ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - น่าอนาถกับบทบาทผีเน่ากับโลงผุของสองพรรคการเมืองใหญ่ เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ ที่ต่างพากันพ่นน้ำลายตรวจสอบกระสอบทรายอุดท่อระบายน้ำในกรุงเทพฯ ซึ่งถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใครมั่ว ใคร fake ใคร fact แต่ที่แน่ๆ ประชาชนที่เดือดร้อนออกอาการรำคาญเต็มทนกับการเล่นสกปรกและสร้างภาพเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่นของทั้งสองพรรค
โชคยังดีที่พายุแกมีเพียงแค่เฉียดฉิวไม่ซัดกระหน่ำเมืองกรุงแบบเต็มๆ และปีนี้ไม่มีน้ำเหนือไหลล้นทะลักเหมือนปีที่แล้ว ไม่เช่นนั้นคนกรุงเทพฯ ได้ทุกข์ระทมจมน้ำท่วมหนักแน่ เพราะเอาแค่น้ำท่วมขังจากฝนตกหนัก ทั้งสองพรรคใหญ่ยังฉวยโอกาสซ้ำเติมวิกฤตให้เลวร้ายด้วยการป้ายสีกันแบบไม่แคร์ความรู้สึกประชาชน
ล่าสุดวิวาทะว่าด้วยกระสอบทรายดูเหมือนทั้งสองฝ่ายจะขยันพัฒนาเรื่องโง่ๆ ให้ขยายใหญ่โตถึงขั้นแจ้งความเอาผิด ทำราวกับว่าตำรวจมะเขือเทศยุคนี้ว่างงานจัด ต้องหันมาลอกท่ออย่าง น.1 หรือไม่ก็รับทำคดีกระสอบทรายอุดท่อระบายน้ำ แม้กระทั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยุคนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็ยังต้องมาทำคดีกระสอบทรายอุดท่อกับเขาด้วย
ความจริงเรื่องนี้หากผู้ว่าฯ กทม.และทีมผู้บริหารไม่เปิดหน้าให้ชก และตั้งรับให้ดีก็คงไม่มีปัญหาตั้งแต่ต้น แต่เหตุเพราะ กทม.ได้งบขุดลอกท่อระบายน้ำรอรับมือน้ำท่วมในฤดูฝนปีนี้ตั้งพันกว่าล้านกลับปล่อยให้น้ำฝนท่วมขังถนนจนถูกชาวบ้านด่าซ้ำซาก พรรคเพื่อไทยที่จ้องหาโอกาสอยู่แล้วจึงได้ทีรุมตีไม่ยั้ง ขณะที่ทางผู้บริหาร กทม.ตีฝีปากโต้กลับจากกระสอบทรายทำไมถึงใหม่กิ๊ก เป็นเกมการเมืองแน่ๆ มาถึงกระสอบทรายข้าใครอย่าแตะ
ที่สำคัญ หาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.และทีมผู้บริหารกรุงเทพฯ ใส่ใจติดตามรายงานการขุดลอกท่อระบายน้ำของกรมราชทัณฑ์ที่ตนเองประสานงานขอให้มาช่วยขุดลอกท่อทั่ว กทม.สักนิด คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพหน้าแหกแล้วแหกอีกเป็นแน่
เพราะว่าปัญหากระสอบทรายอุดตันท่อระบายน้ำนั้น นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากการจัดส่งนักโทษชั้นดีกว่า 500 คนมาช่วยขุดลอกท่อระบายน้ำในกรุงเทพมหานครตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 2555 ที่ผ่านมา พบท่อระบายน้ำหลายแห่งอุดตัน เนื่องจากมีกระสอบทราย หรือเศษขยะ คราบไขมันลงไปติดอยู่ภายในท่อ ทำให้ระบายน้ำไม่ได้ อย่างเช่นที่เขตมีนบุรี พบกระสอบทรายกว่า 100 ลูกลงไปอุดท่อระบายน้ำอยู่ ทำให้เมื่อเกิดฝนตกน้ำจึงระบายลงท่อไม่ทัน
