xs
xsm
sm
md
lg

แบ่งเค้กทวาย "ปู"เคลียร์ก่อนแม้วพบ"เต็งเส่ง" แดงเพ้อคนลงขันจ้างฆ่านายใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน/ศูนย์ข่าวเชียงใหม่-“นายกฯปู”ใช้จังหวะอยู่ในประเทศแค่ครึ่งวัน ถกแบ่งเค้กเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายกับเมียนมาร์ ตั้ง“โต้ง-นิวัฒน์ธำรง”คุมเกม ปูทางก่อน "แม้ว"บินถก "เต็งเส่ง" วันนี้ แดงคิดไปไกล ปูดกลุ่มน้ำเมาผนึก "น-ส."ลงขันจ้างฆ่าแม้ว "เหลิม"โดดอุ้ม "โอ๊ค"แค่ห่วงพ่อ ปัดปล่อยข่าวกลบซักฟอก "จงรัก"ร่วมด้วยช่วยฟอก ยันมีมูล เหตุอดีตเคยโดนมาแล้ว ด้านผู้ต้องหาปัดเป็นเจ้าของอาวุธสงคราม แต่เป็นของเครือข่ายค้าอาวุธ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางกลับจากประชุมเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อค่ำวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยแค่ครึ่งวันของวานนี้ (7 พ.ย.) ที่นายกฯ อยู่เมืองไทย เวลา 10.00 น. ได้ให้การต้อนรับการมาเยือนของนายญาณ ทุน รองประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ โดยเป็นสักขีพยานมอบหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยการจัดกลไกคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูง และได้มีการหารือเกี่ยวกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

ทั้งนี้ หลังใช้เวลาจับมือสานสัมพันธ์พม่าเรียบร้อยแล้ว จากนั้น เวลา 17.00 น.นายกฯ ได้ออกเดินทางไปยังเกาะบาหลีประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเข้าร่วมประชุมบาหลี เดโมเครซี ฟอรัม ครั้งที่ 5

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า วันที่ 8 พ.ย. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เตรียมพบประธานาธิบดีเต็งเส่ง ที่กรุงเนย์ปิดอว์

**ไทย-พม่าชื่นมื่นถกทวาย

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า มีโอกาสได้พบกับนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ ในการประชุมอาเซม ซึ่งประธานาธิบดีมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษทวาย และรับจะเร่งให้คณะทำงานร่วมดำเนินการโดยเร็ว เช่นเดียวกับรัฐบาลไทยก็พร้อมผลักดันและสนับสนุนให้โครงการทวายเดินหน้าโดยเร็วที่สุด ซึ่งเชื่อมั่นว่าการประชุมในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันดำเนินโครงการสำคัญนี้ โดยในการประชุมนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นควรว่าจะต้องมีการจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้ชัดเจน เพื่อกำหนดโครงการในส่วนที่ควรเร่งดำเนินการตามที่เคยได้หารือกับประธานาธิบดีเมียนมาร์ไว้ และไทยยังได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาชุมชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ด้วย

ทั้งนี้ หวังว่าจะได้มีโอกาสพบหารือกับประธานาธิบดีเมียนมาร์ ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 21 ที่ประเทศกัมพูชา และอาจมีการแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับผลการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงในครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีในการเชิญชวนประเทศที่มีศักยภาพและสนใจให้เข้ามามีส่วนร่วม

"ไทยยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือเพื่อการพัฒนาพื้นที่ชายแดน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งขณะนี้ไทยได้ดำเนินการซ่อมแซมสะพานมิตรพานแม่สอด-เมียวดี และกำลังพัฒนาถนนเมียวดี-กอกะเร็ก ซึ่งต้องขอบคุณเมียนมาร์ที่ได้อำนวยความสะดวก พร้อมขอการสนับสนุนจากรัฐบาลเมียนมาร์ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ให้แก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไทยกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการสร้างถนนต่อจากกอกะเร็กเชื่อมโยงไปยังเมาะลำไยด้วย"น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว

นอกจากนี้ ไทยได้ขอให้รองประธานาธิบดีเมียนมาร์ช่วยติดตามความคืบหน้าการเปิดจุดผ่านแดนถาวรเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ และเพื่อประโยชน์ของชุมชนในพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ไทยยินดีที่จะมอบเครื่องผลิตไฟฟ้ากังหันแก๊สจากโรงงานไฟฟ้าหนองจอกและโรงไฟฟ้าลาดกระบังไปติดตั้งที่กรุงย่างกุ้ง ซึ่งเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือด้านพลังงานดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศเมียนมาร์ โดยเฉพาะการเป็นเจ้าภาพกิจกรรมระหว่างประเทศที่สำคัญ อาทิ การเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ และการประชุม WEF เป็นต้น

**ตั้ง"โต้ง-นิวัฒน์ธำรง"คุมเกม

มีรายงานว่า คณะกรรมการร่วมระดับสูงฝ่ายไทยจะมีเลขาธิการสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นประธาน และยังมีคณะอนุกรรมการ 6 คณะ ตามสาขาความร่วมมือ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานและการก่อสร้าง อุตสาหกรรม พลังงาน การพัฒนาชุมชน กฏระเบียบและการเงิน โดยคณะกรรมการร่วมระดับสูง ระหว่างไทย-เมียนมาร์ เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง มีนายกิตติรัตน์ และรองประธานนาธิบดีเมียนมาร์ เป็นประธาน และคณะกรรมการระดับประสานงานระหว่างไทย-เมียนมาร์ เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง มีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมของเมียนมาร์ เป็นประธาน

วันเดียวกันนี้ นายกิตติรัตน์ ได้พาคณะของรองประธานาธิบดีเมียนมาร์ ลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จ.ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง โดยพาชมโรงไฟฟ้าถ่านหิน

**แดงปูด"น.-ส."ลงขันจ้างฆ่าแม้ว

ที่รัฐสภา นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ในเฟซบุ๊กว่า มีกลุ่มคนที่พยายามจะลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ จ.ท่าขี้เหล็กว่า ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวหน่วยข่าวแจ้งมาจริง โดยแหล่งข่าวมีทั้งในและนอกประเทศ การที่นายพานทองแท้ออกมาให้เปิดเผยก็เพราะเป็นลูกที่มีความรักและสงสารพ่อ ไม่ได้เป็นการกุข่าว เพราะไม่จำเป็นที่จะต้องเบี่ยงประเด็นทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้นในตอนนี้ เนื่องจากทางพรรคฝ่ายค้านก็อยู่ในภาวะอ่อนแอและไม่สามารถทำอะไรรัฐบาลได้อยู่แล้ว ตนจึงขอฝากไปยังพรรคฝ่ายค้านว่า หากมีข่าวว่าใครจะถูกลอบสังหารก็ควรจะมีความห่วงใย เพราะหากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะถูกลอบสังหาร ตนก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเหมือนกัน

นายวรชัย เหมะ สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงว่า เป็นความจริง โดยมีรายงานว่ามาจากการลงขันร่วมกันจากกลุ่มน้ำเมา จำนวน 6 พันล้านบาท และอีก 2พันล้านบาทจากนักการเมืองอักษรย่อ “ส” และ “น” ร่วมลงขันด้วย

นอกจากนี้ ยังแบ่งเงินจำนวน 10 ล้านบาทให้กับทหารพราน แถบอำเภอแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยผ่านหมอดำ และจ่าเริง ขณะเดียวกัน นักการเมือง “ส” ใช้เงินจ้างมวลชน คนละ 1,000 บาท จากจ.ชุมพร เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี เพื่อให้ได้จังหวัดละ 1 พันคน มาชุมนุมล้มรัฐบาล ดังนั้น ไม่ควรประมาทการชุมนุมของกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยามของพล.ต.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ และอยากขอเรียกร้องให้ประชาชนที่รักประชาธิปไตยมาร่วมกันแสดงพลัง ปราบกบฏ ต้านรัฐประหาร และปกป้องรัฐบาล ในวันที่ 16 พ.ย. ที่จ.ขอนแก่น และในวันที่ 18 พ.ย. ที่อำเภอ บางพลี จ.สมุทรปราการ

