xs
xsm
sm
md
lg

การโจมตีค่าเงินเหรียญฮ่องกง

เผยแพร่:   โดย: สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์


คำว่า โจมตีค่าเงิน คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า ทำให้ค่าเงินนั้นเสียหาย หรือทำให้ค่าเงินนั้นตกต่ำหรืออ่อนค่าลง แต่ความจริงแล้วเป็นได้ 2 ทาง คือโจมตีทำให้ค่าเงินสกุลนั้นตกต่ำลงหรือโจมตีทำให้ค่าเงินสกุลนั้นเพิ่มขึ้นก็ได้ การโจมตีค่าเงิน ต้องมีเหตุให้เกิดการโจมตี อยู่ดีๆ จะเข้ามาโจมตีไม่ได้

การโจมตีค่าเงินบาทไทย พบว่าประเทศไทยถูกโจมตีค่าเงินบาทมาแล้ว 3 ครั้ง

การโจมตีค่าเงินบาทครั้งแรก เกิดขึ้นหลังการเปิดตลาดหุ้นในปี 2518 (1975) แล้วตลาดหุ้นถูกลากขึ้นไปสูงสุดในปี 2521 แล้วมีการถล่มทุบให้ตกต่ำลงมา ส่งผลให้ค่าเงินบาทเสียหาย ประเทศไทยไม่รู้ว่าค่าเงินบาทเสียหาย ได้เข้าไปปกป้องค่าเงินบาท แต่ก็ปกป้องไว้ไม่ได้ จึงได้มีการลดค่าเงินบาทหลายครั้ง กระทั่งทุนสำรองร่อยหรอ จึงเข้ารับความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เป็นครั้งแรก ใช้เงิน IMF ไป 982 ล้านเหรียญสหรัฐ ทางการต้องเข้าควบกิจการไฟแนนซ์และเครดิตฟองซิเอร์ 25 แห่ง ที่รู้จักกันในชื่อ โครงการ 4 เมษายน 2527 นับเป็นการพ่ายแพ้ต่อการปกป้องค่าเงินบาทเป็นครั้งแรก

ประเทศที่เปิดตลาดหุ้นใหม่ จะถูกโจมตีเช่นนี้ทุกประเทศ แล้วก็ทำให้ค่าเงินของประเทศนั้นเสียหาย ยกตัวอย่างเช่นประเทศเวียดนาม ส่งผลให้ค่าเงินดองเสียหายเช่นกัน และประเทศไซปรัส ตลาดหุ้นก็ตกหนัก ได้เข้ารับความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF ในปี 2555 นี้

การโจมตีค่าเงินบาทครั้งที่ 2 ตลาดหุ้นไทยได้นำระบบ Maintenance Margin & Force Sell มาใช้ในปี 2536 (1993) ส่งผลให้มีการลากตลาดหุ้นขึ้นไปสูงที่ 1,750 จุดในต้นปี 2537 (1994) แล้วทุบให้ถล่มทลายพังลงมา SET index ตกต่ำลงถึง 88 เปอร์เซ็นต์ในอีก 5 ปีต่อมา ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ไม่ทราบว่าค่าเงินบาทเสียหายเพราะอะไร ได้มีการเข้าไปปกป้องค่าเงินบาทเต็มความสามารถ กระทั่งทุนสำรองร่อยหรอ จาก 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐเหลือประมาณ 1,144 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงต้องเข้ารับความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เป็นครั้งที่ 2 ใช้เงิน IMF ไป 12,296 ล้านเหรียญสหรัฐ ทางการต้องปิดกิจการสถาบันการเงินไป 56 แห่ง ที่รู้จักกันในชื่อ โครงการ13 สิงหาคม 2541

ระยะต่อมาสถาบันการเงินที่เหลือของประเทศล้มลงทั้งหมด ที่ยังเห็นตั้งอยู่ก็ตกเป็นของต่างชาติ นับเป็นการพ่ายแพ้ต่อการปกป้องค่าเงินบาทเป็นครั้งที่ 2

การพังทลายของค่าเงินเหรียญสหรัฐในปี 2000 ดูตามภาพ (USD crash) ทำให้เงินไหลออกจากประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้สกุลเงินต่างๆ ทั่วโลกสูงขึ้น รวมทั้งสกุลเงินบาทของไทยก็มีค่าสูงขึ้น

