สนพ.เผย ปตท.-บางจากยังรับภาระตรึงราคาน้ำมันดีเซลต่อไปได้

สนพ.หารือค่าการตลาดน้ำมันดีเซลลดต่ำเหลือ 90 สตางค์ต่อลิตรหลังน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ปิดตลาดวันที่ 27 ส.ค.ขยับแรงสวนทางน้ำมันดิบร่วง ปตท.-บางจากยังกัดฟันตรึงดีเซลรอตลาดสิงคโปร์วันนี้ (28 ส.ค.) อีกรอบก่อนตัดสินใจเรียกประชุม กบง.หรือไม่

นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ได้หารือกับผู้บริหารบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถึงราคาน้ำมันที่ผันผวนและเห็นร่วมกันว่าทาง ปตท.ยังพร้อมรับภาระได้จากกรณีค่าการตลาดดีเซลเพียง 90 สตางค์/ลิตร ต่ำกว่าที่ควรจะได้รับ 1.50 บาท/ลิตร จึงขอรอดูราคาปิดตลาดที่สิงคโปร์ในค่ำวันนี้ (28 ส.ค.) ก่อน แล้วจึงจะตัดสินใจว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ในที่ 29 ส.ค. เพื่อนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุนดีเซลเพิ่มหรือไม่ จากที่ในขณะนี้อุดหนุนแล้ว 60 สตางค์/ลิตร

“ราคาดีเซลถ้ารายอื่นจะปรับขึ้นคงอยู่กับวิจารณญาณ แต่ ปตท.และ บมจ.บางจากจะขอดูราคาวันนี้ก่อน โดยยอมรับว่าราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่สิงคโปร์ปรับขึ้นเมื่อวันที่ 27 ส.ค.แต่สวนทางกับน้ำมันดิบที่ลดลงเนื่องจากมีข่าวสหรัฐอเมริกาและองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอจะปล่อยน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ออกมา ทำให้ราคาน้ำมันลดลง ซึ่งคงต้องรอดูราคาปิดที่สิงคโปร์ในวันนี้ก่อน” นายสุเทพกล่าว

ทั้งนี้ การใช้น้ำมันดีเซลของประเทศไทยอยู่ที่วันละประมาณ 50 ล้านลิตร กลุ่มเบนซินประมาณ 20 ล้านลิตร โดยการอุดหนุนดีเซลหากเพิ่มขึ้นจะทำให้กองทุนน้ำมันฯ ติดลบมากขึ้น โดยปัจจุบันเงินกองทุนน้ำมันฯ ไหลออก 78 ล้านบาท/วัน ติดลบประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลยังไม่เปลี่ยนเป้าหมายที่จะตรึงราคาดีเซลที่ 30 บาท/ลิตร เพื่อควบคุมราคาสินค้าไม่ให้ปรับขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ค่าการตลาดน้ำมันของผู้ค้าเฉลี่ยเบนซินอยู่ที่ประมาณ 1.70 บาทต่อลิตร ซึ่งยังคงสามารถแบกรับภาระได้อยู่ แต่ขณะที่ดีเซลนั้นเหลือต่ำไม่ถึง 1 บาทต่อลิตรซึ่งต่างชาติบางรายได้ปรับขึ้นราคาดีเซลไปแล้ว 50 สตางค์ต่อลิตรก่อนหน้านี้ แต่ ปตท.และบางจากได้เลือกนำเอาค่าการตลาดเบนซินที่สูงก่อนหน้านี้ 2 บาทต่อลิตรมาเฉลี่ยเพื่อตรึงดีเซล