ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -สุดสัปดาห์นี้ไปถึงสัปดาห์หน้า จะมีเวทีประชุมสุดยอดอาเซียนที่กัมพูชา รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยไฮไลท์ ทั้งหมดของไทยกับมิตรประเทศ จะมีการผลักดันทำเอฟทีเอ อาเซียนกับ 16 ประเทศคู่เจรจา
กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผย ภารกิจของนายกรัฐมนตรี ในการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 21 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างวันที่ 18 - 20 พ.ย.นี้ ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระบุว่า จะมีการพบปะหารือระหว่างผู้นำอาเซียน 10 ประเทศ และการประชุมผู้นำอาเซียนกับคู่เจรจา ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีเหนือ อินเดีย และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งสุดยอดอาเซียนบวกสาม และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (อีเอเอส) และยังมีการพบปะกับองค์การระหว่างประเทศ อาทิ ธนาคารโลก ไอเอ็มเอฟ และเอดีบี โดยการประชุมกับคู่เจรจา ตะเน้นการทบทวนความร่วมมือและทิศทางในอนาคต ขณะที่นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมการประชุม ASEAN Global Dialogue ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก
ในการประชุมครั้งนี้ ผู้นำอาเซียน 10 ประเทศจะร่วมกันรับรองปฏิญญาอาเซียน ว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งนับเป็นความสำเร็จของอาเซียนในการร่วมกันแสดงเจตนารมณ์ทางการเมือง ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ขณะที่ผู้นำจะประกาศเจตนารมณ์เริ่มต้นการจัดทำการเจรจาความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ระหว่าง 16 ประเทศ ประกอบด้วย อาเซียน 10 ประเทศ กับ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย ครอบคลุมสินค้า 3 ภาคส่วน ได้แก่ การค้า การบริการ และการลงทุน โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่าความร่วมมือนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากขณะนี้มีหลายประเทศในยุโรประสบปัญหาทางเศรษฐกิจที่เราต้องร่วมมือกัน เพื่อเตรียมรับมือกับเศรษฐกิจที่ผันผวนที่เกิดขึ้น
กระทรวงต่างประเทศ ย้ำว่า เรื่องการบริหารจัดการภัยพิบัติ เป็นเรื่องที่ประเทศไทยกับเกาหลีใต้จะหารือ ร่วมกันจัด ประชุมฝึกซ้อมใหญ่ ในการรับมือกับภัยพิบัติ ในกรอบการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้าน การเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เออาร์เอฟ) จะจัดขึ้นในวันที่ 30 เม.ย. - 5 พ.ค.2556 ที่ จ.เพชรบุรี มีประเทศกลุ่มความร่วมมืออีเอเอส เข้าร่วมกันฝึกปฏิบัติการเพื่อรับมือภัยพิบัติจำลองสถานการณ์เกิดแผ่นดินไหว สึนามิ และเขื่อนแตก เป็นต้น
ไฮไลท์ของการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้ อยู่ที่การประชุมอาเซียน - สหรัฐฯ ครั้งที่ 4 ซึ่งการเดินทางเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ จะสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจและการเข้ามามีบทบาทในภูมิภาคอาเซียนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในมิติการพัฒนา ภายใต้กลไกความร่วมมือแม่น้ำโขงตอนล่าง ที่มีความ ร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม การศึกษา โดยนายกรัฐมนตรี เตรียมผลักดันให้ประเทศสมาชิกได้เห็นถึงความสำคัญในเรื่องความมั่นคงทางพลังงาน
โดยที่ประธานาธิบดีโอบามา เตรียมประกาศให้ความช่วยเหลือกับความร่วมมือแม่น้ำโขงตอนล่าง จำนวน 150 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 4,500 ล้านบาท ขณะที่การประชุมอาเซียน-สหรัฐ จะมีการออกแถลงการณ์ผู้นำร่วมกัน ที่ มีการระบุถึงการรับมือต่อการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามมิติใหม่ ทั้งความคุกคามทางไซเบอร์ การค้ามนุษย์ นอกจากนี้ มี ความเป็นไปได้ที่สหรัฐ จะหยิบยกเรื่องความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีเหนือ ปัญหาชาวอารากัน โรฮิงญา ขึ้นพูดคุยในการประชุม EAS โดยเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องความมั่นคงในภูมิภาค
