xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

แจ้งทราบ.... ตำรวจพันธุ์ชั่วค้ายา ไม่ได้มีแค่ “ดาบมนัส”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดาบมนัส เสือโพธิ์  เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรของ สน.ประชาชื่น
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เน่ากันไปทั้งวงการสีกากี เมื่อตำรวจอัปรีย์ผู้ถือกฎหมายอยู่ในมือ หวังรวยทางลัดกลับค้ายาบ้าเสียเอง 3 รายใน 2 วันนับตั้งแต่ดาบมนัส เสือโพธิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรของ สน.ประชาชื่น รับจ้างขนยาเสพติดมูลค่า 400 ล้านบาท วันเดียวกันชุดปราบปรามยาเสพติดของบก.น. 4 บช.น.ล่อซื้อยาบ้า 2,000 เม็ด จึงวางแผนเข้าจับกุม แต่ผู้ต้องหากลับกลายเป็น ตำรวจกองปราบ ด.ต.สุรชัย วิลียา สังกัด กก.ปพ.บก.ป. วันถัดมา สภ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ตั้งด่านตรวจค้นรถโดยสารพบ ร.ต.ต.ประพันธ์ เนตรสุวรรณ รองสวป.สภ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และขอตรวจค้นแม้เจ้าตัวจะพยายามแสดงตัว แต่ตร.ไชยปราการไม่ยอมจนพบของกลางยาบ้า 32 เม็ดอยู่กระเป๋าและจากการขยายผลไปค้นห้องพักหลังกองร้อยพบยาบ้าอีก 1,000 เม็ด.....แล้วอย่างนี้ไม่ต้องพูดถึงผลการปราบปรามบ่อน หวย สถานบันเทิง ค้าประเวณี แหล่งอยาบมุขทุกประเภท ต้องมีตำรวจเข้าไปมีส่วนรู้เห็นอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะกรณีของดาบมนัสนั้นต้องถือว่า กระทำกันเป็นขบวนการและมีเครือข่ายที่กว้างขวางไม่น้อย

เมื่อเวลาประมาณ 00.15 น.ของวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.งาว จ.ลำปาง นำกำลังตั้งด่านสกัดจับยาเสพติดอยู่บนถนนสายลำปาง งาว - พะเยา ขาเข้า จ.ลำปาง เขต ต.นาแก อ.งาว จ.ลำปาง เจ้าหน้าที่ประจำด่านสกัด พบเห็นรถกระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ มิวเซเว่น สีเทา หมายเลขทะเบียน ญภ 8415 กรุงเทพมหานคร มีพิรุธและได้ขับแหกด่าน จึงได้นำกำลังไล่ติดตามและยิงยางล้อ จนรถต้องสงสัยเสียหลักพุ่งชนเข้าบ้านของประชาชนในหมู่บ้านบ้านห้วยโป่ง แม่แป้นจนเสียหาย ส่วนคนขับทราบชื่อในภายหลังคือ ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรของ สน.ประชาชื่น ได้ใช้่อาวุธใช้อาวุปืนสั้น ลูกโม่ 44 แม็กนั่ม จี้บังคับให้ชาวบ้านไปส่งบริเวณ 3 แยกบ้านใหม่ หมู่ 2 ต.บ้านโป่ง อ.งาว ก่อนที่จะหลบหนีเข้าไปในป่าละเมาะ ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ต้องระดมกำลังทั้งทางภาคพื้นดินและอากาศไล่ล่าติดตามกันตลอดทั้งคืน จากตรวจสอบภายในรถพบยาบ้าประมาณ 1,280,000 เม็ด และยาไอซ์ประมาณ 5 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท

และจากสืบสวนขยายผลพบว่า มีผู้ต้องหาร่วมขบวนการในครั้งนี้ด้วยและสามารถจับกุมไว้แล้วคือ นายฐิติ หรือ เอ๋ เพ็งสุข อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123/484 หมู่ 3 ต.บางวัดน้อย อ.เมืองนนท์ จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นคนขับรถนำทางที่ใช้รถเก๋งมิตซูฯ รุ่นใหม่ ญฎ 2706 กรุงเทพมหานคร โดยทราบว่ายังมีเครือข่ายอีกหลายคนร่วมขบวนการกับ ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ ที่ทั้งเป็นนายทุน ร่วมจัดหา ขนยาบ้าเข้ากรุงเทพฯ มาแล้วประมาณ 10 ครั้ง แต่ละครั้งจะมีการเพิ่มจำนวนยาบ้าขึ้นเรื่อยๆ จาก 2 แสนเม็ด เป็น 5-6 แสนเม็ด จนถูกจับได้เป็นหลักล้านเม็ด

นายฐิติ ให้การเพิ่มเติมว่าร่วมกับด.ต. มนัสขนยาบ้าเข้ากรุงเทพฯ มาแล้วประมาณ 10 ครั้ง ครั้งละ 200,000-600,000 เม็ด โดยจะเพิ่มจำนวนยาบ้าขึ้นเรื่อยๆ ในการขนแต่ละครั้ง ครั้งล่าสุดนายฐิติได้รับการติดต่อจากด.ต.มนัสให้ขับรถนำทางดูลาดเลาการตั้งจุดตรวจของตำรวจ ได้ค่าจ้าง 100,000 บาท โดยเดินทางออกจากจ.ปทุมธานี มาแวะที่จ.ลำปาง จนกระทั่งเมื่อคืนวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงเดินทางจากจ.ลำปางไปจ.เชียงรายตามที่นัดหมายกันไว้ และไปเจอกับด.ต.มนัสที่ห้างบิ๊กซี สาขาเชียงราย เพื่อจะนำทาง

เมื่อไปถึงปรากฏว่าด.ต.มนัสเลื่อนการเดินทาง จึงเดินทางไปแวะที่จ.พะเยา ก่อนจะเดินทางไปจ.เชียงรายเพื่อพบกับด.ต.มนัสกับพวกอีกครั้ง หลังเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว จึงออกเดินทางจากจ.เชียงราย ใช้เส้นทาง จากอ.เมืองเชียงราย อ.เทิง อ.ป่าแดด เข้าเขตจ.พะเยา ผ่านทางอ.ภูกามยาว และอ.เมืองพะเยา ก่อนผ่านจุดตรวจยาเสพติดแม่ต๋ำ และเข้าสู่อ.งาว จนกระทั่งถูกจับกุม ส่วนรถ อีก 3 คันนั้น นายฐิติระบุว่าเป็นรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ วีโก้ สีเทา

ส่วนการปิดล้อมไล่ล่ากดดันดาบมนัส ก็ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งแจ้งให้ชาวบ้านอย่าได้ออกจากบ้านเวลากลางคืนป้องกันเหตุร้ายและเพื่อให้เจ้าหน้าที่จะทำงานอย่างสะดวก ด้านนครบาล พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. สั่งให้นายดาบตำรวจค้ายาบ้าออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมทั้งเข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 53/1109 แฟลตตำรวจประชาชื่น พบแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ 8 แผ่น ซึ่ง 1 ในนั้นคือป้ายทะเบียน ญต 9164 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นทะเบียนรถอีซูซุ มิวเซเว่น คันที่ใช้ขนยาเสพติดอยู่ในห้องดังกล่าวด้วย ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ ได้ทำการอายัดไว้อาทิ รถยนต์หรู 6 คัน คอนโดมิเนียมย่านแจ้งวัฒนะ และบ้านพักย่านปทุมธานี รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

โดยเบื้องต้นทราบว่า บ้านหลังดังกล่าว เป็นชื่อ ดต.มนัส เพิ่งเข้าอยู่เมื่อประมาณเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นบ้านที่เพิ่งซื้อใหม่ บ้านแฝด 2 ชั้น หลังละประมาณ 1.5 ล้านบาท และได้มีการตกแต่งภายในใช้เงินไปประมาณกว่า 3 แสนบาท นอกจากนี้ยังได้ยึดตู้เซฟจากคอนโดฯ ย่านรัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี พบทองคำแท่ง น้ำหนัก 20 บาท อาวุธปืนยี่ห้อกล็อก 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 11 ม.ม. 9 นัด กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 9 นัด สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารระบุชื่อด.ต.มนัส 1 เล่ม และระบุชื่อของผู้อื่นอีกเล่ม โฉนดที่ดิน 2 ฉบับ และเงินสดจำนวนหนึ่ง รวมทั้งหมด 13 รายการ

