ASTVผู้จัดการายวัน - บช.น.นำตัว"ดาบตำรวจมนัส" ผบ.หมู่งานจราจร สน.ประชาชื่น ผู้ต้องหาขนยาเสพติดมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท ซึ่งหลบหนีการไล่ล่าและกดดันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.งาว จ.ลำปาง นานเกือบ 3 วันแถลงข่าว หลังตัดสินใจเข้ามอบตัว สารภาพอดีตนายดาบนอกราชการหัวหน้าแก๊งชักชวนขนยานรกเมื่อ 2 ปีก่อน ทำมาร่วม 10 ครั้ง ป.ป.ส.เผยมีบัญชีทรัพย์สินกว่า 20 ล้าน ด้านผบ.ตร.งัดกฏเหล็กที่ 1212/2537 จ้องฟันผู้บังคับบัญชา ไม่สนใจความประพฤติลูกน้องในสังกัด
วานนี้ (24 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.2 นำตัว ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ ผบ.หมู่งานจราจร สน.ประชาชื่น ผู้ต้องหาลักลอบขนยาบ้าจำนวนกว่า 1.2 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 5 กิโลกรัม ที่หลบหนีในพื้นที่จ.ลำปาง มาแถลงข่าว พร้อมของกลาง รถยนต์โตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว หมายเลขทะเบียน ฆจ 7331 กทม. รถยนต์บี เอ็ม ดับเบิ้ลยู รุ่น 525 ไอ สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน ญธ 9981 กทม. รถยนต์เบนซ์ รุ่นบราบัส สีขาว หมายเลขทะเบียน ญฌ 9981 กทม. รถจยย.ยามาฮ่า รุ่นฟิโน่ สีดำครีม หมายเลขทะเบียน ฬรย 54 กทม. รถเวสป้า รุ่นจีทีวี 250 หมายเลขทะเบียน ฬยฉ 999 กทม. อาวุธปืน 2 กระบอกและเครื่องกระสุน ป้ายทะเบียนรถปลอม สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม แหวนสร้อยคอทองคำและโฉนดที่ดินเอกสารต่างๆ จำนวนหนึ่ง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคอมมานโดจาก 191 คอยคุ้มกันผู้ต้องหา
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งตนได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยออกติดตามร่วมกับทางบช.ปส. และทางบช.ภ.5 ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกันได้ให้ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนตำรวจของ ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ เร่งติดตามตัวจนในที่สุด ด.ต.มนัส ได้ติดต่อเข้ามา จนผู้บังคับบัญชาการได้เดินทางไปรับตัวที่จ.ลำปาง ยืนยันว่าด.ต.มนัส ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและจะดำเนินการขยายผลต่อไป ส่วนแนวทางการสอบสวนจะประสานกับทางบช.ภ.5 และส่งตัวไปดำเนินคดีทางกฎหมาย
"ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ สปพ.191 และ พ.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบก.สปพ. ที่พยายามติดต่อกับ ด.ต.มนัส จนในที่สุดเข้ามอบตัว เชื่อว่าผู้บังคับบัญชารู้สึกเสียใจกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำตัวแบบนี้ แต่ตำรวจทำผิดก็ต้องได้รับโทษ ส่วนการสอบสวนขยายผลต่างๆ นั้น จะรีบดำเนินการส่งตัวไปให้ทางจ.ลำปาง ดำเนินการสอบสวนต่อไป ส่วนคดีการยึดทรัพย์ทั้งหมดก็จะดำเนินการเข้าตรวจค้นอีกหลายจุดเพื่อขยายผล ซึ่งทางด.ต.มนัส ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี"
ด้านด.ต.มนัส สารภาพว่า ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจ แต่มีเพื่อนอดีตข้าราชการตำรวจ สน.ประชาชื่น ชักชวน ซึ่งเห็นว่ารายได้ดีจึงทำการดังกล่าว และทำมาได้เกือบ 2 ปีแล้ว แต่กี่รอบนั้นจำไม่ได้ เพราะตนจะเว้นช่วงไว้นาน ซึ่งไม่น่าเกิน 10 ครั้ง และมาอยู่ที่สน.ประชาชื่น ตั้งแต่ปี 2535และจะหยุดขนยาเสพติดประมาณ 3-4 เดือนแล้ว เพราะคิดว่าอาจจะถูกจับกุมสักวันหนึ่ง และจะไปช่วยงานในหน้าที่อื่นจะไม่กลับมายุ่งตรงจุดนี้แล้ว แต่ว่าทางเพื่อนชักชวนให้มาช่วยขนยาเสพติดอีกสักครั้ง ส่วนที่เป็นหนี้นั้น ไม่มีปัญหาอะไรเพราะตนสามารถกู้เงินทางสหกรณ์มาใช้