การโจมตีค่าเงิน เช่นที่เกิดกับประเทศไทย ความจริงไม่อยากจะเรียกว่าเป็นการโจมตี แต่เป็นเพราะเขารู้ว่าค่าเงินบาทเสียหาย เขาจึงไม่คิดถือเงินบาท จึงขายเงินบาทออกมา โดยการเอาบาทไปแลกเงินตราต่างประเทศที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้บาทหายไปจากระบบ และทำให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ธนาคารแห่งประเทศไทยร่อยหรอลงนั่นเอง ขอให้ผู้อ่านเข้าใจคำว่าโจมตีตามความหมายที่ผู้เขียนอธิบายนี้

การโจมตีค่าเงินบาทครั้งที่ 3 การโจมตีค่าเงินบาท 2 ครั้งที่ผ่านมา ทำให้ค่าเงินบาทลดค่าลง การโจมตีค่าเงินบาทครั้งที่ 3 นี้ เป็นการโจมตีแล้วค่าเงินบาทสูงขึ้น เกิดจากการที่ตลาดเปิดซื้อขายตัวเลขราคาสินค้าอ้างอิง (derivatives) ในปี 2549 (2006) ทำให้เงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาเก็งกำไรในตัวเลขราคาสินค้าอ้างอิงดังกล่าว ส่งผลให้ค่าเงินบาทเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทางการได้พยายามต่อสู้กับการที่เงินท่วมระบบเช่นกัน วันที่ 19 ธันวาคม 2549 ได้ออกมาตรการกันสำรอง 30 เปอร์เซ็นต์เงินทุนไหลเข้า ช่วงดังกล่าวทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสุทธิอยู่ที่ระดับ 74,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ออกมาตรการได้วันเดียว ทำให้ตลาดหุ้นตกกว่า 100 จุด ส่งผลให้ต้องยกเลิกมาตรการดังกล่าวในวันรุ่งขึ้น แสดงว่าประเทศไทยได้พ่ายแพ้ต่อการต่อสู้กับเงินทุนไหลเข้า เป็นการพ่ายแพ้เป็นครั้งที่ 3 ทุกวันนี้ทุนสำรองสุทธิของประเทศไทยมากกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

Hedge Funds เป็นผู้ที่ชำนาญในการซื้อขายตัวเลขอนุพันธ์ เป็นไปได้ว่าเขาเป็นผู้ควบคุมตัวเลขตลาดเงิน ตลาดทุนและราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลก การซื้อขายตัวเลขอ้างอิง สามารถมีกำไร (ขาดทุน) ได้ทั้งค้าขึ้นและขาลง ใช้เงินประกัน 10 บาท สามารถซื้อขายตัวเลขอ้างอิงได้ 100 บาท หรือสามารถมีกำไร(ขาดทุน)ได้ 10 เท่าของเงินประกัน ความรู้ความชำนาญของ Hedge Funds จะทำให้สะสมกำไรเป็นเงินบาทไว้ได้มาก หากวันใดที่ไม่เชื่อมั่นต่อค่าเงินบาท เขาก็ไม่ถือเงินบาท ทิ้งเงินบาท ที่บอกว่าทุนสำรองสุทธิของไทยสูงถึง 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็อาจจะไม่พอให้แลกได้

ประวัติศาสตร์การโจมตีค่าเงิน มีมากกว่านี้ ที่เห็นนี้เพียงยกมาเป็นตัวอย่าง เพื่อประกอบคำอธิบายให้เกิดความเข้าใจ

(1) การโจมตีค่าเงินบาท หรือการพังทลายของค่าเงินบาทหลังการพังทลายของตลาดหุ้นไทยในปี 2521

(2) การโจมตีค่าเงินบาท หรือการพังทลายของค่าเงินบาทหลังการพังทลายของตลาดหุ้นไทยในปี 2537 หลังจากก่อนหน้านั้นที่ได้นำระบบ Maintenance Margin & Force Sell มาใช้ในตลาดหุ้นในปี 2536

(3) การพังทลายของค่าเงินเหรียญสหรัฐในปี 2000 เงินเหรียญสหรัฐเป็นสกุลเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อไหลออกจากสหรัฐฯ ก็ทำให้สกุลเงินต่างๆ ของโลกสูงขึ้น ไม่ว่า Euro Yuan Baht และ HK$ เมื่อกล่าวว่ามีการโจมตีค่าเงินเหรียญสหรัฐให้ตกต่ำลง ในเวลาเดียวกัน ก็กล่าวได้ว่ามีการโจมตีสกุลเงินต่างๆ ของโลกให้สูงขึ้นด้วย