วันที่สองของการไล่ล่าดาบมนัสยังทำตัวเป็นขอมดำดิน ขณะที่แนวทางการสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถออกหมายจับเครือข่ายเดียวกับด.ต.มนัสเพิ่มอีก 6 รายประกอบด้วย ด.ต.ประวิน ทวยภา อดีตตำรวจสน.ประชาชื่น ซึ้่งเป็นหัวหน้าแก๊งนางสุชาดา ทวยภา ภรรยา ด.ต.ประวินอยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ 25 ต.ไผ่เขียว อ.สว่างอารมณ์ จ.อุทัยธานี นายสถิต แสงหล้า นางบัวไข แสงหล้า สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 179/1 หมู่ 3 ต.ลาดยาว อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี และนายระพิน คำแฝง กับนาง สุเทพ คำแฝง สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 22 ต.เทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร

ขณะเดียวกัน (ป.ป.ส.) ภาค 6 ร่วมกับพล.ต.ต.ชัชวาลย์ วชิรปาณีกุล ผบก.อุทัยธานี นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 7 หมู่ 25 ต.ไผ่เขียว อ.สว่างอารมณ์ จ.อุทัยธานี ของด.ต.ประวิน และนางสุชาดา พบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส ทะเบียน กค 6769 อุทัยธานี รถไถนา อาวุธปืนลูกซอง อาวุธปืนลูกกรดติดลำกล้อง อาวุธปืนขนาด .45 พร้อมกระสุน รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน งธล 762 ชลบุรี ที่ดิน 40 ไร่เศษ พร้อมบ้าน 2 หลัง จากนั้นเจ้าหน้าที่อีกชุดเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 179/1 หมู่ 3 ต.ลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ของนายสถิต แสงหล้า พี่ชายของนางสุชาดา ยึดรถไถนา รถบรรทุก 6 ล้อ และบ้านพัก รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 5,000,000 บาท

จากการสอบสวนนายขัน และนางคำหล้า แสงหล้า พ่อแม่ของนางสุชาดาและนายสถิตให้การว่า มาเฝ้าบ้านให้ด.ต.ประวิน ลูกเขย และนางสุชาดา ลูกสาวเท่านั้น ทราบว่าด.ต.ประวินเคยเป็นตำรวจอยู่กรุงเทพฯ ลาออกมาเมื่อพ.ศ.2553 โดยทั้ง 2 คนบอกว่ามีอาชีพปล่อยเงินกู้อยู่กรุงเทพฯ หลังจากนั้นก็มาซื้อที่ดินและสร้างบ้านเสร็จก็ให้ตน และภรรยามาเฝ้าบ้าน จนกระทั่งมาทราบเรื่องต่างๆ ที่ลูกสาว ลูกชาย พร้อมลูกเขย และลูกสะใภ้ร่วมแก๊งค้ายาบ้า

ผบ.ตร.ยังสั่งการเพิ่มเติมว่า ให้พิจารณาความบกพร่องของผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ตามคำสั่งกรมตำรวจที่ 1212/2537 เรื่องมาตรการควบคุมและเสริมสร้างความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ ด้วยว่าผู้บังคับบัญชามีความบกพร่อง ละเลยการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาหรือไม่ เพราะผบ.ตร. สั่งเน้นย้ำไปแล้วว่าเป็นผู้บังคับบัญชาต้องสอดส่อง กวดขัน การประพฤติปฏิบัติและความเป็นอยู่ผู้ของผู้ใต้บังคับบัญชา กรณีนี้ต้องถามผู้บังคับบัญชาทราบหรือไม่ว่าลูกน้องไปทำอะไร ลาไปหรือไม่ หรือเอาเวลาราชการลาไปไหน และบอกกล่าวกันหรือไม่

