ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-น่าอนาถกับบทบาทผีเน่ากับโลงผุของสองพรรคการเมืองใหญ่ เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ ที่ต่างพากันพ่นน้ำลายตรวจสอบกระสอบทรายอุดท่อระบายน้ำในกรุงเทพฯ ซึ่งถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใครมั่ว ใคร fake ใคร fact แต่ที่แน่ๆ ประชาชนที่เดือดร้อนออกอาการรำคาญเต็มทนกับการเล่นสกปรกและสร้างภาพเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ของทั้งสองพรรค
โชคยังดี ที่พายุแกมี เพียงแค่เฉียดฉิวไม่ซัดกระหน่ำเมืองกรุงแบบเต็มๆ และปีนี้ไม่มีน้ำเหนือไหลล้นทะลักเหมือนปีที่แล้ว ไม่เช่นนั้นคนกรุงเทพฯ ได้ ทุกข์ระทมจมน้ำท่วมหนักแน่ เพราะเอาแค่น้ำท่วมขังจากฝนตกหนัก ทั้งสอง พรรคใหญ่ยังฉวยโอกาสซ้ำเติมวิกฤตให้เลวร้ายด้วยการป้ายสีกันแบบไม่แคร์ ความรู้สึกประชาชน
ล่าสุด วิวาทะว่าด้วยกระสอบทราย ดูเหมือนทั้งสองฝ่ายจะขยันพัฒนาเรื่องโง่ๆ ให้ขยายใหญ่โตถึงขั้นแจ้งความเอาผิด ทำราวกับว่าตำรวจมะเขือเทศยุคนี้ว่างงานจัด ต้องหันมาลอกท่ออย่าง “พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หรือไม่ก็รับทำคดีกระสอบทรายอุดท่อระบายน้ำ แม้กระทั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยุคนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็ยังต้องมาทำคดีกระสอบทรายอุดท่อกับเขาด้วย
ความจริงเรื่องนี้ หากผู้ว่าฯ กทม.และทีมผู้บริหาร ไม่เปิดหน้าให้ชก และตั้งรับให้ดีก็คงไม่มีปัญหาตั้งแต่ต้น แต่เหตุเพราะกทม.ได้งบขุดลอกท่อระบายน้ำ รอรับมือน้ำท่วมในฤดูฝนปีนี้ตั้งพันกว่าล้านกลับปล่อยให้น้ำฝนท่วมขัง
ถนนจนถูกชาวบ้านด่าซ้ำซาก พรรคเพื่อไทยที่จ้องหาโอกาสอยู่แล้วจึงได้ทีรุมตี ไม่ยั้ง ขณะที่ทางผู้บริหารกทม. ตีฝีปากโต้กลับจากกระสอบทรายทำไมถึงใหม่กิ๊ก เป็นเกมการเมืองแน่ๆ มาถึงกระสอบทรายข้าใครอย่าแตะ
ที่สำคัญ หาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.และทีมผู้บริหารกรุงเทพฯ ใส่ใจติดตามรายงานการขุดลอกท่อระบายน้ำของกรมราชทัณฑ์ที่ ตนเองประสานงานขอให้มาช่วยขุดลอกท่อทั่วกทม.สักนิด คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพหน้าแหกแล้วแหกอีกเป็นแน่
เพราะว่าปัญหากระสอบทรายอุดตันท่อระบายน้ำนั้น นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากการจัดส่งนักโทษชั้นดีกว่า 500 คน มาช่วยขุดลอกท่อระบายน้ำในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 2555 ที่ผ่านมา พบท่อระบายน้ำหลายแห่งอุดตัน เนื่องจากมีกระสอบทราย หรือเศษขยะ คราบไขมันลงไปติดอยู่ภายในท่อ ทำให้ระบายน้ำไม่ได้ อย่างเช่นที่เขตมีนบุรี พบ กระสอบทรายกว่า 100 ลูก ลงไปอุดท่อระบายน้ำอยู่ ทำให้เมื่อเกิดฝนตก น้ำ จึงระบายลงท่อไม่ทัน
นั่นเป็นข้อมูลชั้นดีที่เพื่อไทยหยิบมาขยายผลต่อ โดยช็อตแรก พรรคเพื่อไทยส่งทีมงานลงพื้นที่และยังดึงเอา “คำรณวิทย์ ศิษย์ทักษิณ” ผบช.น. ตำรวจมะเขือเทศ ลงลุยท่อที่กรมราชทัณฑ์พบว่ามีปัญหาที่เขตมีนบุรีทันที และภาพที่ปรากฏต่อสาธารณะไม่ได้มีเพียงกระสอบทรายเท่านั้น แต่ยังมีก้อนหิน เศษปูน ฯลฯ สารพัดอุดตันอยู่ในท่อระบายน้ำในพื้นที่จุดอ่อนน้ำท่วมขัง 9 จุด อีกด้วย
