xs
xsm
sm
md
lg

จับตาจีน-มะกัน เชื่อส่งออกไทยรับอานิสงส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้ว่าแบงก์ชาติ เผยกำลังจับตานโยบายจีน-สหรัฐฯ เปลี่ยนตัวผู้นำกระทบต่อไทยก่อนแถลงข่าว หากสหรัฐยังกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องและจีนโตเกิน 7.5% ส่งออกไทยปีหน้าสดใส มั่นใจช่วงปลายปีเอาค่าบาทอยู่

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ธปท.อยู่ระหว่างการจับทิศทางการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัก โอบามา ซึ่งได้รับการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 เพราะถึงแม้นโยบายส่วนใหญ่จะเป็นเหมือนเดิม แต่ก็ต้องดูระยะเวลา และทิศทางในชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะมีการแถลงนโยบายในเร็วๆ นี้ ส่วนการเปลี่ยนผ่านผู้นำจีนนั้น ขณะนี้จีนมีความชัดเจนที่จะปรับแนวทางการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศให้เข้าสู่การเติบโตที่ไม่สูงมาก แต่ยั่งยืน

"จีนคาดหมายว่า จะขยายตัวในระดับ 7.5% ซึ่งของจริงตอนนี้อยู่ที่ 7.6-7.8% ซึ่งถือว่าใช้ได้ และหากเศรษฐกิจสหรัฐยังมีแนวทางที่กระตุ้นต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจจีนขยายตัวไม่ต่ำกว่า 7.5% โอกาสที่การส่งออกของไทยปีหน้าจะขยายตัวได้ตามเป้าหมายของธปท.ที่ 8-9% ซึ่งสูงกว่าปีนี้ที่ขยายตัว 4.4% ก็เป็นไปได้ และทำให้เศรษฐกิจไทยปีหน้าขยายตัวต่อเนื่องไปได้ตามคาดของ ธปท.ที่ระดับ 4.6%" นายประสารกล่าว.

นายประสาร กล่าวด้วยว่า แรงกดดันต่อค่าเงินบาทในช่วงที่เหลือของปี 2555 จะมีไม่มาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะค่าเงินในปีที่ผ่านมาอ่อนค่าค่อนข้างมาก และเมื่อประเมินเงินไหลเข้าที่จะเข้ามาต่อเนื่อง ไม่เข้ามาเพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากในขณะนี้มีกลุ่มประเทศอื่น เช่น ละตินอเมริกาให้ผลตอบแทนสูงกว่าเอเชีย และราคาสินทรัพย์ของไทยก็เพิ่มขึ้นมากแล้ว ที่ผ่านมา ธปท.จึงไม่มีความจำเป็นในการเข้าไปซื้อขายเงินตราต่างประเทศในตลาดการเงินเพื่อลดการแข็งค่าของเงินบาท โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณ 1.7%

ส่วนการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศในปี 2555 คาดว่า ปีนี้ประเทศไทยจะเกินดุลการชำระเงินประมาณ 5,00-6,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นเงินที่ไหลเข้ามาสุทธิที่จะเพิ่มขึ้นในทุนสำรองทางการะหว่างประเทศ ซึ่งหากเปรียบเทียบจะสูงมากกว่าปี 2554 ซึ่งมีการเกินดุลการชำระเงินสุทธิประมาณ 1,200 ล้านเหรียญฯ แต่น้อยมากเมื่อเทียบกับปี 2553 ซึ่งมีกาารเกินดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งสิ้นกว่า 30,000 ล้านเหรียญฯ ซึ่งเป็นปีที่ค่าเงินบาทแข็งค่ามาก

ผู้ว่าการธปท.มั่นใจว่า ประเทศไทยไม่มีความเสี่ยงที่ถูกโจมตีค่าเงินบาทเหมือนการโจมตีเงินดออลาร์ฮ่องกง เพราะค่าเงินบาทของเรามีความยืดหยุ่นกว่า มีระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่ลอยตัว ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นได้ตามค่าเงินภูมิภาค และเรายังมีเครื่องมือ มีมาตรการด้านการควบคุมเงินทุนที่ทำได้ ดังนั้น เราจึงไม่เหมือนกับฮ่องกงแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของงบดุลของธปท.เมื่อค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าปีที่ผ่านมา ในส่วนของผลขาดทุนที่เกิดจากการตรีราคาทุนสำรองทั้งก้อนอาจเกิดขึ้น แต่ส่วนนี้เป็นการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ขณะที่อีกส่วนที่อาจจะเกิดผลขาดทุนได้คือ การขาดทุนจากอัตราดอกเบี้ยจ่ายในส่วนของพันธบัตร ธปท.ที่มากกว่าอัตราดอกเบี้ยรับที่ธปท.จะได้จากการลงทุนในต่างประเทศ แต่เป็นการขาดทุนที่อธิบายได้ และที่ผ่านมา คณะกรรมการธปท.ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อดูแลเรื่องการล้างขาดทุนของ ธปท.ซึ่งส่วนหนึ่งได้เริ่มทำไปแล้ว เช่น การลงทุนเพิ่มเติมในประเทศเอเชียที่มีระดับความน่าเชื่อถือที่ต่ำจากระดับ AAA และการผ่อนคลายการลงทุนของคนไทยในต่างประเทศ

“จนถึงสิ้นปี 55 น่าจะมีเงินของนักลงทุนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ ประมาณ 10,000 ล้านเหรียญฯ ซึ่งเป็นตัวเลขใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งทำให้การไหลเข้าและไหลออกของเงินทุนในปีนี้ค่อนข้างสมดุล"
กำลังโหลดความคิดเห็น