หลังดาบมนัสถูกไล่ล่าและกดดันอย่างหนักหน่วง 2 วัน 2 คืนเต็มจึงตัดสินใจติดต่อขอเข้ามอบตัวโดยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้ส่งตำรวจ 191 เดินทางไปรับตัวถึงอ.งาว จ.ลำปาง ก่อนนำตัวมาแถลงข่าวในวันรุ่งขึ้น โดยพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เชื่อว่าผู้บังคับบัญชารู้สึกเสียใจกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำตัวแบบนี้ แต่ตำรวจทำผิดก็ต้องได้รับโทษ ส่วนการสอบสวนขยายผลต่างๆนั้น จะรีบดำเนินการส่งตัวไปให้ทางจ.ลำปาง ดำเนินการสอบสวนต่อไป

ด้าน ด.ต.มนัส สารภาพว่า ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจและมีเพื่อนอดีตข้าราชการตำรวจ สน.ประชาชื่น ชักชวน ซึ่งเห็นว่ารายได้ดีจึงทำการดังกล่าว และทำมาได้เกือบ 2 ปีแล้วแต่กี่รอบนั้นจำไม่ได้เพราะตนจะเว้นช่วงไว้นาน ซึ่งไม่น่าเกิน 10 ครั้ง และมาอยู่ที่สน.ประชาชื่น ตั้งแต่ปี 2535

ด.ต.มนัส กล่าวอีกว่า ตนจะหยุดขนยาเสพติดดังกล่าวแล้วประมาณ 3-4 เดือน เพราะคิดว่าอาจจะถูกจับกุมสักวันหนึ่ง และจะไปช่วยงานในหน้าที่อื่นจะไม่กลับมายุ่งตรงจุดนี้แล้ว แต่ว่าทางเพื่อนชักชวนให้มาช่วยขนยาเสพติดอีกสักครั้ง ส่วนที่เป็นหนี้นั้นไม่มีปัญหาอะไรเพราะตนสามารถกู้เงินทางสหกรณ์มาใช้

ด.ต.มนัส กล่าวต่อว่า ยาเสพติดที่ถูกจับกุมได้นั้นเป็นยาเสพติดที่เป็นเครือข่ายจากทางภาคเหนือ และตนได้ติดต่อผ่านทางคนชื่อ พี่เพ็ญ และรับยามาจากเฮียใหญ่ ชาวพม่า ซึ่งพี่เพ็ญจะโทรศัพท์มาบอกล่วงหน้าสัก 2-3 วัน ว่าจะมีงานมาแล้วให้เตรียมตัว ส่วนค่าจ้างที่ได้มานั้นจะหารกัน 3 คน ทั้ง พี่เพ็ญ ตน และคนที่วิ่งรถนำทาง ซึ่งตนจะได้รายค่าจ้างเฉลี่ยต่อครั้ง 1-2 ล้านบาทต่อครั้ง และรายได้สูงสุดคือ 2.2 ล้านบาท โดยยาเสพติดที่ขนมาแต่ละครั้งนั้นตนก็ไม่ทราบจำนวนที่แท้จริงเพราะทุกครั้งที่ขนขึ้นรถเสร็จก็รีบขับรถกลับทันที

“ผมมีหน้าที่เอายาเสพติดใส่รถและขับรถกลับจากจ.เชียงราย มายังกรุงเทพฯ ซึ่งทุกครั้งผมจะเป็นคนขับรถกลับมาเอง และไม่จ้างคนอื่นขับให้ ส่วนที่รอดในการจับกุมทุกครั้งเพราะมีรถวิ่งนำทางให้ก่อนเพราะถ้าเจอด่านตรวจก็จะหาทางหลบ และถ้ามาไม่ได้ก็จะไม่มา โดยจะนอนค้างคืนก่อน ทั้งนี้ ผมก็ไม่กล้าใช้อาชีพตำรวจผ่านทาง เพราะตำรวจด้วยกันน่าจะมองกันออกเพราะคนมันทำผิด มันทันกัน ส่วนชุดตำรวจในรถที่พบนั้น ที่จริงชุดตำรวจนำติดรถอยู่แล้วเพราะต้องเข้าเวรจราจรตามปกติ” ด.ต.มนัส กล่าว