(4) การโจมตีค่าเงินบาทให้มีค่าสูงขึ้น เป็นผลจากการเปิดตลาดซื้อขายตัวเลขอ้างอิงล่วงหน้า (Derivatives) ทำให้นักเก็งกำไรทั่วโลก เคลื่อนย้ายเงินทุนเข้ามาเก่งกำไรในตัวเลขอนุพันธ์ ทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นทำให้ปริมาณทุนสำรองเพิ่มขึ้น

(5) การพังทลายของตลาดหุ้นโลกในปี 2008 (Hamburger crisis) ทำให้เงินสกุลต่างๆ ทั่วโลก(ถูกโจมตี)พังทลายลง หรือคือค่าเงินเหรียญสหรัฐสูงขึ้น

(6) การโจมตีค่าเงินเหรียญฮ่องกงตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2555 ตามชื่อหัวเรื่องที่นำเสนอในวันนี้

การพังทลายของเงินเหรียญสหรัฐในปี 2000 (การโจมตีค่าเงินเหรียญสหรัฐ) หมายเลข (3) ในตารางประวัติศาสตร์การโจมตีค่าเงิน ต้นเหตุมาจากความผิดพลาดในตลาด Nasdaq ในปี 1999-2000 ผู้เขียนได้กล่าวถึงเรื่องนี้มาบ่อยครั้งแล้ว จะไม่นำมาเสนอซ้ำในที่นี้อีก ผู้สนใจอาจจะย้อนไปศึกษาบทความเก่าๆ ของผู้เขียนได้ แต่ในบทความนี้ จะเอากราฟความเสียหายของค่าเงินเหรียญสหรัฐมาแสดงให้ดู

ค่าเงินเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับเงินยูโร เป็นข้อมูลชุดเดียวกัน ภาพบน เป็นมุมมองทางด้านเงินเหรียญสหรัฐ แสดงว่าเงินเหรียญสหรัฐได้พังทลายลงจริง ตามแนวเส้น AB ภาพล่าง เป็นมุมมองด้านเงินยูโร (Invert scale) แสดงให้เห็นว่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น ตามแนวเส้น AB

ปี 2008 เป็นปีที่เกิด Hamburger crisis

ค่าเงินเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับเงินหยวน เป็นข้อมูลชุดเดียวกัน

ภาพบน เป็นมุมมองทางด้านเงินเหรียญสหรัฐ แสดงว่าเงินเหรียญสหรัฐได้พังทลายลงจริง ตามแนวเส้น CB

แต่เนื่องจากมีการผูกค่าเงินหยวนไว้กับเงินเหรียญสหรัฐ (Fixed) ถ้าไม่มีการผูกค่าเงินหยวนไว้ เงินเหรียญสหรัฐจะต้องตกตามแนว AB

ภาพล่าง เป็นมุมมองด้านเงินหยวน (Invert scale) แสดงให้เห็นว่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น ตามแนวเส้น CB

แต่เนื่องจากมีการผูกค่าเงินหยวนไว้กับเงินเหรียญสหรัฐ (Fixed) ถ้าไม่มีการผูกค่าเงินหยวนไว้ เงินหยวนจะต้องขึ้นตามแนว AB ได้มีการลอยค่าเงินหยวนในกลางปี 2005 หรือเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2005 ทำให้หยวนลอยขึ้น (ตรงกันข้ามกับการลอยค่าเงินบาทของไทยเมื่อกลางปี 1997(2540) ซึ่งเป็นการลอยลง)

ปี 2008 เป็นปีที่เกิด Hamburger crisis

หมายเหตุ เมื่อเงินหยวนผูกค่าไว้กับเงินเหรียญสหรัฐ เมื่อเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลงหรือเสียหาย ส่งผลให้เงินหยวน “อ่อนผิดจริง (ไม่อ่อนหรือแข็ง) หรือเสียหายไม่จริง(ไม่เสียหาย)” จึงได้มีการเข้ามาเก็บและมาไล่ซื้อเงินหยวนดังกล่าว จนหยวนไม่สามารถผูกค่าดังกล่าวไว้ต่อไปได้ ต้องลอยค่าเงินหยวนในกลางปี 2005 แสดงว่ามีการเข้ามาไล่เก็บหยวนราคาต่ำ(ราคาอ่อนผิดจริง)ตั้งแต่ปี 2000 ถึงกลางปี 2005 หรือเป็นช่วงระยะเวลาถึง 5 ปีครึ่ง ผู้ที่เก็บเงินหยวนราคาต่ำๆ ในช่วงเวลาดังกล่าว ตอนนี้ก็กำไรแล้ว เนื่องจากเงินหยวนได้แข็งค่าขึ้นสูงความเป็นจริงนั่นเอง