สำหรับยาเสพติดที่ถูกจับกุมได้ เป็นยาเสพติดที่เป็นเครือข่ายจากทางภาคเหนือ และตนได้ติดต่อผ่านทางคนชื่อ พี่เพ็ญ และรับยามาจากเฮียใหญ่ ชาวพม่า ซึ่งพี่เพ็ญจะโทรศัพท์มาบอกล่วงหน้าสัก 2-3 วัน ว่าจะมีงานมาแล้วให้เตรียมตัว ส่วนค่าจ้างที่ได้มา จะหารกัน 3 คน ทั้งพี่เพ็ญ ตน และคนที่วิ่งรถนำทาง ซึ่งตนจะได้รายค่าจ้างเฉลี่ยต่อครั้ง 1-2 ล้านบาทต่อครั้ง และรายได้สูงสุดคือ 2.2 ล้านบาท โดยยาเสพติดที่ขนมาแต่ละครั้ง ไม่ทราบจำนวนที่แท้จริง เพราะทุกครั้งที่ขนขึ้นรถเสร็จก็รีบขับรถกลับทันที
"ผมมีหน้าที่เอายาเสพติดใส่รถและขับรถกลับจาก จ.เชียงราย มายังกรุงเทพฯ ซึ่งทุกครั้งตนจะเป็นคนขับรถกลับมาเอง และไม่จ้างคนอื่นขับให้ ส่วนที่รอดในการจับกุมทุกครั้ง เพราะมีรถวิ่งนำทางให้ก่อน เพราะถ้าเจอด่านตรวจก็จะหาทางหลบ และถ้ามาไม่ได้ ก็จะไม่มา โดยจะนอนค้างคืนก่อน ทั้งนี้ ผมก็ไม่กล้าใช้อาชีพตำรวจผ่านทาง เพราะตำรวจด้วยกันน่าจะมองกันออก เพราะคนมันทำผิด มันทันกัน ส่วนชุดตำรวจในรถที่พบนั้น ที่จริงชุดตำรวจนำติดรถอยู่แล้ว เพราะต้องเข้าเวรจราจรตามปกติ” ด.ต.มนัส กล่าว
ด.ต.มนัส กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่เข้ามอบตัวเพราะตนได้ปรึกษากับทางครอบครัวและเห็นว่าตนกระทำผิดจริง โดยโทรศัพท์หานายเวร พ.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. และพ.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบก.สปพ. ให้มารับที่จ.ลำปาง รวมทั้งรถยนต์ที่ใช้เป็นของกลุ่มค้ายาเสพติดที่จัดหามาให้บางคัน แต่ตนก็ไม่ทราบที่มา เพราะบอกเพียงว่าตนมีหน้าที่ขับเท่านั้น นอกจากนี้ ในส่วนที่ตนหยุดหรือลาราชการไปนั้น ซึ่งที่จริงแล้ววันเสาร์และวันอาทิตย์จะเป็นวันหยุดของตนอยู่แล้ว โดยจะหยุดอาทิตย์เว้นอาทิตย์ แต่บางทีตนก็จ้างเวรเพื่อนบ้าง ไม่ได้ขาดงานแต่อย่างใด
พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวว่า ได้ตั้งข้อหา ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง
โดยข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ได้ติดตามยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์สินเครือข่ายค้ายาเสพติดภาคเหนือ มูลค่า 77.77 ล้านบาท ที่นำผู้ต้องหามาแถลงข่าวช่วงเช้าวันเดียวกันที่ สตช.แจ้งว่าทรัพย์สินของ ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ ที่ ตร.ยึดไว้ตรวจสอบเบื้องต้นรวม 20.61 ล้านบาท ได้แก่ บ้านพร้อมที่ดิน1 หลัง คอนโดมิเนียมซิตี้โฮม 1 ห้อง ทองคำแท่ง 20 บาท ทองรูปพรรณ 14 รายการ อาวุธปืน 1 กระบอก รถยนต์ 4 คัน บัญชีเงนฝาก 3 บัญชี มูลค่า 366,522 บาท โฉนดที่ดิน 8 แปลง จักรยานยนต์ 2 คัน
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวถึงกรณีที่พบตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติดหลายคดีในห้วงนี้ว่า ทั้งกรณีตำรวจ สน.ประชาชื่น และที่ สภ.ไชยปราการ นั้น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้ย้ำในประชุม ศปก.ตร. ชมเชยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมที่แม้ทราบว่าเป็นตำรวจก็ไม่ปลอ่ย ยังดำเนินการถึงที่สุด ส่วนในมุมที่ตำรวจและอดีตตำรวจไปเกี่ยวข้องขบวนการยาเสพติด ผบ.ตร.สั่งการดำเนินการทางวินัยและปกครองทั้งหมดอย่างเต็มที่ และย้ำให้ตรวจสอบผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นตามคำสั่งกรมตำรวจที่ 1212/2537 ที่ระบุชัดเจนในการที่ผู้บังคับบัญชาต้องดูแลเอาใจใส่ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ระดับผู้บังคับหมู่ ต้องมีรองสารวัตร สารวัตรดูแล ตามลำดับ ทุกกรณีต้องดูว่าผู้บังคับบัญชาสอดส่องต่อเนื่องหรือไม่ ถ้าไม่ดูแลกันเท่าที่ควรผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบด้วย