นั่นเป็นข้อมูลชั้นดีที่เพื่อไทยหยิบมาขยายผลต่อ โดยช็อตแรกพรรคเพื่อไทยส่งทีมงานลงพื้นที่และยังดึงเอา “คำรณวิทย์ ศิษย์ทักษิณ” ผบช.น. ตำรวจมะเขือเทศ ลงลุยท่อที่กรมราชทัณฑ์พบว่ามีปัญหาที่เขตมีนบุรีทันที และภาพที่ปรากฏต่อสาธารณะไม่ได้มีเพียงกระสอบทรายเท่านั้น แต่ยังมีก้อนหิน เศษปูน ฯลฯ สารพัดอุดตันอยู่ในท่อระบายน้ำในพื้นที่จุดอ่อนน้ำท่วมขัง 9 จุดอีกด้วย
คราวนั้นทาง กทม.ก็ออกมาโต้ว่าเป็นเกมการเมืองต้องมีคนเอาไปใส่ไว้เพื่อกลั่นแกล้งกทม.แน่ๆ เพราะ กทม.คงไม่บ้าที่จะเอากระสอบทรายไปอุดท่อให้น้ำท่วมชาวบ้านเดือดร้อน แถมอ้างว่ารายงานการปฏิบัติงานลอกท่อระบายน้ำของกรมราชทัณฑ์ที่ส่งมายังกทม.ไม่เห็นจะมีปัญหาอย่างที่ว่า ก่อนที่สุดท้าย กทม.จะโชว์หนังสือชี้แจงจาก ผอ.เขตมีนบุรีว่า จุดดังกล่าวอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกรมทางหลวง โดยเมื่อปี 2554 ที่น้ำท่วมใหญ่ กรมทางหลวงประสาน กทม.เพื่อขอถุงทรายไปบล็อกท่อระบายน้ำ ดังนั้นถุงทรายอุดท่อจึงเป็นเรื่องของกรมทางหลวง กทม.ไม่เกี่ยว
เมื่อช็อตแรกจบลงแบบทะแม่งๆ พรรคเพื่อไทยก็เปิดเกมรุกต่อด้วยหลักฐานการพบถุงทรายอุดท่อระบายน้ำร่วม 200 ลูกที่ย่านศรีนครินทร์ คราวนี้ไม่เพียงแต่ “เด็จพี่” นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาโชว์เพาฯ เท่านั้น แต่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์ ในฐานะประธาน กบอ.ซึ่งถูก กทม.หักหน้ามานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่มหาอุทกภัยปีที่ผ่านมาจนถึงปีนี้ ก็ถือโอกาสร่วมวงกระทืบซ้ำ ถึงขั้นใช้คำว่า “ห่วย” กับไอเดียสุดบรรเจิดของ กทม.ที่ใช้กระสอบทรายอุดท่อแก้น้ำท่วมขัง
อย่างที่ว่า เป็นความอภิมหาโคตรเซ่อของ กทม.เองอีกนั่นแหละที่ไม่ทันเกมพวกเพื่อไทย เพราะกรณีนี้ต้นเรื่องไม่ได้มาจากไหน แต่เป็นผลการปฏิบัติงานของกรมราชทัณฑ์ที่กทม.ให้ช่วยลอกท่อมาตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย.แล้วนั่นเอง
นายอดุลย์ จิตตเขตต์ หัวหน้าเรือนจำธัญบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมาได้นำผู้ต้องขังชั้นดีจำนวน 50 คนมาทำการขุดลอกท่อระบายน้ำตั้งแต่แยกลำสาลีจนถึงแยกกรุงเทพกรีฑา หลังจากได้รับประสานจากทางเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครให้มาลอกท่อ เมื่อเปิดผาท่อออกทางเจ้าหน้าที่ได้พบถุงทรายเป็นจำนวนมาก เมื่อนำถุงทรายขึ้นมาพบว่ามีอยู่ประมาณ 200 ถุง จึงแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ พร้อมกับนำถุงทรายไปเก็บไว้ที่กรมราชทัณฑ์
กรมราชทัณฑ์คงแปลกใจพิลึกอยู่เหมือนกันว่าถุงทรายร่วม 200 ลูกไปอุดท่ออยู่ได้อย่างไร จึงแจ้งทางตำรวจให้มาช่วยตรวจสอบ ซึ่งพอได้กลิ่นตำรวจมะเขือเทศก็ตีปีกได้โชว์ผลงานให้นายได้หน้าชัวร์ จึงให้เจ้าหน้าที่ถ่ายคลิปและบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานมัด กทม.ที่ชอบมั่วนิ่มว่าไม่เกี่ยวกับถุงทรายอุดท่อไม่ว่าที่ไหนๆ ทั้งนั้น