คราวนั้น ทางกทม.ก็ออกมาโต้ว่าเป็นเกมการเมืองต้องมีคนเอาไปใส่ไว้เพื่อกลั่นแกล้งกทม.แน่ๆ เพราะกทม.คงไม่บ้าที่จะเอากระสอบทรายไปอุดท่อให้น้ำท่วมชาวบ้านเดือดร้อน แถมอ้างว่ารายงานการปฏิบัติงานล่อท่อระบายน้ำ ของกรมราชทัณฑ์ที่ส่งมายังกทม. ไม่เห็นจะมีปัญหาอย่างที่ว่า ก่อนที่สุดท้ายกทม.จะโชว์หนังสือชี้แจงจากผอ.เขตมีนบุรี ว่า จุดดังกล่าวอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกรมทางหลวง โดยเมื่อปี 2554 ที่น้ำท่วมใหญ่ กรมทางหลวง ประสาน กทม.เพื่อขอถุงทรายไปบล็อกท่อระบายน้ำ ดังนั้นถุงทรายอุดท่อจึงเป็น เรื่องของกรมทางหลวง กทม.ไม่เกี่ยว
เมื่อช็อตแรกจบลงแบบทะแม่งๆ พรรคเพื่อไทย ก็เปิดเกมรุกต่อด้วยหลักฐานการพบถุงทรายอุดท่อระบายน้ำร่วม 200 ลูก ที่ย่านศรีนครินทร์ คราวนี้ไม่เพียงแต่ “เด็จพี่” นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาโชว์พาวเท่านั้น แต่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์ ในฐานะประธานกบอ.ซึ่งถูก กทม.หักหน้ามานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่มหาอุทกภัยปีที่ผ่านมาจนถึงปีนี้ ก็ถือโอกาสร่วมวงกระทืบซ้ำ ถึงขั้นใช้คำว่า “ห่วย” กับไอเดียสุดบรรเจิดของกทม.ที่ใช้กระสอบทรายอุดท่อแก้น้ำท่วมขัง
อย่างที่ว่า เป็นความอภิมหาโคตรเซ่อของกทม.เองอีกนั่นแหละที่ไม่ทันเกมพวกเพื่อไทย เพราะกรณีนี้ ต้นเรื่องไม่ได้มาจากไหนแต่เป็นผลการปฏิบัติงานของกรมราชทัณฑ์ที่กทม.ให้ช่วยลอกท่อ มาตั้งแต่ปลายเดือนก.ย.แล้วนั่นเอง
นายอดุลย์ จิตตเขตต์ หัวหน้าเรือนจำธัญบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมาได้นำผู้ต้องขังชั้นดีจำนวน 50 คน มาทำการขุดลอกท่อระบายน้ำตั้งแต่แยก สำสาลีจนถึงแยกกรุงเทพกรีฑา หลังจากได้รับประสานจากทางเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครให้มาลอกท่อ เมื่อเปิดผาท่อออกทางเจ้าหน้าที่ได้พบถุงทรายเป็นจำนวนมาก เมื่อนำถุงทรายขึ้นมาพบว่ามีอยู่ประมาณ 200 ถุง จึงแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ พร้อมกับนำถุงทรายไปเก็บไว้ที่กรมราชทัณฑ์
กรมราชทัณฑ์ คงแปลกใจพิลึกอยู่เหมือนกันว่า ถุงทรายร่วม 200 ลูกไปอุดท่ออยู่ได้อย่างไร จึงแจ้งทางตำรวจให้มาช่วยตรวจสอบ ซึ่งพอได้กลิ่นตำรวจมะเขือเทศก็ตีปีกได้โชว์ผลงานให้นายได้หน้าชัวร์ จึงให้เจ้าหน้าที่ถ่ายคลิปและบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานมัด กทม.ที่ชอบมั่วนิ่มว่าไม่เกี่ยวกับถุงทรายอุดท่อไม่ว่าที่ไหนๆ ทั้งนั้น
เรื่องนี้ พ.ต.อ.สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสดิ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาล (ผกก.สน.)