xs
xsm
sm
md
lg

มหาพายุกำลังก่อหวอด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัญญาพลวัตร
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

การชุมนุมของภาคประชาชนในนามองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2555 เป็นการก่อตัวของพายุแห่งความไม่พอใจของสังคมที่มีต่อรัฐบาล และได้สร้างความสั่นสะเทือนต่อเสถียรภาพของรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่รัฐบาลนี้ขึ้นครองอำนาจเมื่อเดือนสิงหาคม 2554 ปฏิกิริยาตอบโต้ของรัฐบาลและแกนนำลัทธิเสื้อแดงที่เป็นฐานทางการเมืองจึงเป็นไปอย่างรุ่มร้อนและรุนแรง

รัฐบาลร่วมกับแกนนำลัทธิแดงได้กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อสกัดและบั่นทอนความชอบธรรมของการชุมนุมอย่างเป็นขบวนการ ก่อนการชุมนุม รัฐบาลส่งเฉลิม อยู่บำรุงและคณะเข้าพบและรับประทานอาหารกับพลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ แกนนำ พอส. โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความสงสัยแคลงใจของประชาชนต่อแกนนำการชุมนุม และหวังว่าด้วยวิธีการดังกล่าวจะทำให้จำนวนประชาชนเข้าร่วมชุมนุมมีไม่มาก ดังที่เฉลิม อยู่บำรุง คาดการณ์ไว้ว่าจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมไม่เกินสองพันคน

ขณะเดียวกัน ก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำลัทธิเสื้อแดง ได้ให้สัมภาษณ์หลายครั้งหลายโอกาสกับสื่อมวลชนในคเรือข่ายของลัทธิเสื้อแดงว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเป็นการรวมพลังของกลุ่มทุนสนามม้า และกลุ่มอบายมุข เพราะรัฐบาลประกาศไม่สนับสนุนการพนันทุกรูปแบบ รวมทั้งมีการเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลด้วย

แม้รัฐบาลจะพยายามทำลายความชอบธรรมของการชุมนุมมากเพียงใด แต่ก็เป็นการพยายามที่สิ้นหวัง เพราะจำนวนผู้ชุมนุมที่เข้าร่วมกับองค์การพิทักษ์สยามเพื่อประกาศความรู้สึก “ทนไม่ได้” กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์และพรรคการเมืองลัทธิแดง มีจำนวนมากถึงสามหมื่นกว่าคน เมื่อมีปริมาณผู้คนเข้าร่วมการชุมนุมมากถึงขนาดนี้ รัฐบาลและแกนนำลัทธิแดงก็มีอาการสั่นเทาด้วยความกลัว ผสานความคลั่งมากขึ้น

การตอบโต้หลังการชุมนุมจึงออกมาอย่างเป็นต่อเนื่อง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หัวหน้ารัฐบาลให้สัมภาษณ์ในเชิงปรามการชุมนุมว่า ถ้าเป็นการเรียกร้องตามหลักประชาธิปไตยและโดยสงบก็เป็นสิทธิที่พึงทำได้ แต่อยากให้ใช้กลไกของระบอบรัฐสภาชั้แจงและพูดคุยกันในเรื่องตรวจสอบรัฐบาลดีกว่า

คำสัมภาษณ์ของยิ่งลักษณ์ เป็นเรื่องที่น่าขบขันมาก เพราะสิ่งที่เธอสัมภาษ์เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่บรรดาลิ่วล้อเสื้อแดงของพี่ชายเธอกระทำ บรรดาแกนนำและนักการเมืองลัทธิเสื้อแดงที่ค้ำยันอำนาจของรัฐบาลของเธอนั้น เคยใช้การชุมนุมที่ รุนแรงและไม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตยตามคำวินิจฉัยอย่างชัดเจนของศาล แต่เธอยังมาลอยหน้าลอยตาให้ผู้อื่นทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป ทางที่ดีเธอควรไปปรามหรือห้ามบรรดาลิ่วล้อเสื้อแดงของเธอจะดีกว่า จะได้ดูสมเหตุสมผลมากขึ้น

ส่วนการใช้กลไกรัฐสภาในการตรวจสอบ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่น่าขบขันที่สุดในรอบปี เพราะตัวเธอเองแทบจะไม่เคยเข้าไปประชุมที่สภาผู้แทนราษฎรเลย เมื่อฝ่ายค้านจะตรวจสอบเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเธอก็ให้ผู้อื่นชี้แจงแทนตลอด หรือไม่ก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองสกัดไม่ให้มีการตรวจสอบเกิดขึ้น แล้วยังมีหน้ามาพูดให้เป็นที่อับอายแก่ผู้คน คนเราหากจะบอกให้คนอื่นทำอะไร ตัวเองก็ควรทำเป็นตัวอย่างเสียก่อน ไม่ใช่บอกให้คนอื่นทำอย่างหนึ่ง แต่ตัวเองและพรรคพวกกลับทำในสิ่งตรงกันข้าม