วานนี้ (24 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.2 นำตัว ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ ผบ.หมู่งานจราจร สน.ประชาชื่น ผู้ต้องหาลักลอบขนยาบ้าจำนวนกว่า 1.2 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 5 กิโลกรัม ที่หลบหนีในพื้นที่จ.ลำปาง มาแถลงข่าว พร้อมของกลาง รถยนต์โตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว หมายเลขทะเบียน ฆจ 7331 กทม. รถยนต์บี เอ็ม ดับเบิ้ลยู รุ่น 525 ไอ สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน ญธ 9981 กทม. รถยนต์เบนซ์ รุ่นบราบัส สีขาว หมายเลขทะเบียน ญฌ 9981 กทม. รถจยย.ยามาฮ่า รุ่นฟิโน่ สีดำครีม หมายเลขทะเบียน ฬรย 54 กทม. รถเวสป้า รุ่นจีทีวี 250 หมายเลขทะเบียน ฬยฉ 999 กทม. อาวุธปืน 2 กระบอกและเครื่องกระสุน ป้ายทะเบียนรถปลอม สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม แหวนสร้อยคอทองคำและโฉนดที่ดินเอกสารต่างๆ จำนวนหนึ่ง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคอมมานโดจาก 191 คอยคุ้มกันผู้ต้องหา
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งตนได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยออกติดตามร่วมกับทางบช.ปส. และทางบช.ภ.5 ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกันได้ให้ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนตำรวจของ ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ เร่งติดตามตัวจนในที่สุด ด.ต.มนัส ได้ติดต่อเข้ามา จนผู้บังคับบัญชาการได้เดินทางไปรับตัวที่จ.ลำปาง ยืนยันว่าด.ต.มนัส ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและจะดำเนินการขยายผลต่อไป ส่วนแนวทางการสอบสวนจะประสานกับทางบช.ภ.5 และส่งตัวไปดำเนินคดีทางกฎหมาย
"ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ สปพ.191 และ พ.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบก.สปพ. ที่พยายามติดต่อกับ ด.ต.มนัส จนในที่สุดเข้ามอบตัว เชื่อว่าผู้บังคับบัญชารู้สึกเสียใจกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำตัวแบบนี้ แต่ตำรวจทำผิดก็ต้องได้รับโทษ ส่วนการสอบสวนขยายผลต่างๆ นั้น จะรีบดำเนินการส่งตัวไปให้ทางจ.ลำปาง ดำเนินการสอบสวนต่อไป ส่วนคดีการยึดทรัพย์ทั้งหมดก็จะดำเนินการเข้าตรวจค้นอีกหลายจุดเพื่อขยายผล ซึ่งทางด.ต.มนัส ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี"
ด้านด.ต.มนัส สารภาพว่า ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจ แต่มีเพื่อนอดีตข้าราชการตำรวจ สน.ประชาชื่น ชักชวน ซึ่งเห็นว่ารายได้ดีจึงทำการดังกล่าว และทำมาได้เกือบ 2 ปีแล้ว แต่กี่รอบนั้นจำไม่ได้ เพราะตนจะเว้นช่วงไว้นาน ซึ่งไม่น่าเกิน 10 ครั้ง และมาอยู่ที่สน.ประชาชื่น ตั้งแต่ปี 2535และจะหยุดขนยาเสพติดประมาณ 3-4 เดือนแล้ว เพราะคิดว่าอาจจะถูกจับกุมสักวันหนึ่ง และจะไปช่วยงานในหน้าที่อื่นจะไม่กลับมายุ่งตรงจุดนี้แล้ว แต่ว่าทางเพื่อนชักชวนให้มาช่วยขนยาเสพติดอีกสักครั้ง ส่วนที่เป็นหนี้นั้น ไม่มีปัญหาอะไรเพราะตนสามารถกู้เงินทางสหกรณ์มาใช้
