“ดาบตำรวจมนัส” ผบ.หมู่งานจราจร สน.ประชาชื่น ผู้ต้องหาขนยาเสพติดจากจ.ลำปางซึ่งหลบบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ตร.ได้เข้ามอบตัวแล้ว “คำรณวิทย์” นำตัวมาแถลงที่ บช.น. สารภาพเพื่อนเก่าชวนรับจ้างขนยานรกเมื่อ 2 ปีก่อนทำมาร่วม 10 ครั้ง คิดถอนตัว 3-4 เดือนก่อนแต่ดันมาถูกจับกุมเสียก่อน เผยบัญชีทรัพย์สินมีร่วม 20.61 ล้านบาท!
วันนี้ (24 ต.ค.) เวลา 15.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.2 นำตัว ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ ผบ.หมู่งานจราจร สน.ประชาชื่น ผู้ต้องหาลักลอบขนยาบ้าจำนวนกว่า 1.2 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 5 กิโลกรัม ที่หลบหนีในพื้นที่จ.ลำปาง มาแถลงข่าว พร้อมของกลางรถยนต์โตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว หมายเลขทะเบียน ฆจ 7331 กทม. รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู รุ่น 525 ไอ สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน ญธ 9981 กทม. รถยนต์เบนซ์ รุ่นบราบัส สีขาว หมายเลขทะเบียน ญฌ 9981 กทม. จักรยายานยนต์ยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีดำ-ครีม หมายเลขทะเบียน ฬรย 54 กทม. จักรยานยนต์เวสป้า รุ่นจีทีวี 250 หมายเลขททะเบียน ฬยฉ 999 กทม. อาวุธปืน 2 กระบอกและเครื่องกระสุน ป้ายทะเบียนรถปลอม สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม แหวนสร้อยคอทองคำและโฉนดที่ดินเอกสารต่างๆจำนวนหนึ่ง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคอมมานโดจาก 191 คอยคุ้มกันผู้ต้องหา
พล.ต.ท.คำรณวิทย์เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งตนได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยออกติดตามร่วมกับทาง บช.ปส. และทาง บช.ภ.5 ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกันได้ให้ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนตำรวจของ ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ เร่งติดตามตัวจนในที่สุด ด.ต.มนัส ได้ติดต่อเข้ามา จนผู้บังคับบัญชาการได้เดินทางไปรับตัวที่ จ.ลำปาง ยืนยันว่า ด.ต.มนัส ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและจะดำเนินการขยายผลต่อไป ส่วนแนวทางการสอบสวนจะประสานกับทาง บช.ภ.5 และส่งตัวไปดำเนินคดีทางกฎหมาย
พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ สปพ.191 และ พ.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบก.สปพ.ที่พยายามติดต่อกับ ด.ต.มนัส จนในที่สุดเข้ามอบตัว เชื่อว่าผู้บังคับบัญชารู้สึกเสียใจกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำตัวแบบนี้ แต่ตำรวจทำผิดก็ต้องได้รับโทษ ส่วนการสอบสวนขยายผลต่างๆนั้น จะรีบดำเนินการส่งตัวไปให้ทางจ.ลำปาง ดำเนินการสอบสวนต่อไป นอกจากนี้ ส่วนคดีการยึดทรัพย์ทั้งหมดก็จะดำเนินการเข้าตรวจค้นอีกหลายจุดเพื่อขยายผล ซึ่งทาง ด.ต.มนัสก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ด้าน ด.ต.มนัสสารภาพว่า ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจและมีเพื่อนอดีตข้าราชการตำรวจ สน.ประชาชื่น ชักชวน ซึ่งเห็นว่ารายได้ดีจึงทำการดังกล่าว และทำมาได้เกือบ 2 ปีแล้วแต่กี่รอบนั้นจำไม่ได้เพราะตนจะเว้นช่วงไว้นาน ซึ่งไม่น่าเกิน 10 ครั้ง และมาอยู่ที่ สน.ประชาชื่น ตั้งแต่ปี 2535
ด.ต.มนัส กล่าวอีกว่า ตนจะหยุดขนยาเสพติดดังกล่าวแล้วประมาณ 3-4 เดือน เพราะคิดว่าอาจจะถูกจับกุมสักวัน และจะไปช่วยงานในหน้าที่อื่นจะไม่กลับมายุ่งตรงจุดนี้แล้ว แต่ว่าทางเพื่อนชักชวนให้มาช่วยขนยาเสพติดอีกสักครั้ง ส่วนที่เป็นหนี้นั้นไม่มีปัญหาอะไรเพราะตนสามารถกู้เงินทางสหกรณ์มาใช้
ด.ต.มนัสกล่าวต่อว่า ยาเสพติดที่ถูกจับกุมได้นั้นเป็นยาเสพติดที่เป็นเครือข่ายจากทางภาคเหนือ และตนได้ติดต่อผ่านทางคนชื่อ พี่เพ็ญ และรับยามาจากเฮียใหญ่ ชาวพม่า ซึ่งพี่เพ็ญจะโทรศัพท์มาบอกล่วงหน้าสัก 2-3 วัน ว่าจะมีงานมาแล้วให้เตรียมตัว ส่วนค่าจ้างที่ได้มานั้นจะหารกัน 3 คน ทั้งพี่เพ็ญ ตน และคนที่วิ่งรถนำทาง ซึ่งตนจะได้รายค่าจ้างเฉลี่ยต่อครั้ง 1-2 ล้านบาทต่อครั้ง และรายได้สูงสุดคือ 2.2 ล้านบาท โดยยาเสพติดที่ขนมาแต่ละครั้งนั้นตนก็ไม่ทราบจำนวนที่แท้จริงเพราะทุกครั้งที่ขนขึ้นรถเสร็จก็รีบขับรถกลับทันที
“ผมมีหน้าที่เอายาเสพติดใส่รถและขับรถกลับจาก จ.เชียงราย มายังกรุงเทพฯ ซึ่งทุกครั้งจะเป็นคนขับรถกลับมาเอง และไม่จ้างคนอื่นขับให้ ส่วนที่รอดในการจับกุมทุกครั้งเพราะมีรถวิ่งนำทางให้ก่อน เพราะถ้าเจอด่านตรวจก็จะหาทางหลบ และถ้ามาไม่ได้ก็จะไม่มา โดยจะนอนค้างคืนก่อน ผมก็ไม่กล้าใช้อาชีพตำรวจผ่านทาง เพราะตำรวจด้วยกันน่าจะมองกันออกเพราะคนมันทำผิด มันทันกัน ส่วนชุดตำรวจในรถที่พบนั้น ที่จริงชุดตำรวจนำติดรถอยู่แล้วเพราะต้องเข้าเวรจราจรตามปกติ” ด.ต.มนัสกล่าว
ด.ต.มนัสกล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่เข้ามอบตัวเพราะตนได้ปรึกษากับทางครอบครัวและเห็นว่าตนกระทำผิดจริง โดยโทรศัพท์หานายเวร พ.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. และพ.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบก.สปพ. ให้มารับที่ จ.ลำปาง รวมทั้งรถยนต์ที่ใช้เป็นของกลุ่มค้ายาเสพติดที่จัดหามาให้บางคัน แต่ตนก็ไม่ทราบที่มาเพราะบอกเพียงว่ามีหน้าที่ขับเท่านั้น นอกจากนี้ ในส่วนที่ตนหยุดหรือลาราชการไปนั้น ซึ่งที่จริงแล้ววันเสาร์และวันอาทิตย์จะเป็นวันหยุดของตนอยู่แล้ว โดยจะหยุดอาทิตย์เว้นอาทิตย์ แต่บางทีตนก็จ้างเวรเพื่อนบ้าง ไม่ได้ขาดงานแต่อย่างใด
พล.ต.ต.ปริญญากล่าวว่า ได้ตั้งข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง
โดยข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ได้ติดตามยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์สินเครือข่ายค้ายาเสพติดภาคเหนือ มูลค่า 77.77 ล้านบาท ที่นำผู้ต้องหามาแถลงข่าวช่วงเช้าวันเดียวกันที่ สตช.แจ้งว่าทรัพย์สินของ ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ ที่ ตร.ยึดไว้ตรวจสอบเบื้องต้นรวม 20.61 ล้านบาท ได้แก่ บ้านพร้อมที่ดิน1 หลัง คอนโดมิเนียมซิตี้โฮม 1 ห้อง ทองคำแท่ง 20 บาท ทองรูปพรรณ 14 รายการ อาวุธปืน 1 กระบอก รถยนต์ 4 คัน บัญชีเงนฝาก 3 บัญชี มูลค่า 366,522 บาท โฉนดที่ดิน 8 แปลง จักรยานยนต์ 2 คัน