กบง.รีดเงินผู้ใช้น้ำมันเบนซิน 91-95 แก๊สโซฮอล์ 91-95 ลิตรละ 50 สตางค์ หลังค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันพุ่งสูงถึง 2.40-2.69 บาทต่อลิตร พร้อมบี้ผู้ค้าลดราคาขายปลีกแถมให้ประชาชน “ปตท.-บางจาก” นำร่องประกาศลดราคาขายปลีกแล้ว เบนซิน 91-95 ลิตรละ 30 สตางค์ อี10-อี20 ลิตรละ 80 สตางค์ มีผลวันที่ 14 มิ.ย.
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการทำหน้าที่เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กบง.) เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 55 ว่า กบง.เห็นชอบการเก็บอัตราเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเบนซินออกเทน 91 และ 95 แก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 อัตราลิตรละ 0.50 บาท ขณะที่แก๊สโซฮอล์ อี10 อี20 และดีเซลไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งสาเหตุของการจัดเก็บเพิ่มเนื่องจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ปรับลดลงค่อนข้างมากทำให้ค่าการตลาดผู้ค้าโดยเฉพาะสูงขึ้นเฉลี่ย 2.40-2.69 บาทต่อลิตร
จากมติดังกล่าวส่งผลให้อัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของเบนซิน 91-95 จากเดิมเก็บ 5.90 บาทต่อลิตรเป็น 6.40 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 จาก 2.50 บาทต่อลิตรเป็น 3 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 จาก 0.90 บาทต่อลิตรเป็น 1.40 บาทต่อลิตร ขณะที่ อี20 คงเดิมคือกองทุนน้ำมันฯ ยังคงชดเชย 0.50 บาทต่อลิตร อี85 ชดเชย 12.30 บาทต่อลิตร และดีเซลเก็บอยู่ 2.10 บาทต่อลิตร
“มติดังกล่าวทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีเงินไหลเข้า 143 ล้านบาทต่อวันเป็น 153 ล้านบาทต่อวัน หรือเดือนละ 4,500 ล้านบาท โดยฐานะกองทุนฯ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ยังคงติดลบ 21,640 ล้านบาท ซึ่งหากจัดเก็บในอัตรานี้จะทำให้ฐานะเป็นบวกได้ใน 4-5 เดือน” นายณอคุณกล่าว
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า จากการสอบถามผู้ค้าน้ำมันแม้ว่า กบง.จะจัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ เพิ่มแต่ค่าการตลาดยังสามารถลดราคาขายปลีกให้ประชาชนได้ โดย บมจ.ปตท.และ บมจ.บางจากจะลดราคาขายปลีกเบนซิน 91-95 แก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 ลิตรละ 30 สตางค์ ส่วนแก๊สโซฮอล์ อี20 และ อี85 ลดลง 80 สตางค์ต่อลิตร ขณะที่ดีเซลคงเดิมโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. 55 เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมันขายปลีกของ บมจ.ปตท.และบางจากในเขต กทม.และปริมณฑลจะเป็นดังนี้ เบนซิน 91 เป็น 40.45 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 36.53 บาทต่อลิตร อี20 เป็น 32.88 บาทต่อลิตร อี85 เป็น 20.58 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 34.78 บาทต่อลิตร และดีเซลที่ 29.53 บาทต่อลิตร
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า ปลัดกระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้ทุกส่วนได้ไปหารือกับผู้ค้าน้ำมันและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเปิดปั๊มอี20 มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีรถที่สามารถเติมอี20 ได้ถึง 1 ล้านคันหรือคิดเป็น 26% ของรถนั่ง ขณะที่ปั๊มทั่วประเทศมีเพียง 875 แห่ง และมีเพียง บมจ.ปตท.และบางจากเท่านั้น โดยเชื่อว่าส่วนต่างราคาที่สูงขึ้นขณะนี้น่าจะเป็นแรงจูงใจให้คนใช้มากขึ้น ส่วนของค่าการตลาดขณะนี้อี10 อยู่ที่ 1.96 บาทต่อลิตร และอี20 อยู่ที่ 2.90 บาทต่อลิตร คิดว่าเป็นอัตราที่สูงแล้ว