ตรงเป้า
ศรรามา
เมื่อไหร่จะสิ้นพันธุ์ชั่ว“โล้นอัปรีย์ - สีกากีจัญไร”
มันโผล่จากนรกอีกแล้ว“ตำรวจสารเลว”ที่เลวร้ายยิ่งกว่า“ตำรวจโจร” เพราะตำรวจโจรมันสร้างความเดือดร้อนแก่ตัวบุคคล แต่“ตำรวจค้ายาบ้า”มันทำลายสังคมและความมั่นคงของประเทศชาติ
ขบวนการค้ายาบ้าที่มี ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ ผบ.หมู่งานจราจร สน.ประชาชื่นเป็นหัวหน้าร่วมกับลูกน้องที่เป็นชาวบ้านอีก 7 คน เป็นขบวนการที่ใหญ่พอสมควรเห็นได้จากจำนวนยาเสพติดที่จับได้เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2555 ยาบ้า 2,480,000 เม็ด (แต่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หน้าระรื่นแถลงข่าวมีแค่ 1,280,000 เม็ด) กับยาไอซ์ 5 กิโลกรัมมันไม่ใช่ขบวนการกระจอกงอกง่อย
ต้องชื่นชมพ.ต.ท.สมโพธิ สะอิ้งแก้ว สวป.สภ.งาว จ.ลำปาง หัวหน้าด่านสกัดยาเสพติด ต.นาแก อ.งาว ซึ่งเป็นด่านปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง สกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดล็อตมหึมาทะลักเข้าสู่กรุงเทพฯ
นายฐิติ เพ็งสุข ขับรถเก๋งมิตซูบิชินำร่องมาติดกับที่ด่าน ด.ต.มนัสขับรถอีซูซุ มิว 7 บรรทุกยาเสพติดตามมาแล้วแหกด่านบึ่งหนี พ.ต.ท.สมโพธิไล่ตามยิงจนยางรถแตกรถเสียหลักพุ่งชนบ้านประชาชน ด.ต.มนัส ชักปืนจี้บังคับให้ชาวบ้านขี่มอเตอร์ไซค์หลบหนีจนกระทั่งน้ำมันมอเตอร์ไซค์หมดต้องเดินเท้าหายไปในป่าละเมาะข้างทาง
ศาลจังหวัดลำปางอนุมัติหมายจับ ด.ต.มนัส กับพวกอีก 6 คน1. ด.ต.ประวิน ทวยภา อดีตสายตรวจ สน.ประชาชื่นที่ถูกไล่ออกจากราชการนานแล้วคนนี้สนิทกับ ด.ต.มนัส เมื่อครั้งอยู่โรงพักเดียวกัน 2.นางสุชาดา ทวยภา เมีย ด.ต.ประวิน 3.นายสถิต แสงหล้า 4.นางบัวไข แสงหล้า ทั้ง 4 ผัวเมียบ้านอยู่ อ.สว่างอารมณ์และอ.ลานสัก จ.อุทัยธานี 5.นายระพิน คำแฝง 6.นางสุเทพ คำแฝง เมียนายระพิน บ้านอยู่อ.เมืองกำแพงเพชร
นายฐิติผู้ต้องหาคนแรกที่ถูกจับคาด่านตรวจสารภาพว่าลำเลียงยาบ้าเข้ากรุงเทพฯ มาแล้ว 10 ครั้งเริ่มตั้งแต่จำนวนแสนเม็ดจนถึงล้านเม็ดก็นี่เองทำให้ ด.ต.มนัส ร่ำรวยมหาศาลจากการตรวจทรัพย์สินของ ด.ต.มนัสเท่าที่พบมีจำนวนหลายสิบล้านบาท แค่ดาบตำรวจมีทั้งรถเบนซ์สปอร์ต รถบีเอ็มดับเบิลยู รถโตโยต้าวีออส มอเตอร์ไซค์ 2 คันทองคำแท่งหนัก 20 บาท เงินสดโฉนดที่ดินมีทั้งบ้านหรูและคอนโดมิเนียมรวมทั้งลูกน้องร่วมแก๊งก็มีทรัพย์สินหลักล้านเช่นกัน
คืนวันที่ 23 ตุลาคมต่อเนื่องวันที่ 24 ตุลาคม นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของนครบาลโทรศัพท์ติดต่อกับ ด.ต.มนัส แล้วดอดไปรับตัวกันที่ ต.บ้านอ้อน อ.งาว เข้ากรุงเทพฯโดยที่ตำรวจพื้นที่ไม่รู้เรื่องมารู้อีกทีตอนเช้าวันที่ 24 ตุลาคม
พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภูธร 5 หน้าชาไหมระหว่างที่ไล่ล่า ด.ต.มนัส กันจ้าละหวั่นตำรวจสภ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ก็รวบตำรวจ“พันธุ์ชั่ว”อีกราย ร.ต.ต.ประพันธ์ เนตรสุวรรณ์ อายุ 54 ปี เพิ่งติดยศร้อยตำรวจตรีตามหลักเกณฑ์ชั้นประทวนอายุ 53 เลื่อนไหลเป็นสัญญาบัตรถูกจับบนรถทัวร์สายเชียงใหม่-ฝาง พร้อมยาบ้า 32 เม็ดในกระเป๋าสตางค์และซุกซ่อนอีก 1,000 เม็ดอยู่ในบ้านพักที่ อ.แม่อาย ยังมีหน้าอ้างว่าซื้อมาจากชาวเขาเอามาไว้เสพไม่ได้จำหน่าย