หัวหมาก เปิดเผยว่า ทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้มีนโยบายให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสำรวจจุดที่น้ำท่วมขังอยู่ในพื้นที่ว่ามีที่ใดบ้าง เพื่อจะได้ประสานกับกรมราชทัณฑ์ให้เข้ามาขุดลอกท่อเพื่อเตรียมตัวรับมือน้ำ ท่วม เมื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปสำรวจพบว่า บนถนนศรีนครินทร์ มีน้ำท่วมขัง นานผิดปกติจากที่ไม่เคยมีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานมาก่อน เมื่อเจ้าหน้าที่กรม ราชทัณฑ์มาขุดลอกท่อก็พบว่า ในท่อระบายน้ำมีถุงทรายอยู่จำนวนมากจึงสั่งการ ให้เจ้าหน้าที่ถ่ายคลิปวีดีโอและบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ก่อนแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบอีกครั้ง
นั่นหมายความว่าเรื่องถุงทรายอุดท่อ พรรคพวกเพื่อไทยและหน่วยปฏิบัติการลอกท่อเขารู้กัน ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.โน่นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่เขตมีนบุรีหรือที่ถนนศรีนครรินทร์ จะมีก็แต่เพียงคณะผู้บริหารกทม.เท่านั้นกระมังที่ไม่รู้เรื่อง จึงถูกลากขึ้นเขียงเชือดแบบไม่ทันตั้งตัว
“เด็จพี่” รู้ดีว่าจะเดินเรื่องให้เป็นที่น่าสนใจได้อย่างไรในฐานะที่เคยเป็นพระเอกละครมาก่อน จึงทำทีว่ามีประชาชนมาร้องเรียนขอให้เพื่อไทยช่วยตรวจสอบ “เด็จพี่” จึงควงคู่หู จิรายุ ห่วงทรัพย์ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เข้าพบ ผกก.สน.หัวหมากเพื่อขอข้อมูลและหลักฐานกรณีกรมราชทัณฑ์ขุดลอกท่อบริเวณหน้าร้านอาหารผาแดง ห่างแยกลำสาลีประมาณ 1 กิโลเมตร บนถนนศรีนครินทร์ ซึ่งตำรวจสน.หัวหมากได้ถ่ายคลิปและบันทึกภาพไว้มีความยาว 17 นาที
จากนั้น นายพร้อมพงศ์ ก็เปิดแถลงข่าวต่อสื่อเมื่อวันที่ 7 ก.ย. พร้อมกับเปิดคลิปและภาพที่สน.หัวหมากบันทึกไว้ และพาสื่อลงพื้นที่ตรวจสอบท่อระบายน้ำบริเวณหน้าร้านอาหารผาแดง ถ.ศรีนครินทร์ อีกครั้ง ซึ่งพบถุงทรายในท่ออีก 3 ถุง โดยข้างถุงทรายเขียนตัวอักษรสีเขียวว่า “สำนักงานการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ” ซึ่งเป็นหลักฐานให้ “เด็จพี่” ย้ำว่า งานนี้ผู้บริหารกทม.แก้ตัวไม่ออกแน่
เจอไม้นี้เข้า ทั้ง กทม.และพรรคประชาธิปัตย์ ก็พากันออกมาแก้ตัวพัลวัล คุณชายสุขุมพันธุ์ บอกว่า การนำกระสอบทรายไปอุดกั้นท่อระบายน้ำเป็นเทคนิคการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และกระสอบทรายที่นำไปอุดกั้นไม่ได้ลดศักยภาพการระบายน้ำใน ถ.ศรีนครินทร์แต่อย่างใด ส่วนการขนย้ายกระสอบทรายออกจากท่อระบายน้ำขอให้มีการประสานกับกทม.ก่อน
“กระสอบทรายที่นำลงไปในท่อระบายน้ำที่ถนนศรีนครินทร์เป็นการดำเนินการทางเทคนิคที่หลายประเทศก็นำมาใช้ อย่างเนเธอร์แลนด์ และน้ำท่วมเมื่อปี 2554 กทม.ก็นำไปใช้ที่ซอยแอนเน็กซ์ เขตสายไหม ที่นำกระสอบทรายปิดล้อมไม่ให้น้ำในคลองสองไหลเข้าพื้นที่ แล้วจึงติดตั้งเครื่องสูบน้ำระบายน้ำออกคลองสอง ทำให้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็ระบายน้ำในซอยให้แห้ง” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ชี้แจง
แต่จะมีใครฟังคำอธิบายของกทม.โดยเฉพาะจากฟากเพื่อไทย เมื่อได้ทีมีแต่ต้องรุมซ้ำ สงครามน้ำลายรายวันระหว่างสองพรรคใหญ่จึงเกิดขึ้นและยืดเยื้อมาจนบัดนี้
