ASTVผู้จัดการรายวัน - "ประเสริฐ"เผยทิศทางการโตของ"พีทีที โกลบอลฯ"มาจากนอกประเทศ หลังเร่งหาโอกาสลงทุนในอาเซียน แย้ม10ปีรายได้ขยับเพิ่มเท่าตัวจากปีนี้คาดว่ารายได้กว่า 5แสนล้านบาท ส่วนไออาร์พีซีเริ่มมองโอกาสการลงทุนต่างประเทศและควบรวมกิจการได้หลังปี 58 ชี้ปีหน้าทั้ง 2บริษัทฯมีรายได้โตไม่น้อยกว่า 10%
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)(PTTGC)และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) เปิดเผยว่า ทิศทางการเติบโตของพีทีที โกลบอลฯในอนาคตจะเป็นการโตจากต่างประเทศ โดยบริษัทฯได้หาลู่ทางการลงทุนปิโตรเคมีในอาเซียนทั้งประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนามและพม่า เป็นต้น ส่งผลรายได้พีทีทีโกลบอลฯจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในอีก 10ปีข้างหน้า
"พีทีที โกลบอลฯในช่วงนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะข้อกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับราคาวัตถุดิบ คือก๊าซฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งวันนี้มีการตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ส่วนระยะยาวอีก 10-20ปีข้างหน้าที่ปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยจะหมดหรือลดน้อยลงนั้น บริษัทฯยังมีเวลาเตรียมการปรับตัวว่าจะจัดหาก๊าซฯจากประเทศเพื่อนบ้าน หรือในอ่าวไทยอาจมีแหล่งก๊าซฯใหม่เข้ามาเสริมหรือ ปรับเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงอื่นเช่น น้ำมันดิบ แทนก๊าซฯ ซึ่งการขยายการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทฯทำให้สามารถเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบหรือฐานลูกค้าได้ "
ปัจจุบัน พีทีที โกลบอลฯเป็นบริษัทปิโตรเคมีที่ใหญ่ใกล้เคียงปิโตรนาส ของมาเลเซีย มีศักยภาพแข็งแกร่ง แข่งกับต่างประเทศได้ ซึ่งล่าสุดบริษัทฯได้ลงนามศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมลงทุนโครงการปิโตรเคมีที่มาเลเซียกับปิโตรนาส ซึ่งเป็นการลงทุนแบบครบวงจรมีทั้งโรงกลั่นและปิโตรเคมี รวมทั้งบริษัทฯยังได้จับมือกับบริษัท เปอร์ตามินา ประเทศอินโดนีเซียเพื่อดูลู่ทางการการเข้าไปลงทุนธุรกิจปิโตรเคมีที่ประเทศอินโดนีเซียด้วย โดยปีนี้พีทีที โกลบอลฯคาดว่าจะมีรายได้กว่า 5 แสนล้านบาท
ส่วนไออาร์พีซีในช่วงนี้เป็นช่วงการเพิ่มประสิทธิภาพและใช้ทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์เต็มที่เพื่อให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำลง โดยโครงการลงทุนภายใต้ฟินิกซ์จะทยอยแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2558 ส่งผลให้โรงกลั่นไออาร์พีซีสามารถกลั่นน้ำมันได้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 1.8 แสนบาร์เรล/วันเป็น 2.2 แสนบาร์เรล/วันในปี 2559 โดยอีก 3ปีข้างหน้านี้ ไออาร์พีซีจะแข็งแรงมากยิ่งขึ้นหลังจากนั้นค่อยพิจารณาเรื่องการขยายการลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งการควบรวมกิจการ เพื่อสร้าง Synergy อีกครั้ง
นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า คณะกรรมการบริษัทฯได้มอบนโยบายให้ไออาร์พีซี และพีทีที โกลบอลฯบริหารจัดการให้บริษัทฯมีผลประกอบการเติบโตขึ้นไม่น้อยกว่า 10%จากปีนี้ ขณะที่งบลงทุนในแต่ละปีจะใช้เงินไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาทต่อบริษัทฯ
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)(PTTGC)และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) เปิดเผยว่า ทิศทางการเติบโตของพีทีที โกลบอลฯในอนาคตจะเป็นการโตจากต่างประเทศ โดยบริษัทฯได้หาลู่ทางการลงทุนปิโตรเคมีในอาเซียนทั้งประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนามและพม่า เป็นต้น ส่งผลรายได้พีทีทีโกลบอลฯจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในอีก 10ปีข้างหน้า
"พีทีที โกลบอลฯในช่วงนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะข้อกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับราคาวัตถุดิบ คือก๊าซฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งวันนี้มีการตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ส่วนระยะยาวอีก 10-20ปีข้างหน้าที่ปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยจะหมดหรือลดน้อยลงนั้น บริษัทฯยังมีเวลาเตรียมการปรับตัวว่าจะจัดหาก๊าซฯจากประเทศเพื่อนบ้าน หรือในอ่าวไทยอาจมีแหล่งก๊าซฯใหม่เข้ามาเสริมหรือ ปรับเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงอื่นเช่น น้ำมันดิบ แทนก๊าซฯ ซึ่งการขยายการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทฯทำให้สามารถเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบหรือฐานลูกค้าได้ "
ปัจจุบัน พีทีที โกลบอลฯเป็นบริษัทปิโตรเคมีที่ใหญ่ใกล้เคียงปิโตรนาส ของมาเลเซีย มีศักยภาพแข็งแกร่ง แข่งกับต่างประเทศได้ ซึ่งล่าสุดบริษัทฯได้ลงนามศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมลงทุนโครงการปิโตรเคมีที่มาเลเซียกับปิโตรนาส ซึ่งเป็นการลงทุนแบบครบวงจรมีทั้งโรงกลั่นและปิโตรเคมี รวมทั้งบริษัทฯยังได้จับมือกับบริษัท เปอร์ตามินา ประเทศอินโดนีเซียเพื่อดูลู่ทางการการเข้าไปลงทุนธุรกิจปิโตรเคมีที่ประเทศอินโดนีเซียด้วย โดยปีนี้พีทีที โกลบอลฯคาดว่าจะมีรายได้กว่า 5 แสนล้านบาท
ส่วนไออาร์พีซีในช่วงนี้เป็นช่วงการเพิ่มประสิทธิภาพและใช้ทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์เต็มที่เพื่อให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำลง โดยโครงการลงทุนภายใต้ฟินิกซ์จะทยอยแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2558 ส่งผลให้โรงกลั่นไออาร์พีซีสามารถกลั่นน้ำมันได้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 1.8 แสนบาร์เรล/วันเป็น 2.2 แสนบาร์เรล/วันในปี 2559 โดยอีก 3ปีข้างหน้านี้ ไออาร์พีซีจะแข็งแรงมากยิ่งขึ้นหลังจากนั้นค่อยพิจารณาเรื่องการขยายการลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งการควบรวมกิจการ เพื่อสร้าง Synergy อีกครั้ง
นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า คณะกรรมการบริษัทฯได้มอบนโยบายให้ไออาร์พีซี และพีทีที โกลบอลฯบริหารจัดการให้บริษัทฯมีผลประกอบการเติบโตขึ้นไม่น้อยกว่า 10%จากปีนี้ ขณะที่งบลงทุนในแต่ละปีจะใช้เงินไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาทต่อบริษัทฯ