"ซีพีแรม"ทุ่ม20,000ล้านบาท ขยายธุรกิจในเครือ-เพิ่มกำลังผลิต เล็งผุดโรงงานใหม่7แห่งในระยะ5ปี พร้อมขยายครัวกลางรับธุรกิจขยายตัวทั้งในและต่างประเทศ ยันไม่ขึ้นราคาสินค้า แม้รัฐปรับขึ้นค่าแรง300บาทต่อวันในปี56 ระบุไม่กระทบต้นทุนแรงงานเหตุจ้างแพงกว่ารัฐกำหนด คาดสิ้นปีกวาดรายได้ 10,000 ล้านบาท
นายวิเศษ วิศิษฎ์วิญญู รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซี.พี.ค้าปลีกและการตลาด จำกัด หรือ ซีพีแรม เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะใช้งบลงทุนกว่า 20,000ล้านบาท ในการลงทุน ในการขยายธุรกิจในเครือทั้งในส่วนของการเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานเดิมที่มีอยู่ 6 แห่ง และสร้างโรงงานใหม่จำนวน 7 แห่ง ในอีก5ปีข้างหน้า ซึ่งโรงงานดังกล่าวประกอบด้วย โรงงานใน จ.ชลบุรี, นครปฐม, อุบลราชธานี, นครสวรรค์, สุราษฎร์ธานี, ประจวบคีรีขันธ์ และนครราชสีมา
สำหรับการขยายการลงทุนดังกล่าวเพื่อรองรับการขยายตลาดใหม่ในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งโรงงานแห่งใหม่จะมีแรงงานแห่งละ 300 คน หรือมีพนักงานรวม 2,000 คน และตั้งเป้าว่าในระยะ 5 ปีข้างหน้าจะมีรายได้รวมที่ 20,000 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะสร้างครัวกลางในแต่ละจังหวัดที่มีในโรงงานด้วย ทำให้การจัดส่งอาหารในร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น รวดเร็วมากขึ้น ใช้เวลาขนส่งสินค้าเพียง 3 ชั่วโมง สามารถมีเมนูอาหารทั้งในช่วงเช้า ช่วงกลางวัน และช่วงเย็น ให้แก่ลูกค้า เช่น ในภาคเหนือ ก็สามารถมีเมนูท้องถิ่นให้บริการในเวลา 3 มื้อ รวมทั้งเตรียมสร้าง ฟู้ดเซอร์วิส ที่จะเปิดขายอาหารในเครือตามจุดต่างๆ เพื่อให้สินค้าเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดีขึ้น มั่นใจว่า
ทั้งนี้ เมื่อมีการขยายการลงทุนในโครงการทั้ง7แห่งดังกล่าวแล้ว คาดว่าภายใน5ปีจากนี้จะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัวในทุกกลุ่มสินค้า จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต ติ่มซำ อยู่ที่ 1.8 ล้านชิ้นต่อวัน อาหารกล่อง 280,000 ชิ้นต่อวัน และเบเกอรี่ 1.4 ล้านชิ้นต่อวัน ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในตลาดต่างประเทศนั้น บริษัทมีแผนที่จะสร้างโรงงานแห่งใหม่
เนื่องจากบริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดใหม่ใน 3 ประเทศได้แก่ รัสเซีย จีน และตลาดในเออีซีด้วย ส่วนตลาดเดิม ที่ส่งออกได้แก่ ญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกาเหนือ ก็จะขยายตลาดต่อไป โดยตลาดเดิมมียอดส่งออกที่ดีอยู่ต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศดังกล่าวจะชะลอตัวลงก็ตาม แต่ยอดรายได้อาจจะลดลงไปเล็กน้อย เนื่องจากค่าเงินในกลุ่มประเทศดังกล่าวอ่อนตัวลง
อย่างไรกก็ตาม แม้ว่าการประกาศใช้นโยบายค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศจะมีผลในปี2556 แต่บริษัทยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาสินค้า เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่มีค่าแรงงานที่สูงกว่ารัฐบาลกำหนดอยู่แล้ว ประกอบกับได้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้า และเพิ่มเครื่องจักรในโรงงาน จึงสามารถคงราคาสินค้าในระดับเท่าเดิม
สำหรับปีนี้บริษัทวางเป้าว่าจะมีรายได้ที่ 10,000 ล้านบาท หรือ เติบโต 15% จากปีก่อน โดยในอนาคตนั้นบริษัทวางเป้าว่าจะมีอัตราการเติบโต 15%ต่อปี โดยมีรายได้มาจากตลาดในประเทศ 85% และต่างประเทศ 15% และในอีก5ปีข้างหน้าบริษัทคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากตลาดในประเทศที่80% และต่างประเทศ 20%
