เอเอฟพี - รัฐบาลเกาหลีใต้ออกคำสั่งปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 แห่งเพื่อเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ หลังพบผู้ผลิตปลอมแปลงใบรับรองมาตรฐาน พร้อมเตือนประชาชนให้เตรียมรับมือปัญหาไฟฟ้าขาดแคลนในช่วงฤดูหนาว รัฐมนตรีเกาหลีใต้แถลง วันนี้(5)
ฮอง ซุก-วู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจความรู้ กล่าวย้ำว่า ชิ้นส่วนที่มีปัญหาเป็นเพียงอุปกรณ์ “ปลีกย่อย” ที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยง และไม่มีส่วนเชื่อมโยงกับปัญหาเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขัดข้องที่พบในปีนี้ ซึ่งทำให้หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบความปลอดภัย
เตาปฏิกรณ์ทั้ง 2 แห่งที่ถูกสั่งปิดในวันนี้ (5) อยู่ภายในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยองกวาง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ และอาจต้องปิดตัวไปจนถึงเดือนมกราคมปีหน้า เพื่อให้วิศวกรได้เปลี่ยนฟิวส์กว่า 5,000 ชิ้น, พัดลมระบายความร้อน และชิ้นส่วนอื่นๆ ที่จัดส่งมาจากซัพพลายเออร์ 8 ราย
“การตรวจสอบความปลอดภัยอย่างครอบคลุมคือสิ่งจำเป็นสำหรับเตาปฏิกรณ์ทั้ง 2 แห่ง เพราะประกอบด้วยชิ้นส่วนจำนวนมากที่ไม่ผ่านการรับรอง” ฮองแถลง
“เมื่อเตาปฏิกรณ์ถูกปิดไปถึง 2 ตัว เราคงต้องเผชิญปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าในฤดูหนาวปีนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
คณะอัยการได้รับคำร้องให้สอบสวนซัพพลายเออร์ทั้ง 8 รายที่ปลอมแปลงใบรับรองคุณภาพชิ้นส่วนเตาปฏิกรณ์ และเป็นไปได้ว่าเจ้าหน้าที่ในบริษัท โคเรีย ไฮโดร แอนด์ นิวเคลียร์ เพาเวอร์ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ อาจมีส่วนรู้เห็นด้วย
ฮองเตือนว่า หากเตาปฏิกรณ์สองแห่งนี้ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ทันตามกำหนด ปริมาณไฟฟ้าสำรองที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ 4.5 ล้านกิโลวัตต์ จะลดลงเหลือเพียง 300,000 กิโลวัตต์ภายในเดือนมกราคม
ชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ที่ส่งไปใช้งานในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของเกาหลีใต้จะต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพและรับรองความปลอดภัยโดย 1 ใน 12 องค์กรระหว่างประเทศที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลโซล
ซัปพลายเออร์ทั้ง 8 รายได้ปลอมแปลงใบรับรองคุณภาพ 60 ใบ ซึ่งครอบคลุมอุปกรณ์เกือบ 7,700 ชิ้นที่จำหน่ายให้กับโรงไฟฟ้า คิดเป็นมูลค่ารวม 820 ล้านวอน (ราว 23.1 ล้านบาท)
ชิ้นส่วนกว่า 5,200 ชิ้นถูกส่งไปใช้ในเตาปฏิกรณ์ 5 แห่ง และ 99% อยู่ในเตาปฏิกรณ์ 2 ตัวของโรงไฟฟ้ายองกวางที่ถูกสั่งปิดในวันนี้ (5)
เกาหลีใต้มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อยู่ทั้งหมด 23 แห่ง ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าตอบสนองความต้องการในประเทศได้ร้อยละ 35 นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะสร้างเตาปฏิกรณ์เพิ่มอีก 16 แห่ง ภายในปี 2030