“ผมทราบข่าวมาจากฝ่ายทหารว่าวันนี้มีการขนกำลังพลทหารจากหลายที่ เช่น จ.ปราจีนบุรี จากค่ายจักรพงษ์ภูวนาท จำนวนไม่ต่ำว่า 2 พันนาย และมีทหารจากกาญจนบุรีมาร่วมสมทบด้วย เข้ามาวางกำลังรอบกทม. และแถบมีนบุรี โดยอาจมีจุดประสงค์เพื่อให้เข้าร่วมกับกลุ่มของเสธ.อ้าย และบางส่วนให้ประกบแกนนำนปช. ทุกคน ผมไม่ได้นั่งเทียน แต่มีทหารโทรมาบอก ทั้งนี้ เชื่อว่าปลายเดือนนี้สถานการณ์จะนำไปสู่จุดไคลแม็ค จึงอยากให้รัฐบาลตรวจสอบในเรื่องนี้ว่าจริงหรือไม่”นายวรชัยกล่าว

**"เหลิม"ปัดปล่อยข่าวกลบซักฟอก

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงก็เถียง แต่คนที่รู้ข้อเท็จจริงจะไม่เถียง ซึ่งเรื่องนี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้รายงานยืนยันมายังตนแล้ว โดยในวันที่ 8 พ.ย. ในช่วงบ่ายจะประชุมเพื่อหาข้อมูลเรื่องนี้ และวันที่ 9 พ.ย. จะเดินทางไปที่ด่านแม่สาย จ.เชียงราย เพื่อไปพบกับแหล่งข่าว หากฝ่ายค้านจะยื่นกระทู้สดถามให้รอเป็นสัปดาห์หน้าจะดีกว่า เพราะจะได้ข้อมูลที่ชัดเจน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่จะเดินทางไปสอบถาม คือ ข้อมูลเชิงลึกใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ใช่ ตนจะไปหาจากแหล่งข่าว อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เขาจะไปสร้างข่าวทำไม ทำแล้วได้อะไรขึ้นมา เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ จะมาหรือไม่มาเป็นสิทธิของท่าน จะต้องไปสร้างข่าวเพื่อไม่มาทำไม น้องโอ๊คเขาก็รู้จักพรรคพวกเขา เขาเป็นคนกว้างขวางพวกเยอะ ไม่ได้นั่งอยู่เฉพาะในห้อง เขาก็ต้องห่วงคุณพ่อเป็นธรรมดา

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการสร้างข่าวขึ้นมาเพื่อจะกลบเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า แล้วกลบได้หรือ จะไปกลบอย่างไร เป็นคนละเรื่อง

เมื่อถามย้ำว่า การเดินทางไปอ.แม่สาย จะเลยไปประเทศพม่าด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ดูสถานการณ์ก่อน เพราะข้ามง่าย 2 นาที ก็ข้ามได้แล้ว เพียงใช้บัตรประจำตัวใบเดียว

**"จงรัก”โผล่มีมูล อ้างอดีตเคยโดนแล้ว

ที่รัฐสภา พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ส.ว.สรรหา ในฐานะอดีตรอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ข่าวการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีมูลหรือไม่ เป็นเรื่องความรู้สึกนึกคิดของบุคคล ที่อาจมีความคิดเห็นแตกต่างออกไป แต่สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงในเรื่องนี้ อาจมีความเชื่อว่า อาจถูกลอบสังหารจริง เพราะที่ผ่านมา เคยถูกลอบสังหารมาแล้วหลายครั้ง จึงเชื่อว่ามีมูล ซึ่งเป็นธรรมดาที่คนเคยถูกปองร้ายก็จะต้องมีความระแวงสงสัยว่าอาจถูกปองร้ายอีก ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะเคยถูกลอบปองร้ายมาแล้ว เมื่อมีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นก็ย่อมเป็นธรรมดาที่จะต้องมีความสงสัยและเชื่อไปเช่นนั้น