แต่เมื่อมาคิดอีกทีพฤติกรรมเช่นนี้คงฝังอยู่ในพันธุกรรม และเป็นธรรมชาติดั้งเดิมของบรรดาแกนนำเครือข่ายในตระกูลแดงทั้งแผ่นดินนั่นแหละ

ด้านเฉลิม อยู่บำรุง เมื่อทำงานสกัดผู้ชุมนุมไม่สำเร็จ ทำงานไม่เข้าเป้า ก็เลยออกมาผสมโรงกับแกนนำลัทธิแดงคนอื่นๆ เพื่อทำลายความชอบธรรมของการชุมนุม โดยกล่าวว่าผู้เข้าร่วมชุมนุมมาจากเจ้าของบ่อนบางซื่อ เช่นเดียวกับก่อแก้ว พิกุลทอง ที่พยามตอกย้ำว่าการชุมนุมของภาคประชาชนมีนายทุนบ่อนพนันและผู้ค้ายาเสพติดอยู่เบื้องหลัง

การผลิตความความเชื่อของแกนนำลัทธิแดง และถ่ายทอดไปยังสาวกอย่างซ้ำซากและต่อเนื่อง ก็เพื่อให้สาวกของพวกเขา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่มีความ อ่อนแอ ทางความคิดและการใช้เหตุผล เชื่ออย่างงมงายว่าประชาชนผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลเป็นกลุ่มคนไม่ดีและเป็นผู้เสียประโยชน์ หรือเป็นการทำให้ผู้ต่อต้านรัฐบาลกลายเป็นปีศาจอันชั่วร้ายนั่นเอง

การสร้างความเชื่อที่งมงายแบบนี้เป็นการเตรียมการเพื่อใช้เป็นฐานในการ ป ลุกระดมและจัดตั้งมวลชนลัทธิแดงออกมาก่อความรุนแรงกับผู้ชุมนุมคัดค้านรัฐบาลในอนาคตนั่นเอง ดังที่นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำอีกคนของลัทธิแดงได้ประกาศอย่างแข็งกร้าวว่า หากมีประชาชนกลุ่มใดก็ตามออกมาขับไล่รัฐบาล คนเสื้อแดงทั่วประเทศลุยแน่นอนทุกเวลา ขณะนี้คนเสื้อแดงเริ่มมีปฏิกิริยาเพราะอยากให้รัฐบาลนี้อยู่ครบ 4 ปี

ขวัญชัย ไพรพนา เป็นแกนนำลัทธิแดงที่ได้รับความไว้วางใจจากทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นผู้ปลุกระดมมวลชนที่คลั่งไคล้ทักษิณ ชินวัตร ให้ปฏิบัติการณ์ทางการเมืองอย่างไรก็ได้ตามสั่ง และแน่นอนว่าความรุนแรงก็เป็นสิ่งที่คนพวกนี้พร้อมจะใช้ได้ทุกขณะ ดังที่เคยเกิดขึ้นที่หนองประจักษ์ จังหวัดอุดรธานี มาแล้ว

นอกจากนั้นรัฐบาลยังใช้อำนาจรัฐตำรวจสกัดแกนนำผู้ต่อต้านรัฐบาล โดยหลังการชุมนุมไม่นาน นายคารม พลพรกลาง ทนายของลัทธิแดง ก็มาแจ้งความที่กองปราบปรามกล่าวหาว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ พลเอกบุญเลิศ แกนนำ อพส. ยุยงให้ราษฎรเป็นกบฏและยุยงให้ทหารก่อการปฏิวัติ และแสดงความคิดเห็นไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

นับว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดเพราะว่า พวกเสื้อแดงอันเป็นกลุ่มบุคคลที่คิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ฉบับ ซึ่งก็เหมือนกับการล้มล้างรัฐธรรมนูญ กลับกล่าวหาผู้อื่นว่า แสดงความคิดเห็นไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่ที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือ การกระทำของกองปราบปราม เพราะทันทีที่ได้รับแจ้งความก็ตอบสนองอย่างทันอกทันใจ โดยออกหมายเรียกแกนนำภาคประชาชนทั้งคู่ไปรับทราบข้อกล่าวหาทันที ช่างสมกับเป็นรัฐตำรวจภายใต้รัฐบาลลัทธิแดงเสียจริงๆ