ด.ต.มนัส กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่เข้ามอบตัวเพราะตนได้ปรึกษากับทางครอบครัวและเห็นว่าตนกระทำผิดจริง โดยโทรศัพท์หานายเวร พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. และพ.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบก.สปพ. ให้มารับที่จ.ลำปาง รวมทั้ง รถยนต์ที่ใช้เป็นของกลุ่มค้ายาเสพติดที่จัดหามาให้บางคัน แต่ตนก็ไม่ทราบที่มาเพราะบอกเพียงว่าตนมีหน้าที่ขับเท่านั้น นอกจากนี้ ในส่วนที่ตนหยุดหรือลาราชการไปนั้น ซึ่งที่จริงแล้ววันเสาร์และวันอาทิตย์จะเป็นวันหยุดของตนอยู่แล้ว โดยจะหยุดอาทิตย์เว้นอาทิตย์ แต่บางทีตนก็จ้างเวรเพื่อนบ้าง ไม่ได้ขาดงานแต่อย่างใด

โดยล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ได้ติดตามยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์สินเครือข่ายค้ายาดังกล่าว มูลค่า 77.77 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.นายธิติ เพ็งสุข รวม 4.8 ล้านบาท ได้แก่ รถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ทะเบียน ญฏ 2706 กทม.1 คัน บัญชีเงินฝาก 5 บัญชี นาฬิกา 9 เรือน รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮาเลยดวิสัน 1 คัน ที่ดิน 1 แปลง 2.ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ รวม 20.61 ล้านบาท ได้แก่ บ้านพร้อมที่ดิน1 หลัง คอนโดซิตี้โฮม 1 ห้อง ทองคำแท่ง 20 บาท ทองรูปพรรณ14 รายการ อาวุธปืน 1 กระบอก รถยนต์ 4 คัน บัญชีเงินฝาก 3 บัญชี มูลค่า 366,522 บาท โฉนดที่ดิน 8 แปลง จยย.2 คัน

3. นายสถิต -นางบัวไข แสงหล้า รวม 26.1 ล้านบาท ได้แก่ ทองรูปพรรณ และพระพร้อมกรอบทอง 7 รายการ รถไถ 1 คัน รถแท็กเตอร์ 2 คัน รถหกล้อ 1 คัน รถตักดิน 1 คัน ที่ดิน 40 ไร่ รถจยย. 1 คัน 4.นายประทิน - นางสุชาดา ทวยภา รวม 26.2 ล้านบาท ได้แก่รุยนต์ 1คัน รถไถ 1 คัน รถจยย.1 คัน อาวุธปืน 2 กระบอก ที่ดิน 44 ไร่ พร้อมบ้าน 2 หลัง 5.นายระพิณ คำแฝงและนายสุเทพ คำแฝง อยู่ระหว่างการตรวจสอบทรัพย์สินในเขตอ.เมือง จ.กำแพงเพชร

คดีดาบมนัสขนยานรก ทำเอาวงการสีกากีเหม็นไปทั้งบาง ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ อย่ากล่าวเพียงคำว่าเสียใจ หรือปัดสวะว่าคนกระทำผิดมีอยู่ในทุกวงการ ผู้บังคับบัญชาคงไปติดตามพฤติกรรมลูกน้องทุกฝีก้าวไม่ได้ เพราะเมื่อหมดเวลาราชการไปแล้วถือเรื่องส่วนตัว

แล้วอย่างนี้จะดูแลทุกข์สุขให้ประชาชนกว่า 60 ล้านคนให้สมกับความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้อย่างไร ในเมื่อตำรวจทั้งประเทศมีแค่ 2 แสนกว่านายยังดูแลกันเองไม่ทั่วถึงเลย ......


รถยนต์ของกลางที่ถูกยึด
กำลังโหลดความคิดเห็น