“เท่าที่ผมจำได้ ครั้งแรกที่มีการระเบิดเครื่องบินของสายการบินไทยที่สนามบินดอนเมือง ผมได้รับการแต่งตั้งให้เข้าไปสอบสวน ถ้าวันนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาขึ้นเครื่องตามหมายกำหนดการ ก็คงถูกระเบิดไปพร้อมเครื่องบินไปแล้ว แต่เผอิญ พ.ต.ท.ทักษิณ แวะที่อื่นก่อน จึงเดินทางมาล่าช้ากว่ากำหนด เครื่องบินจึงระเบิดไปก่อน ผมเป็นคนเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นคนแรก พร้อมผู้เชี่ยวชาญของไทย และต่อมาก็มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาร่วมตรวจสอบสาเหตุระเบิด แต่ในที่สุดคดีดังกล่าวก็ยุติลงไป โดยมีความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญว่าเครื่องบินจอดตากแดดนานเกินไปจนเกิดความร้อนไปถึงถังน้ำมันเชื้อเพลิงจนเกิดระเบิดขึ้น”พล.ต.อ.จงรักกล่าว

อย่างไรก็ตาม ก็เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย เพราะตนเห็นเครื่องบินทั่วไปไม่ว่าที่ไหนในโลกก็จอดตากแดดกันทั้งนั้น ไม่เห็นระเบิดเลย โดยเฉพาะในประเทศแอฟริกาหรือตะวันออกกลางที่อากาศร้อนก็ยังไม่ได้ข่าวว่ามีการระเบิด

พล.ต.อ.จงรักกล่าวว่า จากนั้นก็มีข่าวการลอบวางระเบิด พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถนนจรัลสนิทวงศ์ เชิงสะพานซังฮี้ โดยใช้เครื่องจุดระเบิด กะระยะเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า ย่านบางพลัด แต่เผอิญ พ.ต.ท.ทักษิณออกจากบ้านก่อนกำหนด คนร้ายจึงกระทำการไม่สำเร็จ เพราะไม่ตรงเวลาที่คาดการณ์ไว้ และนอกจากนั้นก็อาจมีเหตุการณ์อื่นๆ อีก ส่วนคนที่ไม่เคยถูกปองร้ายมาเลย นั่งอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ดูตอนเช้า ก็อาจไม่เชื่อ เพราะไม่เคยมีศัตรู และไม่มีส่วนได้เสียใด อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาดูเหตุการณ์ที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงน่าจะเป็นที่ยุติได้ว่าที่ผ่านมา มีคนต้องการจะสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ จริง แต่ปัจจุบันนี้จะมีคนต้องการสังหารหรือไม่ ก็คงต้องติดตามผลการสืบสวนของผู้เกี่ยวข้องต่อไป

**ปชป. โวยถ้าจะฆ่าจริงทำที่ไหนก็ได้

ที่รัฐสภา นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้อยู่เบื้องหลังในการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ โดยระบุว่า หากจะฆ่าจริง จะทำที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาทำในจุดที่ใกล้ชายแดนไทย และขอปฏิเสธว่าพรรคไม่ได้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม แต่หากพรรคเพื่อไทยจะใช้เงื่อนไขนี้ในการปลุกม็อบคนเสื้อแดง หากเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุม รัฐบาลก็จะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไปไม่ได้

**ผู้ต้องหาปัดเกี่ยวข้องอาวุธสงคราม

พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวถึงกรณีการจับกุมอาวุธสงครามได้ในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาร์ ซึ่งมีการระบุว่าอาจเป็นการวางแผนลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจะเดินทางเยือนประเทศเมียนมาร์ในระหว่างวันที่ 8-10 พ.ย.2555 และตามกำหนดการเดิมมีกำหนดการที่จะมายังจังหวัดท่าขี้เหล็กในระหว่างวันที่ 9-10 พ.ย. 2555 ว่า ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าครอบครองอาวุธสงครามดังกล่าวจริง โดยอาวุธทั้งหมดมีผู้นำมาฝากไว้ พร้อมทั้งแจ้งว่าจะมารับคืนภายใน 3-4 วัน แต่จำไม่ได้และไม่รู้จักว่าผู้ที่นำอาวุธสงครามมาให้นั้นเป็นใคร อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนในเวลาต่อมา ผู้ต้องหาได้เปลี่ยนแปลงคำให้การโดยระบุว่า อาวุธสงครามทั้งหมดเป็นของเครือข่ายการค้าอาวุธที่เตรียมจะส่งมอบให้กับลูกค้า
กำลังโหลดความคิดเห็น