การโจมตีค่างินเปโซของอาร์เจนตินา

น่าจะเป็นการเข้าใจผิดมากกว่า ที่มีการผูกค่าเงินอาร์เจนตินาไว้ที่ 1 เปโซเท่ากับ 1 เหรียญสหรัฐ เศรษฐกิจของอาร์เจนตินาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าของประเทศสหรัฐอเมริกา “ส่งผลให้ค่าเงินเปโซแข็งเกินความเป็นจริง” จึงมีการขาย(ทิ้ง)เงินเปโซของประเทศอาร์เจนตินา กระทั่งทนไม่ไหว วันที่ 25 มกราคม 2002 ทางการอาร์เจนตินาจึงได้มีการลอยค่าเงินเปโซ(ลอยลง) ผ่านไปเป็นเวลา 10 ปีแล้ว ค่าเงินเปโซก็ยังตกอยู่ตลอดเวลา วันที่ 7 พฤศจิกายน 2012 ค่าเงินเปโซอยู่ที่ 4.77 เปโซต่อเหรียญสหรัฐ

เมื่อเงินไหลออกจากอาร์เจนตินา ทำให้สภาพคล่องของประเทศอาร์เจนตินาเสียหาย ทำให้เศรษฐกิจล้มลงเป็นจำนวนมาก คนตกงานมาก เงินเฟ้อสูง ต้องเข้ารับความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ตอนหลังมีการขายรัฐวิสาหกิจไปจำนวนมาก เพื่อนำมาใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ

ผู้คนทั่วไปเชื่อว่าเพราะรัฐบาลอาร์เจนตินาใช้โครงการประชานิยมมาก สภาพเศรษฐกิจของประเทศจึงเป็นเช่นนี้ ผู้เขียนเชื่อว่าประชานิยมก็มีส่วนทำให้เศรษฐกิจของประเทศเสียหาย แต่ตัวที่ทำให้เศรษฐกิจของอาร์เจนตินาเสียหายแบบรุนแรง เป็นผลมาจากความผิดพลาดทางวิสัยทัศน์ในการผูกค่าเงินเปโซไว้กับเงินเหรียญสหรัฐที่สัดส่วน 1 ต่อ 1 มากกว่า

การโจมตีเงินเหรียญฮ่องกง (HK$) หมายเลข (3และ 6) ในตารางประวัติศาสตร์การโจมตีค่าเงินค่าเงินเหรียญฮ่องกง สถานะของเงินเหรียญฮ่องกงก็ตกอยู่ในสถานะเดียวกันกับเงินหยวนของจีนนั่นเอง คือ “ค่าอ่อนผิดจริง” ค่าเงินเหรียญฮ่องกงจึงถูกปฏิบัติการเช่นเดียวกับเงินหยวนนั่นเอง

ดังนั้น ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา เงินเหรียญฮ่องกงจึงถูกโจมตีมาเป็นระยะตามที่ลูกศรชี้ในกราฟ จะเห็นว่าค่าเงินเหรียญฮ่องกงสามารถถูกควบคุมในอยู่ระหว่างระดับต่ำสุด (low level) กับระดับสูงสุด (high level) ได้ หรือระหว่างระดับ 7.80-7.75 HK$/USD ซึ่งมีช่วงกว้างแคบ (spread) เพียง 0.05 HK$/USD เท่านั้น แสดงถึงฝีมือการควบคุมค่าเงินของฮ่องกงไว้ได้ ไม่เหมือนสกุลเงินประเทศอื่นๆ ต่างแข็งค่าขึ้นทั่วหน้า เหลือฮ่องกงประเทศเดียวที่สามารถควบคุมค่าเงินตัวเองให้อยู่ในกรอบที่ต้องการได้ นั่นแสดงว่าเงินเหรียญฮ่องกงก็ยังอ่อนผิดจริงอยู่นั่นเอง จึงได้มีข่าวการโจมตีค่าเงินเหรียญฮ่องกงตลอดเวลา

การโจมตีค่าเงินเหรียญฮ่องกงครั้งล่าสุดเริ่มมาตั้งแต่ปลายปี 2011 แล้ว (ดูที่ลูกศรขวามือสุดในกราฟ) เมื่อนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางของประเทศสหรัฐอเมริกา แถลงถึงความตั้งใจจะเอามาตรการพิมพ์เงินออกมาใช้เดือนละ 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2555 (QE3) ทำให้เงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลงอีก ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของค่าสกุลเงินต่างๆ ของโลกตามมา ทำให้สกุลเงินทั้งหลายของโลกแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ รวมทั้งค่าเงินบาทก็แข็งค่าขึ้น

