xs
xsm
sm
md
lg

ไทยส่อจ่ายนำเข้าน้ำมัน ทะลุกว่าล้านล้าน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คาดไทยเตรียมควักจ่ายนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงปี 55 ทุบสถิติเป็นประวัติการณ์อีกครั้งจากปีก่อน 1.03 ล้านล้าน ส่วนหนึ่งจากการนำเข้าแอลพีจีที่พุ่งขึ้นและส่อแววนำเข้าแตะ 1.7 ล้านตัน สูงสุดเช่นกันหากไม่มีนโยบายปรับราคาเพิ่ม ขณะที่นักวิชาการชำแหละการเมืองลดภาษีดีเซลยาวถึงสิ้นปีสูญเปล่า 1.7 แสนล้าน สร้างรถไฟได้กว่า 2 สาย แนะสังคายนาระบบภาษีกองทุนน้ำมันให้เป็นธรรม

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ปี 2555 มีแนวโน้มว่าไทยจะมีการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงคิดเป็นมูลค่าทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งหลังจากปี 2554 ได้ทำสถิติมูลค่านำเข้าเชื้อเพลิงไว้ที่ 1,030,000 ล้านบาทคิดเป็นปริมาณรวม 837,00 0 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจาก 9 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ย.55) ไทยนำเข้า 936,000 บาร์เรลต่อวันมีมูลค่านำเข้ารวมที่ 905,561 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึง 16.1% เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก

“การนำเข้าช่วง 9 เดือนแรกกว่า 90% เป็นการนำเข้าน้ำมันดิบที่เหลือเป็นการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปคิดเป็นมูลค่า 54,704 ล้านบาท ส่วนแอลพีจีคิดเป็น 41,304 ล้านบาทคาดว่าปี 2555 ไทยอาจจะต้องนำเข้าแอลพีจีประมาณ 1.7 ล้านตันมีมูลค่าทะลุ 50,000

ล้านบาทซึ่งจะเป็นปริมาณนำเข้าแอลพีจีที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เว้นแต่รัฐบาลจะตัดสินใจปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะภาคขนส่ง” แหล่งข่าวกล่าว

นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมัน กล่าวว่า นั้บตั้งแต่ฝ่ายการเมืองได้มีนโยบายการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลลงมา 5 บาทต่อลิตรตั้งแต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ช่วงเม.ย. 2554 จนถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะนี้ไทยต้องสูญเสียรายได้จากการลดภาษีฯดีเซลไปแล้ว 160,000 ล้านบาทและคาดว่าทั้งปีจะไม่น้อยกว่า 170,000 ล้านบาทเนื่องจากคาดว่ารัฐบาลจะคงนโยบายนี้ไปจนถึงสิ้นปีเพื่อรอจังหวะน้ำมันดีเซลขาลงในช่วงปี 2556 ซึ่งหากนำมาสร้างรถไฟฟ้าจะได้มากกว่า 2 สาย

“รัฐควรสังคยานาโครงสร้างราคาพลังงานใหม่ ต้องดูทั้งภาษี การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ราคาตลาดโลก ให้สะท้อนข้อเท็จจริงเพราะขณะนี้บิดเบือนสร้างความไม่เป็นธรรมให้กับคนในสังคมเดียวกันเช่น ดีเซล รัฐเลือกเว้นภาษีสรรพสามิตให้ทั้งที่ดีเซลวันนี้ไม่ใช่เป็นน้ำมันเศรษฐกิจแล้วรถบรรทุกส่วนใหญ่ก็หันไปใช้เอ็นจีวีคนใช้รถส่วนหนึ่งก็มีฐานะแถมยังก่อมลพิษมากกว่าหากเทียบกับแก๊สโซฮอล์”นายมนูญกล่าว

สำหรับส่วนของแอลพีจีนั้นรัฐควรจะปรับขึ้นราคาภาคขนส่งให้สะท้อนต้นทุนเพราะกลุ่มนี้มีทางเลือกมากทั้งใช้เอ็นจีวีที่รัฐเองก็ยังกำหนดราคาที่ต่ำ และใช้น้ำมันโดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ที่รัฐเองก็อุดหนุนราคาเช่นกัน เพื่อลดการนำเข้าและปีหน้าก็ให้ปรับโครงสร้างทั้งระบบขึ้นเป็นราคาเดียวแต่ให้ดูในเรื่องของโครงสร้างภาษีสรรพสามิตและเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ที่ขณะนี้เก็บอยู่ 2.17 บาทต่อกิโลกรัมและ 0.93 บาทต่อ กก. ตามลำดับซึ่งหากรัฐปรับราคาให้สะท้อนกลไกตลาดก็สามารถลดภาษีฯ และเงินส่งเข้ากองทุนฯลงมาได้เพื่อลดผลกระทบ.
กำลังโหลดความคิดเห็น