นายปลอดประสพ ในฐานะประธาน กบอ.กร้าวใส่ทันทีว่า เหตุผลของกทม.ที่บอกว่าเป็นเทคนิคบริหารจัดการน้ำนั้นฟังไม่ขึ้น ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็น เทคนิคแก้ปัญหาระบายน้ำด้วยวิธีนี้ จึงขอให้กทม.รื้อกระสอบทรายออก รวมทั้งแจ้งจุดที่นำกระสอบทรายไปอุดท่อระบายน้ำด้วย หากไม่แจ้งถือเป็นการ ขัดคำสั่งกบอ. และจะดำเนินคดีกับกทม.ด้วย เพราะที่ผ่านมา กบอ.ไม่เคยสั่งการให้กทม.ดำเนินการด้วยวิธีการนี้
"กทม.รู้อยู่เต็มอกว่า น้ำท่วมถนนเพราะน้ำไม่ไหลลงคลองเนื่องจากท่ออุด ตัน แต่ กทม.กลับเอาถุงทรายไปใส่ ผมขอประณามการกระทำครั้งนี้ ถ้าอ้างเป็นเรื่องเทคนิคถือว่าห่วยที่สุดในโลก เพราะไม่มีเทคนิคอุดท่อระบายน้ำขณะที่น้ำ มา" นายปลอดประสพ กล่าว และยังทำหนังสือราชการให้กทม.ชี้แจงกลับภายใน 15 วันด้วย ไม่เช่นนั้นรัฐบาลจะให้หน่วยงานของรัฐไปลอกท่อเอาถึงทรายออกมาทุกท่อระบายน้ำใน กทม. และก็สามารถทำได้เนื่องจากมีกฎหมายรองรับไว้
ทางคุณชายสุขุมพันธ์ จึงสวนกลับทันควันว่า ให้ไปคุยกันในกบอ.ที่มีตัวแทนกทม.เข้าร่วมประชุมทุกครั้งอย่าออกมาพูดผ่านสื่อ และการใช้เทคนิคดังกล่าวเป็นการบริหารจัดการน้ำภายในของ กทม.หากหน่วยงานอื่นจะดำเนินการใดๆ ควรดูอำนาจของตนด้วย เพราะ กทม.ก็มี พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร รองรับในการดำเนินการ ตนไม่อยากให้มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และคิดว่าไม่จำเป็นที่ต้องรายงานให้ กบอ.ทราบทุกจุด
นอกจากนั้น คุณชายสุขุมพันธ์ ยังสั่งให้สำนักการระบายน้ำ กทม.ไปลงบันทึกประจำไว้ที่ สน.หัวหมากเอาไว้ด้วย และย้ำว่า การเคลื่อนย้ายกระสอบ ทรายมีความผิดเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ ม.266 ฐานใช้อำนาจตำแหน่งทางการเมืองก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำ แถมขู่สำทับว่า “วันนี้ผมใจดี ขอยกประโยชน์ให้จำเลย ถือว่ากระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากเกิดขึ้นในครั้งต่อไปคงต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด"
เมื่อหัวขบวนแลกหมัด บรรดาลิ่วล้อก็ลุยตะลุมบอน โดย โฆษก กทม.กร้าวจะเอาเรื่องฟ้องศาลปกครองกราวรูดทั้งส.ส.และข้าราชการที่รับใช้การเมือง ทางรองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ท้าให้รีบอย่าได้ช้าจะได้พิสูจน์กันในชั้นศาล ระหว่างข้อกล่าวหาเคลื่อนย้ายกระสอบทรายโดยไม่ได้รับอนุญาตกับข้อสงสัยว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นหรือไม่กับงบประมาณลอกท่อระบายน้ำของกทม.ใครจะเผชิญกับความยากลำบากมากกว่ากัน
เรียกได้ว่า เข้าทางเพื่อไทยที่ต้องการต้อนให้กทม.ติดบ่วงข้อกล่าวหาทุจริตในการบริหารจัดการน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทุจริตก่อสร้างอุโมงค์ยักษ์และการทุจริตงบลอกท่อระบายน้ำ ซึ่งทางเพื่อไทย ดึงเอาดีเอสไอ เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการกับคู่แข่งทางการเมือง ซึ่งนายธาริต ก็เด้งรับจะจัดการโดยเร็ว
ดูท่า งานนี้แมลงสาบยักษ์จะเสี่ยงสูญพันธุ์ในกทม. เปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์แมลงสาบไม่เคยตายไปจากโลกก็คราวนี้