“การที่เงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลง ยิ่งทำให้ค่าเงินเหรียญฮ่องกงอ่อนค่าผิดจริงลงไปอีก” หลังการเอามาตรการ QE3 ออกมาใช้ จึงพบว่ามีการเข้าไปโจมตีเงินเหรียญฮ่องกงที่รุนแรงขึ้น (เข้าไปซื้อเงินเหรียญฮ่องกง) ซึ่งถ้าราคาทะลุระดับสูงสุด 7.75 HK$/USD (high level) ขึ้นไปได้ คนที่เข้าไปเก็บเงินเหรียญฮ่องกงจะมีกำไร

HANG SENG index ดัชนีตลาดหุ้นฮ่องกง มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงค่าเงินเหรียญฮ่องกง

ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศรวมทองคำ จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมีความสัมพันธ์กับเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน ทุนสำรองของจีนช่วงปี 2004 2005 เป็นที่ 2 ของโลกรองจากประเทศญี่ปุ่น แต่หลังจากนั้นก็ขึ้นมาเป็นที่ 1 ของโลก จนถึงทุกวันนี้ ปี 2011 ทุนสำรองของจีนสูงถึง 3.236 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จากกราฟ พบว่าทุนสำรองของจีนเพิ่มขึ้นแบบรุนแรงมาก เป็นผลมาจากการผูกค่าเงินหยวนไว้ในช่วงแรกนั่นเอง ทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนผิดจริง ทำให้มีการเข้ามาไล่ซื้อเงินหยวนกันมาก เงินหยวนที่อ่อนผิดจริง ทำให้สินค้าส่งออกจากประเทศจีนราคาถูก มีส่วนทำให้จีนได้เงินตราต่างประเทศมากด้วย

ทุนสำรองของฮ่องกงเคลื่อนไหวอยู่ที่ลำดับที่ 5-11 ของโลก จากกราฟ จะเห็นว่ายังไม่เห็นว่าปริมาณทุนสำรองของฮ่องกงไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด จึงส่งผลให้ทางการฮ่องกงสามารถควบคุมค่าเงินเหรียญฮ่องกงให้มีค่าคงที่ได้ แต่ต่อไปนี้ เมื่อมีข่าวการโจมตีค่าเงินเหรียญฮ่องกง ก็จะต้องจับตาติดตามดูต่อไป ว่าทางฮ่องกงว่าจะยังสามารถมีชัยชนะในการปกป้องค่าเงินของตนไว้ได้หรือไม่

หากผู้เขียนนำเสนอเรื่องการโจมตีค่าเงินเหรียญฮ่องกงอย่างเดียว คงยากที่จะทำให้เกิดความเข้าใจได้ จึงได้นำเสนอถึงตัวอย่างการโจมตีสกุลเงินประเทศต่างๆ มาประกอบ คงทำให้ผู้อ่านพอเข้าใจได้ การโจมตีค่าเงินสกุลใด ไม่ใช่อยู่เฉยๆ แล้วจอร์จ โซรอสจะมาโจมตีได้ มันย่อมีเหตุให้เกิดการโจมตี จึงได้มีการเข้ามาโจมตีค่าเงินได้ ทุกวันนี้ผู้บริหารเศรษฐกิจระดับสูงของหลายประเทศก็ยังไม่ทราบว่าต้นเหตุอะไรที่ทำให้ค่าเงินของตนเองเสียหาย ส่งผลให้ประเทศ ภูมิภาคและโลกเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจตลอดเวลา ผู้ที่มั่งคั่งได้แก่บรรดา Hedge Funds ที่เชี่ยวชาญในกลไกในราคาทางเศรษฐกิจ ทุนสำรองที่อยู่ในธนาคารกลางประเทศต่างๆ เป็นของบรรดา Hedge Funds เป็นส่วนใหญ่ มีปริมาณเพิ่มสูงมาก ทำให้เงินท่วมโลก เงินท่วมโลก แต่โลกยากจนลง

ความเสียหายของค่าเงิน เป็นความเสียหายที่ใหญ่หลวง ถึงหมดประเทศ ทำให้ประเทศยากจนลงได้ หรือไม่สินทรัพย์ของประเทศก็ตกไปเป็นของ Hedge Funds หมด ดังที่เกิดกับประเทศไทย ประเทศสหรัฐอเมริกา และยุโรปมาแล้วนั่นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น