ASTVผู้จัดการรายวัน-ลุ้นการประชุมหน่วยงานที่เกียวข้องวันนี้ ถกปรับโครงสร้างราคาแอลพีจี หลังยอดการใช้แอลพีจี 9 เดือนแรกฉุดไม่อยู่เฉลี่ย 6.05 แสนตันต่อเดือน ต้องนำเข้าที่ 1.48 แสนตันต่อเดือน ธพ.ต้องคุมการจัดสรรแอลพีจีให้ผู้ค้าไม่ให้เพิ่มขึ้น หวังเบรกนำเข้าไม่ให้ทะลุ 1.8 แสนตันต่อเดือน เพราะเกินความสามารถของคลังปตท. ขณะที่ กบง.รีดเงินเข้ากองทุนฯ ทุกชนิด 50 สต./ลิตรเว้น อี 85 แถมเหลือลดขายปลีกอีก 50 สต./ลิตรทุกชนิดเว้นดีเซลมีผลพรุ่งนี้
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า วันนี้ (25ต.ค.) จะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคลัง คมนาคม และพาณิชย์ เพื่อสรุปแนวทางการปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีทั้งระบบ ซึ่งจะต้องดูเป็นกลุ่มที่ขณะนี้มีทั้งภาคขนส่ง อุตสาหกรรม ครัวเรือน โดยจะต้องรับฟังความเห็นของหน่วยงานอื่นๆ แต่ยืนยันว่าการตัดสินใจจะดูแลภาพรวมเศรษฐกิจ ทั้งนี้ มติเดิมให้ตรึงครัวเรือนไปจนถึงสิ้นปีนี้
สำหรับที่ประชุมกบง. ได้เห็นชอบปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันทุกประเภท 50 สตางค์ต่อลิตรยกเว้นแก๊สโซฮอล์ อี 85 คงเดิม มีผลตั้งแต่ 25 ต.ค. เป็นต้นไป หลังค่าการตลาดผู้ค้าเพิ่มสูงจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับลดลงแรง ขณะเดียวกันผู้ค้ายังมีค่าการตลาดเหลือทำให้สามารถปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันลงได้อีก 50 สตางค์ต่อลิตรทุกชนิดเว้นดีเซลคงเดิม ซึ่งการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ครั้งนี้ ทำให้กองทุนฯ มีรายรับเป็นบวก 15.42 ล้านบาทต่อวันจากที่ติดลบ 21.42 ล้านบาทต่อวัน
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า ทิศทางการใช้แอลพีจี 9 เดือนแรกของปีนี้ยังคงขยายตัว 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือใช้ทั้งสิ้นเฉลี่ย 6.05 แสนตันต่อเดือน ทำให้ต้องนำเข้าเฉลี่ย 1.48 แสนตันต่อเดือน หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 34.5% ทำให้ขณะนี้ ธพ. จะต้องพยายามคุมการนำเข้าไม่ให้เกิน 1.8 แสนตันต่อเดือน เพราะจะเกินความสามารถคลังของ บมจ.ปตท. ที่เขาบ่อยาที่รองรับได้เพียง 1.3 แสนตันต่อเดือน ซึ่งขณะนี้ใช้เรือลอยลำนำเข้ามา หากเพิ่มขึ้นจะทำให้ค่าใช้จ่ายแพงมากตามไปด้วย ดังนั้น ธพ.จึงขอความร่วมมือไปยังผู้ค้าแอลพีจีที่จะต้องคุมยอดขายไม่ให้สูงเกินไปกว่าปกติเพื่อจัดสรรแอลพีจีให้เพียงพอ
“ผู้ค้าแอลพีจีจะต้องส่งแผนธุรกิจมายัง บมจ.ปตท. และเราเองก็จะต้องมาดูแลบริหารการนำเข้าที่จะต้องจัดสรรให้เหมาะสมโดยขณะนี้ ถ้ารายได้ขอแอลพีจีเพิ่มขึ้นจากปกติ เราเองก็คงต้องขอความร่วมมือที่จะพยายามไม่เพิ่มให้ เพื่อไม่ให้นำเข้าเกินความสามารถของคลัง ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2551 จนถึงก.ย.2555 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องชดเชยการนำเข้าแอลพีจีและโรงกลั่นรวมแล้ว 8.92 หมื่นล้านบาท”นายวีระพลกล่าว
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า วันนี้ (25ต.ค.) จะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคลัง คมนาคม และพาณิชย์ เพื่อสรุปแนวทางการปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีทั้งระบบ ซึ่งจะต้องดูเป็นกลุ่มที่ขณะนี้มีทั้งภาคขนส่ง อุตสาหกรรม ครัวเรือน โดยจะต้องรับฟังความเห็นของหน่วยงานอื่นๆ แต่ยืนยันว่าการตัดสินใจจะดูแลภาพรวมเศรษฐกิจ ทั้งนี้ มติเดิมให้ตรึงครัวเรือนไปจนถึงสิ้นปีนี้
สำหรับที่ประชุมกบง. ได้เห็นชอบปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันทุกประเภท 50 สตางค์ต่อลิตรยกเว้นแก๊สโซฮอล์ อี 85 คงเดิม มีผลตั้งแต่ 25 ต.ค. เป็นต้นไป หลังค่าการตลาดผู้ค้าเพิ่มสูงจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับลดลงแรง ขณะเดียวกันผู้ค้ายังมีค่าการตลาดเหลือทำให้สามารถปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันลงได้อีก 50 สตางค์ต่อลิตรทุกชนิดเว้นดีเซลคงเดิม ซึ่งการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ครั้งนี้ ทำให้กองทุนฯ มีรายรับเป็นบวก 15.42 ล้านบาทต่อวันจากที่ติดลบ 21.42 ล้านบาทต่อวัน
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า ทิศทางการใช้แอลพีจี 9 เดือนแรกของปีนี้ยังคงขยายตัว 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือใช้ทั้งสิ้นเฉลี่ย 6.05 แสนตันต่อเดือน ทำให้ต้องนำเข้าเฉลี่ย 1.48 แสนตันต่อเดือน หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 34.5% ทำให้ขณะนี้ ธพ. จะต้องพยายามคุมการนำเข้าไม่ให้เกิน 1.8 แสนตันต่อเดือน เพราะจะเกินความสามารถคลังของ บมจ.ปตท. ที่เขาบ่อยาที่รองรับได้เพียง 1.3 แสนตันต่อเดือน ซึ่งขณะนี้ใช้เรือลอยลำนำเข้ามา หากเพิ่มขึ้นจะทำให้ค่าใช้จ่ายแพงมากตามไปด้วย ดังนั้น ธพ.จึงขอความร่วมมือไปยังผู้ค้าแอลพีจีที่จะต้องคุมยอดขายไม่ให้สูงเกินไปกว่าปกติเพื่อจัดสรรแอลพีจีให้เพียงพอ
“ผู้ค้าแอลพีจีจะต้องส่งแผนธุรกิจมายัง บมจ.ปตท. และเราเองก็จะต้องมาดูแลบริหารการนำเข้าที่จะต้องจัดสรรให้เหมาะสมโดยขณะนี้ ถ้ารายได้ขอแอลพีจีเพิ่มขึ้นจากปกติ เราเองก็คงต้องขอความร่วมมือที่จะพยายามไม่เพิ่มให้ เพื่อไม่ให้นำเข้าเกินความสามารถของคลัง ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2551 จนถึงก.ย.2555 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องชดเชยการนำเข้าแอลพีจีและโรงกลั่นรวมแล้ว 8.92 หมื่นล้านบาท”นายวีระพลกล่าว
