ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -“ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ขยับขึ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คณะรัฐมนตรีปู 3 พร้อมกับความมั่นใจว่า ผลงานลำดับแรกๆ ที่จะสามารถผลักดันได้ไม่เกินสิ้นปี 2556 มี “โครงการจัดซื้อรถยนต์โดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 3,183 คัน” เพื่อนำมาให้บริการทดแทนรถยนต์โดยสารคันเดิมที่ใช้น้ำมันดีเซลขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ด้วยแน่นอน โดยขณะนี้พร้อมเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว เพราะติดแค่ต้องเอาเรื่องกลับมาลงนามเสนอใหม่ จากเดิมนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตรมว.คมนาคม เป็นคนลงนามไว้เท่านั้น
ทั้งนี้ การจัดหารถเมล์ NGV ให้ขสมก.มีความพยายาม มาหลายรัฐบาลและมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดรูปแบบโครงการมาหลายครั้ง โดยล่าสุดสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายรัฐมนตรี นั้นนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากพรรคภูมิใจไทย เสนอโครงการโดยใช้วิธีเช่ารถเมล์ NGV 4,000 คัน มูลค่า 63,568 ล้านบาท แต่เพราะมูลค่าที่สูง กระแสข่าวล็อกสเปก ความไม่โปร่งใส ทำให้โครงการถูกคว่ำตกเสียทุกครั้งเมื่อเสนอครม. สุดท้ายนักการเมืองขาใหญ่ ก็ได้แค่ฝันว่าจะได้กินเค้กก้อนโตนี้
เมื่อภูมิใจไทยพลาด เค้กจึงตกมาถึงรัฐบาล”ปูนิ่ม” และใช้บทเรียนก่อนหน้ามาปรับแต่งยกระดับรถเมล์ NGV กันใหม่
เริ่มจากเปลี่ยนวิธีจากเช่า 4,000คัน เป็นซื้อ จำนวน 3,183 คัน แบ่งเป็นรถธรรมดา 1,659 คัน รถปรับอากาศ 1,524 คัน วงเงินลดลงจาก 64,853 ล้านบาท เหลือ 27,020.608 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าซื้อรถ 13,162.2 ล้านบาท ค่าซ่อมประมาณ 13,858.408 ล้านบาท โดยเปรียบเทียบราคาต่อคัน วิธีเช่า รถปรับอากาศตกคันละ 4.5 ล้านบาท วิธีซื้อ ตกคันละ 4.5 ล้านบาท ส่วนรถธรรมดาเหลือ 3.8 ล้านบาท ส่วนค่าซ่อมบำรุง แบบเช่า เฉลี่ย 2,250
บาทต่อคันต่อวันตลอดระยะเวลา 10 ปี ส่วนการซื้อ ปีแรกค่าซ่อมอยู่ที่ 966 บาทต่อคันต่อวัน และปีที่ 10 จะอยู่ที่ประมาณ 1,381 บาทต่อคันต่อวัน
ข้อสำคัญ วิธีซื้อนั้นรถจะเป็นของ ขสมก.ตั้งแต่วันรับมอบรถครั้งแรก มองภาพรวมๆ เปรียบเทียบข้อต่อข้อ ซื้อดีกว่าเช่าหลายขุม โครงการเพื่อไทย ดูดี แต่ถ้าจะมีหมกเม็ดก็แนบเนียนแบบหาช่องจับผิดกันลำบากกว่า รถเมล์ NGV ยี่ห้อ ซาเล้ง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ ชัชชาติ รมว.คมนาคม มั่นอกมั่นใจว่า โครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV ครั้งนี้ มีความรอบคอบ โปร่งใสกว่าครั้งไหน และเชื่อว่าจะได้รับอนุมัติจากครม.แน่นอน
ในขณะที่เอกชนและผู้ประกอบการที่อยู่ในวงการรถโดยสารส่วนใหญ่ เห็นว่า หากชำแหละโครงการออกมาจริงๆ จังๆ ก็ยังพบข้อพิรุธอยู่ เช่น ค่าซื้อรถปรับอากาศตกคันละ 4.5 ล้านบาท ที่มีการอ้างอิงว่าเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับที่ผู้ประกอบการรถร่วมเอกชน ซื้อรถ NGV จากจีนเหมือนกัน แต่ที่ไม่เหมือนกัน คือ เอกชนนำเข้ามาทั้งคัน ส่วน NGV ของขสมก. จะมีการนำเข้าชื้นส่วนมาประกอบในประเทศ ซึ่งจะได้รับส่วนลดภาษีประมาณ 40% …ต้นทุนจึงน่าจะต่างกัน
รวมถึงกรณีการสั่งซื้อจำนวนมาก ล็อตใหญ่ ก็น่าจะได้ราคาถูกกว่าที่เอกชนซื้อ ขณะที่ วิธีการจัดซื้อ ตอนนี้ยังไม่กำหนด เงื่อนไขในการประมูล (TOR) ออกมาว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งก่อนหน้านี้ มีแนวคิดว่าจะแบ่งการประมูลออกเป็น 8 เขต เพื่อเปิดทางให้รายย่อยสามารถเสนอเข้ามาแข่งขันประมูลได้ แบบนี้จะแก้ครหา ฮั้วประมูล แบบเดิมที่ทำเป็นสัญญาเดียว 4,000 คัน รายใหญ่เท่านั้นที่จะเข้ามาได้ แต่ถ้ามองอีกมุม แบ่งประมูล 8 เขต เท่ากับแบ่งเค้กกันง่ายขึ้นหรือไม่?
และปัญหาที่ผู้ประกอบการเอกชนพบตอนนี้คือ ความจริงแล้ว รถ NGV จากจีน ที่ซื้อมาใช้กันนั้น ค่าอะไหล่ไม่ได้ถูกอย่างที่คิด และยังหายากมากกว่า ค่าซ่อมบำรุงรถที่ใช้ ก๊าซ NGV เป็นเชื้อเพลิงจึงสูงกว่ารถที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง เป็นความเสี่ยงของขสมก.ในอีก 10 ปี ไม่น้อย
แต่ต้องยอมรับว่า โครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 3,183 คันครั้งนี้ มีการแก้ไขจุดเสีย กลบปมฮั้ว ลบครหาไปได้มากทีเดียว จึงอาจต้องรอดูผลการประมูลจริงๆ ก่อนว่า ราคาจะเหลือเท่าไร เพราะกำหนดว่าจะใช้ประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) รถปรับอากาศราคาเริ่มต้นคันละ 4.5 ล้านบาท โดยให้ผู้เสนอราคาแข่งขันกันเสนอลดราคาให้ต่ำที่สุด และรายที่เสนอราคาต่ำสุดจะเป็นผู้ชนะการประมูล
“โดยนโยบายของกระทรวงคมนาคม กำหนดให้รถมีขนาด 12 เมตร เสนอได้ทุกยี่ห้อ โดยให้ประกอบในไทย และกำชับให้ขสมก.ห้ามกำหนดรายละเอียด คุณลักษณะเฉพาะของรถ ที่เป็นการกีดกันรถโดยสารยี่ห้อหนึ่งยี่ห้อใดเป็นอันขาด”
เป้าหมายในการซื้อรถ NGV 3,183 คันเพื่อนำมาให้บริการแทนรถเดิมที่ใช้น้ำมันประมาณ 3,506 คัน โดยส่วนใหญ่มีสภาพทรุดโทรมเพราะบางส่วนมีอายุใช้งานถึง 21 ปีแล้ว รถเสียบ่อย ทำให้ไม่เพียงพอต่อการให้บริการประชาชน ซึ่งการซื้อรถใหม่ ที่ใช้ NGV จะทำให้ประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้ถึง 3,668 ล้านบาทต่อปี หรือ 36,000 ล้านบาท ในเวลา 10 ปี หากเปรียบเทียบที่ราคาน้ำมัน 32.33 บาทต่อลิตร กับราคาก๊าซ 10 บาทต่อกิโลกรัม ประหยัดค่าซ่อมบำรุงได้ 297 ล้านบาทต่อปี หรือ 3,000 ล้านบาทต่อ 10 ปี แล้วยังช่วยลดมลพิษ ไม่มีปัญหาควันดำ อีกด้วย
“จะช่วยขสมก.ได้จริงหรือไม่... ไม่มีอะไรยืนยันได้ เพราะตอนนี้ ขสมก.ยังเลือดไหลไม่หยุด ขาดทุนไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาทต่อเดือน ”
ถ้าไม่มีปัญหา อีกไม่นาน คนกทม.จะมีรถเมล์ใหม่ ๆ ใช้กันซะที โดยตามแผนหากครม.เห็นชอบ ประมูลเสร็จสิ้น จะต้องส่งมอบรถกันให้เรียบร้อยภายใน 18 เดือน ต้องจับตาดูว่า โครงการรถเมล์ NGV จะมีอาถรรพ์เหมือนก่อนหน้านี้หรือไม่ เพราะมีประวัติว่า เสนอคราวใด ก็ถูกซัก ถูกฟอก จนล้มคว่ำไม่เป็นท่าทุกครั้ง แต่ถ้าทำได้จริง... น่าจะโบแดงของเพื่อไทยและอาจจะทำให้ได้คะแนนจากคนกทม.เพิ่มขึ้นไม่น้อย...