นอกจากจะถูกประชาชนผู้ทนไม่ได้ชุมนุมขับไล่แล้ว รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทักษิณและพรรคเพื่อไทยก็ยังมีความขัดแย้งภายในขึ้นมาอันเนื่องมาจากการปรับคณะรัฐมนตรี เราลองมาพิจารณาดูกันว่าความขัดแย้งดังกล่าวมีผลกระทบต่อรัฐบาลมากน้อยเพียงใด

การปรับคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 3 นั้น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นการกระชับและการขยายอำนาจของเครือญาติตระกูลชินวัตรและนักการเมืองผู้ใกล้ชิด และได้กีดกันแกนนำลัทธิแดงออกจากวงจรของอำนาจอย่างไร้เยื่อใยไมตรี แม้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน ทักษิณ ชินวัตร จะเคยประกาศต่อหน้าสาวกลัทธิแดงที่เขาใหญ่แล้วว่า จะให้จตุพร พรหมพันธุ์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่เมื่อถึงเวลาเข้าจริงปรากฏว่าคำพูดของทักษิณ ที่มีต่อคนเสื้อแดงนั้น เป็นคำพูดที่ว่างเปล่าอันไร้ความจริงมารองรับแม้แต่นิดเดียว

แกนนำลัทธิแดงหลายคนแสดงอาการไม่พอใจอย่างชัดเจนต่อการกระทำของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และมีกระแสข่าวเกี่ยวกับการแยกออกมาจากพรรคเพื่อไทย และตั้งพรรคลัทธิแดงขึ้นมา กระแสการตั้งพรรคลัทธิแดงนี้ เริ่มแรกถูกปล่อยออกมาจากนักวิชาการแดงที่สิ้นหวังต่อพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในการดำเนินนโยบายช่วยเหลือสาวกลัทธิแดงที่ติดคุกจากคดีปล้นบ้านเผาเมือง

นักวิชาการลัทธิแดงมองว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นผิด แต่ละเลยความเป็นอยู่ของสาวกลัทธิแดง พวกเขาจึงพยายามเสนอให้มวลชนลัทธิแดงตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองเท่าใดนัก เพราะการนำของลัทธิแดงนั้นขึ้นอยู่กับ นายเหวง และนางธิดา โตจิราการ และนายจตุพร ซึ่งปัจจุบันได้ดิบได้ดีทางการเมืองและมีอำนาจในระดับหนึ่ง และคนเหล่านี้รู้ว่าการแยกตัวออกจากทักษิณและพรรคเพื่อไทยคือจุดจบอนาคตทางการเมืองของตนเอง

พวกนี้รู้และมีเล่ห์เหลี่ยมทางเมืองพอตัว ต่างจากนักวิชาการแดงที่ส่วนใหญ่ไร้เดียงสากับความเป็นจริงทางการเมืองไทย ดังนั้นแม้จะไม่พอใจกับการปรับ ครม.ของยิ่งลักษณ์ แต่แกนนำลัทธิแดงก็ยังคงทนต่อไป พวกนี้คิดว่าเสียศักดิ์ศรีเพียงเล็กน้อย ดีกว่าเสียอำนาจและความมั่งคั่งที่ได้รับการประทานมาจากทักษิณ ชินวัตร ใครที่คิดว่าบรรดาแกนนำและสาวกลัทธิแดงจะแตกแยกอย่างสิ้นเชิงกับทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทยนั้น คงต้องกลับไปทบทวนใหม่ เพราะบรรดาคนเหล่านี้ต่างก็รู้ว่าการได้อำนาจและการรักษาอำนาจของพวกเขาต่างต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน และแน่นอนว่าพวกเขาก็ใช้มวลชนลัทธิแดงเป็นเครื่องมือเหมือนกัน

การชุมนุมของภาคประชาชนเพื่อโค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน ผู้จัดการชุมนุมก็ต้องตระหนักไว้ว่า รัฐบาลนี้และและแกนนำลัทธิแดงพร้อมที่จะใช้สมุนอันธพาลการเมืองของพวกเขาเข้ามาก่อกวนสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายแก่การชุมนุม และยิ่งรัฐบาลมีความรู้สึกหวั่นไหวหรือกลัวมากเท่าไร โอกาสที่พวกเขาจะกระทำอย่างสิ้นคิดก็มีมากขึ้นเท่านั้น

เพราะฉะนั้นหากจะทำการใด ภาคประชาชนจะต้องก่อตัวให้มีพลังมหาศาลดุจมหาพายุเฮอร์ริเคน และถล่มรัฐบาลให้ราบคาบก่อนที่พวกเขาจะตั้งตัวทัน


กำลังโหลดความคิดเห็น