นายวิเศษ วิศิษฎ์วิญญู รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซี.พี.ค้าปลีกและการตลาด จำกัด หรือ ซีพีแรม เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะใช้งบลงทุนกว่า 20,000ล้านบาท ในการลงทุน ในการขยายธุรกิจในเครือทั้งในส่วนของการเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานเดิมที่มีอยู่ 6 แห่ง และสร้างโรงงานใหม่จำนวน 7 แห่ง ในอีก5ปีข้างหน้า ซึ่งโรงงานดังกล่าวประกอบด้วย โรงงานใน จ.ชลบุรี, นครปฐม, อุบลราชธานี, นครสวรรค์, สุราษฎร์ธานี, ประจวบคีรีขันธ์ และนครราชสีมา
สำหรับการขยายการลงทุนดังกล่าวเพื่อรองรับการขยายตลาดใหม่ในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งโรงงานแห่งใหม่จะมีแรงงานแห่งละ 300 คน หรือมีพนักงานรวม 2,000 คน และตั้งเป้าว่าในระยะ 5 ปีข้างหน้าจะมีรายได้รวมที่ 20,000 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะสร้างครัวกลางในแต่ละจังหวัดที่มีในโรงงานด้วย ทำให้การจัดส่งอาหารในร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น รวดเร็วมากขึ้น ใช้เวลาขนส่งสินค้าเพียง 3 ชั่วโมง สามารถมีเมนูอาหารทั้งในช่วงเช้า ช่วงกลางวัน และช่วงเย็น ให้แก่ลูกค้า เช่น ในภาคเหนือ ก็สามารถมีเมนูท้องถิ่นให้บริการในเวลา 3 มื้อ รวมทั้งเตรียมสร้าง ฟู้ดเซอร์วิส ที่จะเปิดขายอาหารในเครือตามจุดต่างๆ เพื่อให้สินค้าเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดีขึ้น มั่นใจว่า
ทั้งนี้ เมื่อมีการขยายการลงทุนในโครงการทั้ง7แห่งดังกล่าวแล้ว คาดว่าภายใน5ปีจากนี้จะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัวในทุกกลุ่มสินค้า จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต ติ่มซำ อยู่ที่ 1.8 ล้านชิ้นต่อวัน อาหารกล่อง 280,000 ชิ้นต่อวัน และเบเกอรี่ 1.4 ล้านชิ้นต่อวัน ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในตลาดต่างประเทศนั้น บริษัทมีแผนที่จะสร้างโรงงานแห่งใหม่
เนื่องจากบริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดใหม่ใน 3 ประเทศได้แก่ รัสเซีย จีน และตลาดในเออีซีด้วย ส่วนตลาดเดิม ที่ส่งออกได้แก่ ญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกาเหนือ ก็จะขยายตลาดต่อไป โดยตลาดเดิมมียอดส่งออกที่ดีอยู่ต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศดังกล่าวจะชะลอตัวลงก็ตาม แต่ยอดรายได้อาจจะลดลงไปเล็กน้อย เนื่องจากค่าเงินในกลุ่มประเทศดังกล่าวอ่อนตัวลง
อย่างไรกก็ตาม แม้ว่าการประกาศใช้นโยบายค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศจะมีผลในปี2556 แต่บริษัทยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาสินค้า เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่มีค่าแรงงานที่สูงกว่ารัฐบาลกำหนดอยู่แล้ว ประกอบกับได้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้า และเพิ่มเครื่องจักรในโรงงาน จึงสามารถคงราคาสินค้าในระดับเท่าเดิม
สำหรับปีนี้บริษัทวางเป้าว่าจะมีรายได้ที่ 10,000 ล้านบาท หรือ เติบโต 15% จากปีก่อน โดยในอนาคตนั้นบริษัทวางเป้าว่าจะมีอัตราการเติบโต 15%ต่อปี โดยมีรายได้มาจากตลาดในประเทศ 85% และต่างประเทศ 15% และในอีก5ปีข้างหน้าบริษัทคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากตลาดในประเทศที่80% และต่างประเทศ 20%