เรื่องนี้ พ.ต.อ.สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสดิ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาล (ผกก.สน.)หัวหมาก เปิดเผยว่า ทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้มีนโยบายให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสำรวจจุดที่น้ำท่วมขังอยู่ในพื้นที่ว่ามีที่ใดบ้าง เพื่อจะได้ประสานกับกรมราชทัณฑ์ให้เข้ามาขุดลอกท่อเพื่อเตรียมตัวรับมือน้ำท่วม เมื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปสำรวจพบว่าบนถนนศรีนครินทร์มีน้ำท่วมขังนานผิดปกติจากที่ไม่เคยมีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานมาก่อน เมื่อเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์มาขุดลอกท่อก็พบว่าในท่อระบายน้ำมีถุงทรายอยู่จำนวนมาก จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ถ่ายคลิปวิดีโอและบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ก่อนแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบอีกครั้ง
นั่นหมายความว่าเรื่องถุงทรายอุดท่อ พรรคพวกเพื่อไทยและหน่วยปฏิบัติการลอกท่อเขารู้กันตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.โน่นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่เขตมีนบุรีหรือที่ถนนศรีนครรินทร์ จะมีก็แต่เพียงคณะผู้บริหาร กทม.เท่านั้นกระมังที่ไม่รู้เรื่อง จึงถูกลากขึ้นเขียงเชือดแบบไม่ทันตั้งตัว
“เด็จพี่” รู้ดีว่าจะเดินเรื่องให้เป็นที่น่าสนใจได้อย่างไรในฐานะที่เคยเป็นพระเอกละครมาก่อน จึงทำทีว่ามีประชาชนมาร้องเรียนขอให้เพื่อไทยช่วยตรวจสอบ “เด็จพี่” จึงควงคู่หู จิรายุ ห่วงทรัพย์ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เข้าพบ ผกก.สน.หัวหมากเพื่อขอข้อมูลและหลักฐานกรณีกรมราชทัณฑ์ขุดลอกท่อบริเวณหน้าร้านอาหารผาแดง ห่างแยกลำสาลีประมาณ 1 กิโลเมตร บนถนนศรีนครินทร์ ซึ่งตำรวจ สน.หัวหมากได้ถ่ายคลิปและบันทึกภาพไว้มีความยาว 17 นาที
จากนั้น นายพร้อมพงศ์ก็เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 7 ก.ย. พร้อมกับเปิดคลิปและภาพที่ สน.หัวหมากบันทึกไว้ และพาสื่อฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบท่อระบายน้ำบริเวณหน้าร้านอาหารผาแดง ถ.ศรีนครรินทร์อีกครั้ง ซึ่งพบถุงทรายในท่ออีก 3 ถุง โดยข้างถุงทรายเขียนตัวอักษรสีเขียวว่า “สำนักงานการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร” ซึ่งเป็นหลักฐานให้ “เด็จพี่” ย้ำว่า งานนี้ผู้บริหาร กทม.แก้ตัวไม่ออกแน่
เจอไม้นี้เข้า ทั้ง กทม.และพรรคประชาธิปัตย์ก็พากันออกมาแก้ตัวพัลวัน คุณชายสุขุมพันธุ์บอกว่า การนำกระสอบทรายไปอุดกั้นท่อระบายน้ำเป็นเทคนิคการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และกระสอบทรายที่นำไปอุดกั้นไม่ได้ลดศักยภาพการระบายน้ำใน ถ.ศรีนครินทร์แต่อย่างใด ส่วนการขนย้ายกระสอบทรายออกจากท่อระบายน้ำขอให้มีการประสานกับ กทม.ก่อน
