เมื่อเวลา 13.30น. วานนี้ (29ต.ค.) ที่ รร.ปรินซ์เซส หลานหลวง คณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาล พิจารณาศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญตา มาตรา 291 ที่มีนายโภคิน พลกุล เป็นประธาน ประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยนายโภคิน ระบุว่า ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา การทำงานมีความก้าวหน้ามาก ซึ่งล่าสุด นายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ปรึกษากฏหมายพรรคเพื่อไทย และคณะทำงานได้ทำการยกร่างรายงานเบื้องต้นมาให้ตนพิจารณา และปรับปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์ โดยคณะทำงานเตรียมเชิญนักวิชาการจาก 5 สถาบัน ประกอบด้วย สถาบันพระปกเกล้า ศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล ที่มีนายโคทม อารียา เป็นผู้อำนวยการศูนย์ นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ในฐานะที่เคยเป็นประธานกรรมการสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปการเมือง และแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภา นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า และนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เข้าร่วมเสนอข้อคิดเห็นและข้อสรุปร่วมกันอีกครั้งในวันทิี่ 5 พ.ย.นี้ จากนั้นจะมีการประชุมครั้งสุดท้ายในวันที่ 12 พ.ย. เพื่อรวบรวมและตรวจสอบข้อมูลครั้งสุดท้าย ก่อนส่งรายงานฉบับสมบูรณ์ให้พรรคร่วมรัฐบาล ไม่เกินวันที่ 20 พ.ย.
นายโภคิน กล่าวว่า เนื้อหาในรายงานที่จะส่งให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาดำเนินการนั้น เป็นการสรุปความเห็นของทุกภาคส่วน ที่เห็นตรงกัน ใน 4 ประเด็น ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของสภา ซึ่ง ส.ส และส.ว. มีสิทธิลงมติรับ หรือไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญต้องยกร่างจากประชาชน เพื่อให้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง รวมไปถึงรัฐธรรมนูญหลายมาตราที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะมาตรา 237 เรื่องการยุบพรรค และตัดสิทธิ์กรรมการบริการพรรค ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรม
นอกจากนี้ คณะทำงานจะนำเอกสารของคณะกรรมการ คอป. ที่วิเคราะห์ว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เพราะถือเป็นเหตุส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง
นายโภคิน กล่าวถึงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นหลังรัฐบาลเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า เป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องมีทั้งคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่คณะทำงานมีหน้าที่ทำความเข้าใจว่า สิ่งที่กำลังเดินหน้าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้สร้างสิ่งที่ไม่ดี แต่เป็นการสร้างสิ่งที่ดีขึ้นให้กับสังคม และผลักดันให้ประสบความสำเร็จ
นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการทำงานของคณะทำงานพรรคร่วมเพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า จะสามารถดำเนินได้แล้วเสร็จให้ทันภายในสมัยประชุมรัฐสภานี้ เพื่อ นำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาต่อไป ส่วนความคืบหน้าภายหลังจากฟังความเห็นของนักวิชาการทั้ง 5 สถาบัน ที่คณะกรรมการเชิญมานั้น จะหารือข้อสรุปภายในวันที่ 29 ต.ค. ว่าจะจบหรือไม่
นายโภคิน กล่าวว่า เนื้อหาในรายงานที่จะส่งให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาดำเนินการนั้น เป็นการสรุปความเห็นของทุกภาคส่วน ที่เห็นตรงกัน ใน 4 ประเด็น ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของสภา ซึ่ง ส.ส และส.ว. มีสิทธิลงมติรับ หรือไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญต้องยกร่างจากประชาชน เพื่อให้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง รวมไปถึงรัฐธรรมนูญหลายมาตราที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะมาตรา 237 เรื่องการยุบพรรค และตัดสิทธิ์กรรมการบริการพรรค ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรม
นอกจากนี้ คณะทำงานจะนำเอกสารของคณะกรรมการ คอป. ที่วิเคราะห์ว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เพราะถือเป็นเหตุส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง
นายโภคิน กล่าวถึงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นหลังรัฐบาลเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า เป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องมีทั้งคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่คณะทำงานมีหน้าที่ทำความเข้าใจว่า สิ่งที่กำลังเดินหน้าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้สร้างสิ่งที่ไม่ดี แต่เป็นการสร้างสิ่งที่ดีขึ้นให้กับสังคม และผลักดันให้ประสบความสำเร็จ
นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการทำงานของคณะทำงานพรรคร่วมเพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า จะสามารถดำเนินได้แล้วเสร็จให้ทันภายในสมัยประชุมรัฐสภานี้ เพื่อ นำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาต่อไป ส่วนความคืบหน้าภายหลังจากฟังความเห็นของนักวิชาการทั้ง 5 สถาบัน ที่คณะกรรมการเชิญมานั้น จะหารือข้อสรุปภายในวันที่ 29 ต.ค. ว่าจะจบหรือไม่