กบง.ดึงเงินกองทุนน้ำมันฯ ชดเชยราคา E20 เพิ่ม ดันราคาขายปลีกลดลง 1 บาทต่อลิตร มีผลพรุ่งนี้ (13 ต.ค.) ถ่างส่วนต่างราคาจากแก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 2 บาทต่อลิตร จูงใจการใช้กรุยทางเลิกเบนซิน 91 วันที่ 1 ม.ค. 56 พร้อมเบรกขายปลีกน้ำมันกลุ่มอื่นๆ ปรับขึ้น โดยยอมควักเงินกองทุนฯ อุ้มรวม 1,200 ล้านบาท/เดือน พร้อมปรับสัดส่วนบี4 เป็นบี5 มีผล 1 พ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันได้แจ้งปรับราคาขายปลีกเฉพาะแก๊สโซฮอล์ E20 ลง 1 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค.เป็นต้นไป ทำให้ราคาอี20 อยู่ที่ 33.68 บาทต่อลิตรภายหลังจากที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มอัตราชดเชย E20 จากเดิม 0.90 บาทต่อลิตรเป็น 2.30 บาทต่อลิตร
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวหลังการประชุม กบง.ว่า การชดเชยดังกล่าวเป็นไปตามคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่จะยกเลิกการใช้เบนซิน 91 ในวันที่ 1 ม.ค. 56 จึงต้องการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนโดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ให้มากขึ้น โดยมติครั้งนี้ทำให้ราคาขายปลีกของ E20 จะต่างจากแก๊สโซฮอล์ 91 จากเดิมเพียง 1 บาทต่อลิตรเป็น 2 บาทต่อลิตรเพื่อจูงใจการใช้มากขึ้น ซึ่งหากผู้บริโภคตอบสนองดีจะเพิ่มส่วนต่างให้เป็น 3 บาทต่อลิตรต่อไป
นอกจากนี้ยังเห็นชอบลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 และแก๊สโซฮอล 95 ลง 0.40 บาท/ลิตร ส่วนน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 มีการชดเชยเพิ่มขึ้น 0.40 บาท/ลิตร และปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซล 0.30 บาท/ลิตร สำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
“ยอมรับว่าครั้งนี้เราได้ดูแลน้ำมันทุกประเภทซึ่งรวมถึงกลุ่มเบนซินด้วย เพราะหากไม่เข้าไปอุดหนุนอาจต้องขึ้นราคาอีกซึ่งไม่อยากเห็นเบนซิน 95 ไปแตะระดับ 50 บาทต่อลิตรเพราะเป็นตัวเลขจิตวิทยา ก็เลยอยากดูแลผลกระทบให้ประชาชน ซึ่งผลครั้งนี้ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีเงินไหลออกจากเดิมวันละ 20 ล้านบาทเป็นวันละ 40 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 1,200 ล้านบาท” นายณอคุณกล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง.ยังได้เห็นชอบการเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล โดยมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานปรับเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลจากเดิม 4% เป็น 5% หรือปรับจากบี4 เป็นบี 5 ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 เป็นต้นไป ทั้งนี้เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มดิบล้นตลาด โดยกำหนดกรอบปริมาณน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือไม่ต่ำกว่า 2 แสนตัน/เดือน หากเมื่อใดปริมาณน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือต่ำกว่า 2 แสนตัน/เดือน ให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องประชุมหารือเพื่อหาทางบริหารจัดการต่อไป