ส่วนพฤติกรรมระยำของตำรวจนครบาลในช่วงนี้เริ่มจาก สวป.สน.ทองหล่อ จาก รองสวป.สน.บางยี่ขัน มาถึง ผบ.หมู่จราจร สน.ประชาชื่น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.แสดงความเห็นว่าตำรวจพันธุ์นี้มีอยู่ทั่วไปไม่เฉพาะแต่นครบาลเท่านั้นและ 3 รายของนครบาลก็เป็นเพียงส่วนน้อยซึ่งยากต่อการแก้ไขจัดการ
แต่พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ไม่ได้คิดตื้น ๆ อย่างนั้นสั่งให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้บังคับบัญชาของ ด.ต.มนัส ตามคำสั่งกรมตำรวจที่1212 / 2537 เมื่อครั้งพล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา เป็นอธิบดีกรมตำรวจกรณีผู้ใต้บังคับบัญชากระทำความผิดร้ายแรงผู้บังคับบัญชาต้องถูกพิจารณาโทษด้วยฐานปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา
ถ้าเป็นกรณีของ ด.ต.มนัส ก็ต้องไล่เรียงจากผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นตั้งแต่ พ.ต.ท.ธานินทร์ อินทพรต สว.จร.พ.ต.ท.ณรงค์ชัย น้อยศรี รอง ผกก.จร.และพ.ต.อ.จักร อ่อนนิ่ม ผกก.สน.ประชาชื่น
พ.ต.ท.ณรงค์ชัยจะอ้างว่าเมื่อ ด.ต.มนัส ออกเวรแล้วไม่สามารถติดตามไปดูพฤติกรรมของ ด.ต.มนัสได้เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวนั้น คงไม่ใช่เหตุผลที่ผู้บังคับบัญชาจะปัดสวะให้พ้นตัวได้ง่าย ๆ
และกรณีล่าสุดของ ร.ต.ต.ประพันธ์ ก็ต้องสอบสวน สวป.ผู้บังคับ
บัญชาโดยตรงซึ่ง สภ.แม่อาย มีสวป. 2 นาย ร.ต.ต.ประพันธ์อยู่กับใครก็ต้องสอบคนนั้น จาก สวป.ก็เป็นพ.ต.ท.สมชาย อินทะวงศ์ รอง ผกก.ป.และ พ.ต.อ.สุรชัย ศุภยศอมร ผกก.
ถ้าไม่สอบสวนพิจารณาโทษอย่างนี้ตำรวจพันธุ์ชั่วก็จะแพร่พันธุ์เต็มบ้านเต็มเมืองสร้างความเดือดร้อนแก่สังคมไม่สิ้นสุดแม้เจ้าหน้าที่พยายามสกัดกั้นจับกุมอยู่ทุกวันแต่ยาบ้าก็ยังเล็ดลอดจากเหนือจากอีสานเข้าสู่กรุงเทพฯ และลงภาคใต้มันระบาดแทรกซึมเข้าไปทุกวงการไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษาหรือวัดวาอาราม โดยเฉพาะวงการสงฆ์มีข่าวปรากฏอยู่ไม่เว้นวางเรื่องพระเณรเสพยาบ้าและค้ายาบ้า
รายล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมนี่เองที่จังหวัดชลบุรีนายอำเภอสัตหีบร่วมกับตำรวจ สภ.นาจอมเทียนบุกจับคาหนังคาเขาพระ 5 เณร 2 นอกจากเมาเหล้ามั่วยาบ้ายาไอซ์แล้วยังมั่วสาววัยรุ่นในกุฏิด้วย
พวกมันเป็นปลวกทำลายพระพุทธศาสนาเป็นแค่โล้นห่มเหลืองไม่มีศีลไม่มีธรรมไม่ใช่พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า แต่เป็น“โล้นอัปรีย์” ที่มีอยู่มากมายในขณะนี้ พวกมันผุดขึ้นจากนรกมาเป็นคู่เคียงพวก “สีกากีจัญไร”
คำถามที่ว่าเมื่อไหร่โล้นอัปรีย์กับสีกากีจัญไรจะสูญพันธุ์กลับไปสู่นรกภูมิอย่างเดิม ก็มีคำตอบว่าผู้ที่จะจัดการป้องกันแก้ไขในเรื่องโล้นอัปรีย์อยู่ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและคณะกรรมการมหาเถรสมาคมต้องลืมตามองโลกภายนอกเห็นหรือยังใครมันทำให้พุทธศาสนาเสื่อมทรุด
ส่วนผู้ที่จะทำให้สายพันธุ์ชั่วทั้งสอง "สูญพันธุ์"ได้อย่างเด็ดขาด เพราะมีอำนาจมีกฎหมายอยู่ในมืออยู่ที่คนนี้คนเดียว......พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ.