นำเรื่องการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาจะส่งผลต่อรัฐบาลหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องการรับจำนำข้าว ตนสามารถอธิบายได้แต่การจำหน่ายข้าวตนไม่สามารถชี้แจงได้ต้องให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้ชี้แจงส่วนจะส่งผลกระทบถึงรัฐบาลหรือไม่ ตนไม่ขอแสดงความเห็น เพราะมีผู้ที่รับผิดชอบเข้าใจมากกว่าตน และถือเป็นเรื่องของกระทรวงพาณิชย์
“เรื่องการจำนำข้าวผมอธิบายได้ แต่การจำหน่ายไม่ใช่เรื่องที่ผมดูแล เป็นเรื่องของกรมการค้าต่างประเทศ จะส่งกระทบต่อรัฐบาลหรือไม่นั้น ผมไม่แสดงความเห็น เป็นเรื่องของผู้ที่รับผิดชอบ การจำหน่ายข้าวนั้น อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นประธาน นายกฯ ไม่มีหน้าที่ จะเป็นปัญหาใหญ่หรือไม่ก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวต่อว่า ถึงปัญหาการประมูลก่อสร้างโรงพักในต่างจังหวัดที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทยนำมาอภิปรายด้วยว่า ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้เกิดในช่วงรัฐบาลชุดนี้ แต่เป็นปัญหาของรัฐบาลชุดที่แล้ว ตนได้สั่งให้มีการสอบสวนไปแล้ว เพราะเป็นเรื่องที่เสียหายเป็นอย่างมากใช้งบประมาณ กว่า 5,800 ล้านบาท
“ไม่เคยมีครั้งไหนที่หน่วยบนให้ ทั้งๆ ที่หน่วยล่างไม่ได้ร้องขอมา แถมประมูลด้วยความรวดเร็วได้เงินได้ทองกันไป แต่ใครได้บ้างยังไม่ทราบ และขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าบริษัทที่รับงานไปมีความผิดหรือไม่” รองนายกฯ ระบุ
รองนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกรณีที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกมาระบุว่าจะมีการชุมนุมทางการเมืองเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ว่า ทางรัฐบาลจะติดตามดูสถานการณ์ และยืนยันว่าตราบใดที่ตนยังอยู่ตรงนี้จะไม่มีการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมโดยเด็ดขาด และจะเปลี่ยนแนวทางเพิ่มแนวแบริเออร์ รั้วลวดหนาม จนกว่าจะถึงชั้นสุดท้ายค่อยมีมาตรการ เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกระแสข่าวว่ารัฐบาลเตรียมที่จะโหวดแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 จะเป็นตัวเร่งให้ม็อบออกมาหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่ทราบในเรื่องนี้ เพราะในพรรคยังไม่ได้คุยกัน ตนก็เพิ่งเห็นในข่าวว่านายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ และในเรื่องนี้ตนจะนำไปวิเคราะห์ในที่ประชุมพรรคว่าควรหรือไม่เห็นพ้องต้องกันแค่ไหนต้องค่อยๆ ไป
เมื่อถามต่อถึงการคัดเลือกผู้สมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า คาดว่าผู้บริหารพรรคคงตัดสินใจแล้วแต่ยังไม่เปิดเผย ส่วนจะเป็น พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบยาเสพติด (ป.ป.ส.) ลงสมัครนั้น ตนยังไม่ขอแสดงความคิดเห็น เพราะ พล.ต.ท.พงศพัศยังอายุน้อย มีโอกาสเป็นถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เช่นเดียวกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ก็ยังไม่ทราบเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวที่คนอยู่ในแล้ว แต่จะไปพูดก่อนผู้บริหารพรรคคงไม่ได้ ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยจะได้รับความไว้วางใจจากคน กทม.หรือไม่นั้น การพูดในขณะนี้ยังถือว่าเร็วไปต้องดูที่นโยบายการหาเสียง ที่สำคัญคน กทม.เป็นคนที่ตัดสินใจเร็วน่ากลัว
ร.ต.อ.เฉลิมยังได้กล่าวถึงเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีผู้เสียชีวิต 91 ศพจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 53 มาเป็นนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า ตามหลักการเมื่อพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีพ้นหน้าที่ ผู้บังคับบัญชาก็ต้องทำหน้าที่ต่อ ซึ่งในที่นี้ก็คือนายธาริต แต่หากเห็นว่าใครเหมาะสมที่จะรับผิดชอบ นายธาริตก็สามารถมอบหมายได้ โดยเรื่องนี้ไม่มีนัยยะอะไร เพราะคดีอาญาต้องอยู่ที่พยานหลักฐาน
“ศาลมีคำสั่งไว้อย่างชัดเจน พนักงานสอบสวนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแนวทางคดีได้ พยานหลักฐานเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ส่วนจะสามารถส่งฟ้องได้หรือไม่และเมื่อใดนั้น ผมไม่ทราบในรายละเอียดต้องเป็นไปตามขั้นตอน และมองว่าเรื่องนี้การเมืองไม่ได้กดดัน ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรายงานข่าวว่าพนักงานสอบสวนทุกระดับจะประชุมเรื่องนี้ในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ในเรื่องนี้เขาไม่ได้มารายงานกับตน และตนก็ไม่อยากทราบ เพราะหากไปยุ่งมากจะถูกกล่าวหาว่าการเมืองกดดัน และคดีอาญาทุกอย่างต้องอยู่ที่พยานหลักฐาน และการที่ศาลไต่สวนเรื่องชันสูตรพลิกศพออกมาได้อย่างละเอียดไม่มีข้อเท็จจริงให้เห็นเป็นอย่างอื่นส่วนจะออกหมายเรียกได้หรือไม่นั้นตนไม่มั่นใจในเนื้อหาสำนวน