สำหรับยาเสพติดที่ถูกจับกุมได้ เป็นยาเสพติดที่เป็นเครือข่ายจากทางภาคเหนือ และตนได้ติดต่อผ่านทางคนชื่อ พี่เพ็ญ และรับยามาจากเฮียใหญ่ ชาวพม่า ซึ่งพี่เพ็ญจะโทรศัพท์มาบอกล่วงหน้าสัก 2-3 วัน ว่าจะมีงานมาแล้วให้เตรียมตัว ส่วนค่าจ้างที่ได้มา จะหารกัน 3 คน ทั้งพี่เพ็ญ ตน และคนที่วิ่งรถนำทาง ซึ่งตนจะได้รายค่าจ้างเฉลี่ยต่อครั้ง 1-2 ล้านบาทต่อครั้ง และรายได้สูงสุดคือ 2.2 ล้านบาท โดยยาเสพติดที่ขนมาแต่ละครั้ง ไม่ทราบจำนวนที่แท้จริง เพราะทุกครั้งที่ขนขึ้นรถเสร็จก็รีบขับรถกลับทันที
"ผมมีหน้าที่เอายาเสพติดใส่รถและขับรถกลับจาก จ.เชียงราย มายังกรุงเทพฯ ซึ่งทุกครั้งตนจะเป็นคนขับรถกลับมาเอง และไม่จ้างคนอื่นขับให้ ส่วนที่รอดในการจับกุมทุกครั้ง เพราะมีรถวิ่งนำทางให้ก่อน เพราะถ้าเจอด่านตรวจก็จะหาทางหลบ และถ้ามาไม่ได้ ก็จะไม่มา โดยจะนอนค้างคืนก่อน ทั้งนี้ ผมก็ไม่กล้าใช้อาชีพตำรวจผ่านทาง เพราะตำรวจด้วยกันน่าจะมองกันออก เพราะคนมันทำผิด มันทันกัน ส่วนชุดตำรวจในรถที่พบนั้น ที่จริงชุดตำรวจนำติดรถอยู่แล้ว เพราะต้องเข้าเวรจราจรตามปกติ” ด.ต.มนัส กล่าว
ด.ต.มนัส กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่เข้ามอบตัวเพราะตนได้ปรึกษากับทางครอบครัวและเห็นว่าตนกระทำผิดจริง โดยโทรศัพท์หานายเวร พ.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. และพ.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบก.สปพ. ให้มารับที่จ.ลำปาง รวมทั้งรถยนต์ที่ใช้เป็นของกลุ่มค้ายาเสพติดที่จัดหามาให้บางคัน แต่ตนก็ไม่ทราบที่มา เพราะบอกเพียงว่าตนมีหน้าที่ขับเท่านั้น นอกจากนี้ ในส่วนที่ตนหยุดหรือลาราชการไปนั้น ซึ่งที่จริงแล้ววันเสาร์และวันอาทิตย์จะเป็นวันหยุดของตนอยู่แล้ว โดยจะหยุดอาทิตย์เว้นอาทิตย์ แต่บางทีตนก็จ้างเวรเพื่อนบ้าง ไม่ได้ขาดงานแต่อย่างใด
พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวว่า ได้ตั้งข้อหา ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง
โดยข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ได้ติดตามยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์สินเครือข่ายค้ายาเสพติดภาคเหนือ มูลค่า 77.77 ล้านบาท ที่นำผู้ต้องหามาแถลงข่าวช่วงเช้าวันเดียวกันที่ สตช.แจ้งว่าทรัพย์สินของ ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ ที่ ตร.ยึดไว้ตรวจสอบเบื้องต้นรวม 20.61 ล้านบาท ได้แก่ บ้านพร้อมที่ดิน1 หลัง คอนโดมิเนียมซิตี้โฮม 1 ห้อง ทองคำแท่ง 20 บาท ทองรูปพรรณ 14 รายการ อาวุธปืน 1 กระบอก รถยนต์ 4 คัน บัญชีเงนฝาก 3 บัญชี มูลค่า 366,522 บาท โฉนดที่ดิน 8 แปลง จักรยานยนต์ 2 คัน
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวถึงกรณีที่พบตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติดหลายคดีในห้วงนี้ว่า ทั้งกรณีตำรวจ สน.ประชาชื่น และที่ สภ.ไชยปราการ นั้น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้ย้ำในประชุม ศปก.ตร. ชมเชยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมที่แม้ทราบว่าเป็นตำรวจก็ไม่ปลอ่ย ยังดำเนินการถึงที่สุด ส่วนในมุมที่ตำรวจและอดีตตำรวจไปเกี่ยวข้องขบวนการยาเสพติด ผบ.ตร.สั่งการดำเนินการทางวินัยและปกครองทั้งหมดอย่างเต็มที่ และย้ำให้ตรวจสอบผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นตามคำสั่งกรมตำรวจที่ 1212/2537 ที่ระบุชัดเจนในการที่ผู้บังคับบัญชาต้องดูแลเอาใจใส่ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ระดับผู้บังคับหมู่ ต้องมีรองสารวัตร สารวัตรดูแล ตามลำดับ ทุกกรณีต้องดูว่าผู้บังคับบัญชาสอดส่องต่อเนื่องหรือไม่ ถ้าไม่ดูแลกันเท่าที่ควรผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบด้วย