“กระสอบทรายที่นำลงไปในท่อระบายน้ำที่ถนนศรีนครินทร์เป็นการดำเนินการทางเทคนิคที่หลายประเทศก็นำมาใช้ อย่างเนเธอร์แลนด์ และน้ำท่วมเมื่อปี 2554 กทม.ก็นำไปใช้ที่ซอยแอนเน็กซ์ เขตสายไหม ที่นำกระสอบทรายปิดล้อมไม่ให้น้ำในคลองสองไหลเข้าพื้นที่ แล้วจึงติดตั้งเครื่องสูบน้ำระบายน้ำออกคลองสอง ทำให้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็ระบายน้ำในซอยให้แห้ง” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ชี้แจง
แต่จะมีใครฟังคำอธิบายของ กทม.โดยเฉพาะจากฟากเพื่อไทย เมื่อได้ทีมีแต่ต้องรุมซ้ำ สงครามน้ำลายรายวันระหว่างสองพรรคใหญ่จึงเกิดขึ้นและยืดเยื้อมาจนบัดนี้
นายปลอดประสพ ในฐานะประธาน กบอ.กร้าวใส่ทันทีว่า เหตุผลของ กทม.ที่บอกว่าเป็นเทคนิคบริหารจัดการน้ำนั้นฟังไม่ขึ้น ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นเทคนิคแก้ปัญหาระบายน้ำด้วยวิธีนี้ จึงขอให้ กทม.รื้อกระสอบทรายออก รวมทั้งแจ้งจุดที่นำกระสอบทรายไปอุดท่อระบายน้ำด้วย หากไม่แจ้งถือเป็นการขัดคำสั่ง กบอ. และจะดำเนินคดีต่อ กทม.ด้วย เพราะที่ผ่านมา กบอ.ไม่เคยสั่งการให้ กทม.ดำเนินการด้วยวิธีการนี้
“กทม.รู้อยู่เต็มอกว่าน้ำท่วมถนนเพราะน้ำไม่ไหลลงคลองเนื่องจากท่ออุดตัน แต่ กทม.กลับเอาถุงทรายไปใส่ ผมขอประณามการกระทำครั้งนี้ ถ้าอ้างเป็นเรื่องเทคนิคถือว่าห่วยที่สุดในโลก เพราะไม่มีเทคนิคอุดท่อระบายน้ำขณะที่น้ำมา” นายปลอดประสพกล่าว และยังทำหนังสือราชการให้ กทม.ชี้แจงกลับภายใน 15 วันด้วย ไม่เช่นนั้นรัฐบาลจะให้หน่วยงานของรัฐไปลอกท่อเอาถุงทรายออกมาทุกท่อระบายน้ำใน กทม. และก็สามารถทำได้เนื่องจากมีกฎหมายรองรับไว้
ทางคุณชายสุขุมพันธุ์จึงสวนกลับทันควันว่า ให้ไปคุยกันใน กบอ.ที่มีตัวแทน กทม.เข้าร่วมประชุมทุกครั้ง อย่าออกมาพูดผ่านสื่อ และการใช้เทคนิคดังกล่าวเป็นการบริหารจัดการน้ำภายในของ กทม. หากหน่วยงานอื่นจะดำเนินการใดๆ ควรดูอำนาจของตนด้วย เพราะ กทม.ก็มี พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครรองรับในการดำเนินการ ตนไม่อยากให้มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และคิดว่าไม่จำเป็นที่ต้องรายงานให้ กบอ.ทราบทุกจุด
นอกจากนั้น คุณชายสุขุมพันธุ์ยังสั่งให้สำนักการระบายน้ำ กทม.ไปลงบันทึกประจำไว้ที่ สน.หัวหมากเอาไว้ด้วย และย้ำว่าการเคลื่อนย้ายกระสอบทรายมีความผิดเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ ม.266 ฐานใช้อำนาจตำแหน่งทางการเมืองก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำ แถมขู่สำทับว่า “วันนี้ผมใจดี ขอยกประโยชน์ให้จำเลย ถือว่ากระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากเกิดขึ้นในครั้งต่อไปคงต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด”