นอกจากนี้ จะมีการแต่งตั้งนายเล เลือง มิงห์ เลขาธิการอาเซียนคนใหม่สืบต่อจากนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนคนปัจจุบัน ที่ครบวาระการดำรงตำแหน่งในปลายปี 2555
นายกรัฐมนตรียังมีกำหนดการทวิภาคีกับผู้นำอินเดีย ซึ่งจะตกลงให้มีการจัดงานเฉลิมฉลอง ครบรอบ 20 ปี อาเซียน - อินเดีย โดยจะจัดแรลลี่ขึ้นในเดือน ธ.ค.2555 เส้นทางเริ่มต้นจากอินเดียขึ้นเรือเทียบท่าที่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย กัมพูชา เวียดนาม ลาว ไทย พม่า และสิ้นสุดที่เมืองอัสสัม ที่อินเดีย
จะหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีของพม่า โดยเตรียมจะมอบเครื่องปั่นไฟ หรือแก๊สเทอไบท์ ให้กับพม่า เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าไม่เพียงพอ ที่เคยเกิดขึ้นในย่างกุ้ง และมัณฑะเลย์ เมื่อกลางปีที่ผ่านมา
ขณะที่ การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2555 มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ
เห็นชอบต่อร่างเอกสารจำนวน 10 ฉบับ และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยให้กระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง
ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมลงนามเอกสาร และ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสาร
สำหรับสาระสำคัญของเรื่องดังกล่าว โดยกระทรวงการต่างประเทศ รายงานว่า 1.นายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 21 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้องที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาระหว่างวันที่ 19-21 พ.ย. ซึ่งนอกเหนือจากการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนแล้วจะมีการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้นำของประเทศคู่เจรจาที่สำคัญ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี อินเดีย และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit: EAS)
โดยในระหว่าง การประชุมดังกล่าวจะมีการรับรองหรือลงนามในเอกสารผลลัพธ์ต่าง ๆ เพื่อให้การประชุมมีผลที่เป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบ ร่างเอกสาร จำนวน 10 ฉบับ ที่คาดว่าจะมีการรับรองหรือลงนามในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 21 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง มีดังนี้
1) ร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
2) ร่างแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยการรับรองปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
3) ร่างแถลงการณ์ร่วมผู้นำอาเซียนว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ทุ่นระเบิดภูมิภาคอาเซียน
4) ร่างแผนปฏิบัติการปฏิญญาบาหลีว่าด้วยประชาคมอาเซียนในประชาคมโลก
5) ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีน ในโอกาสครบรอบ 10 ปี ปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ : เพื่อเพิ่มพูนสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือ
6) ร่างแถลงการณ์ร่วมผู้นำอาเซียนบวกสามในโอกาสครบรอบ 15 ปี ของกรอบความร่วมมืออาเซียนบวกสาม
7) ร่างแถลงการณ์ผู้นำว่าด้วยหุ้นส่วนความเชื่อมโยงอาเซียนบวกสาม
8) ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมผู้นำอาเซียน-สหรัฐฯ ครั้งที่ 4
9) ร่างปฏิญญาการประชุมสุดยอดอาเซียนตะวันออก ครั้งที่ 7 ว่าด้วยภาวการณ์ดื้อยาต้านมาลาเรีย
10) ร่างปฏิญญาพนมเปญว่าด้วยข้อริเริ่มการพัฒนาของการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก
ทั้ง 10 ฉบับ รัฐบาลมุ่งหวังให้เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการเพิ่มพูนและกระชับความร่วมมือเพื่อส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค และจะเป็นส่วนสำคัญในการแสดงถึงความมุ่งมั่นและ ความพร้อมของไทยในการสนับสนุนการดำเนินงานต่าง ๆ ในกรอบอาเซียน รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์กับประเทศคู่เจรจาเพื่อช่วยส่งเสริมการสร้างประชาคมอาเซียนปี 2558 ในมิติต่าง ๆ อย่างครอบคลุม รวมทั้งช่วยส่งเสริมบทบาทที่แข็งขันของไทยในกรอบอาเซียน
