xs
xsm
sm
md
lg

“เมย์แบงก์กิมเอ็ง” ตั้งเป้าแชร์ปีหน้า 13%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง ตั้งเป้ามาร์เกตแชร์ปีหน้า 12-13% ใกล้เคียงกับปีนี้ เล็งเพิ่มสัดส่วนรายได้อื่น
มากขึ้นเพื่อกระจายรายได้ คาดผลประกอบการปีนี้ดีกว่าปีก่อนเล็กน้อย จากวอลุ่มเทรด-รายได้ไอบีปรับตัวดีขึ้น

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ปี 2556 อยู่ที่ประมาณ 12-13% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปีนี้ โดยการที่สัดส่วนมาร์เกตแชร์ไม่ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทตั้งใจที่จะทำให้ธุรกิจหลักทรัพย์ค่อยๆ มีการเติบโต ไม่อยากที่จะมีการแข่งขันที่รุนแรงเหมือนในอดีตที่มีการแข่งขันรุนแรงทำให้ทุกคนเกิดความเสียหาย

ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นการเพิ่มสัดส่วนรายได้อื่นๆ มากขึ้น เช่น ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) หุ้นกู้อนุพันธ์ และตราสารทางการเงินอื่นๆ ส่วนธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล และการบริหารสินทรัพย์นั้นที่เริ่มทำในปีนี้ ปีหน้าจะมีการทำมากขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากดอกเบี้ยจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 5-10% จากช่วง 9 เดือนปีนี้ที่ 6-7% และรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจ (ไอบี) 5-10% จาก 9 เดือนปีนี้ที่ 2-3% ซึ่งปัจจุบัน มีดีลไอบีที่เป็นการควบรวมกิจการ 3-4 ดีล กองทุนอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 3-4 ดีล กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 4-5 กองทุน ขนาดรวม 1 หมื่นล้านบาท หุ้นไอพีโอ 6-7 บริษัท

สำหรับการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน) นั้น บริษัทมีความพร้อมในการปล่อยได้ถึง 1 หมื่นล้านบาท แต่บริษัทก็จะมีการระมัดระวังในการปล่อยมาร์จิ้น ซึ่งปีนี้บริษัทปล่อยเฉลี่ยอยู่ที่ 6-7 พันล้านบาทจากบางช่วงที่ปล่อยสูงถึง 8 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทจะมีการเปิดให้นักลงทุนออกไปลงทุนต่างประเทศผ่าน บล.เมย์แบงก์กิมเอ็งมากขึ้น จากปัจจุบัน ที่เริ่มเปิดให้ไปลงทุนที่สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซียโดยปีหน้าเพิ่มตลาดที่สหรัฐอเมริกาทำให้นักลงทุนสามารถออกไปลงทุนได้รวมเป็น 5 ตลาด 4 ประเทศซึ่งจากการเปิดเสรีอาเซียนเชื่อว่าจะส่งผลดีทำให้นักลงทุนไทยสามารถออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น

นายมนตรี กล่าวว่า ผลประกอบการปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 3.2 พันล้านบาท มีกำไรสุทธิ 654 ล้านบาท เนื่องจากวอลุ่มการซื้อขายปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย และได้รับผลดีจากการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23%


กำลังโหลดความคิดเห็น