เมื่อหัวขบวนแลกหมัด บรรดาลิ่วล้อก็ลุยตะลุมบอน โดยโฆษก กทม.กร้าวจะเอาเรื่องฟ้องศาลปกครองกราวรูดทั้ง ส.ส.และข้าราชการที่รับใช้การเมือง ทางรองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีก็ท้าให้รีบอย่าได้ช้าจะได้พิสูจน์กันในชั้นศาล ระหว่างข้อกล่าวหาเคลื่อนย้ายกระสอบทรายโดยไม่ได้รับอนุญาตกับข้อสงสัยว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นหรือไม่กับงบประมาณลอกท่อระบายน้ำของ กทม.ใครจะเผชิญกับความยากลำบากมากกว่ากัน
เรียกได้ว่าเข้าทางเพื่อไทยที่ต้องการต้อนให้ กทม.ติดบ่วงข้อกล่าวหาทุจริตในการบริหารจัดการน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทุจริตก่อสร้างอุโมงค์ยักษ์ หรือการทุจริตงบลอกท่อระบายน้ำ ซึ่งทางเพื่อไทยดึงเอาดีเอสไอเข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการกับคู่แข่งทางการเมือง ซึ่งนายธาริตก็เด้งรับจะจัดการโดยเร็ว
ดูท่าแมลงสาบยักษ์จะเสี่ยงสูญพันธุ์ใน กทม. เปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์แมลงสาบไม่เคยตายไปจากโลกก็คราวนี้
โชคยังดีที่พายุแกมีเพียงแค่เฉียดฉิวไม่ซัดกระหน่ำเมืองกรุงแบบเต็มๆ และปีนี้ไม่มีน้ำเหนือไหลล้นทะลักเหมือนปีที่แล้ว ไม่เช่นนั้นคนกรุงเทพฯ ได้ทุกข์ระทมจมน้ำท่วมหนักแน่ เพราะเอาแค่น้ำท่วมขังจากฝนตกหนัก ทั้งสองพรรคใหญ่ยังฉวยโอกาสซ้ำเติมวิกฤตให้เลวร้ายด้วยการป้ายสีกันแบบไม่แคร์ความรู้สึกประชาชน
ล่าสุดวิวาทะว่าด้วยกระสอบทรายดูเหมือนทั้งสองฝ่ายจะขยันพัฒนาเรื่องโง่ๆ ให้ขยายใหญ่โตถึงขั้นแจ้งความเอาผิด ทำราวกับว่าตำรวจมะเขือเทศยุคนี้ว่างงานจัด ต้องหันมาลอกท่ออย่าง น.1 หรือไม่ก็รับทำคดีกระสอบทรายอุดท่อระบายน้ำ แม้กระทั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยุคนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็ยังต้องมาทำคดีกระสอบทรายอุดท่อกับเขาด้วย
ความจริงเรื่องนี้หากผู้ว่าฯ กทม.และทีมผู้บริหารไม่เปิดหน้าให้ชก และตั้งรับให้ดีก็คงไม่มีปัญหาตั้งแต่ต้น แต่เหตุเพราะ กทม.ได้งบขุดลอกท่อระบายน้ำรอรับมือน้ำท่วมในฤดูฝนปีนี้ตั้งพันกว่าล้านกลับปล่อยให้น้ำฝนท่วมขังถนนจนถูกชาวบ้านด่าซ้ำซาก พรรคเพื่อไทยที่จ้องหาโอกาสอยู่แล้วจึงได้ทีรุมตีไม่ยั้ง ขณะที่ทางผู้บริหาร กทม.ตีฝีปากโต้กลับจากกระสอบทรายทำไมถึงใหม่กิ๊ก เป็นเกมการเมืองแน่ๆ มาถึงกระสอบทรายข้าใครอย่าแตะ
ที่สำคัญ หาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.และทีมผู้บริหารกรุงเทพฯ ใส่ใจติดตามรายงานการขุดลอกท่อระบายน้ำของกรมราชทัณฑ์ที่ตนเองประสานงานขอให้มาช่วยขุดลอกท่อทั่ว กทม.สักนิด คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพหน้าแหกแล้วแหกอีกเป็นแน่
เพราะว่าปัญหากระสอบทรายอุดตันท่อระบายน้ำนั้น นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากการจัดส่งนักโทษชั้นดีกว่า 500 คนมาช่วยขุดลอกท่อระบายน้ำในกรุงเทพมหานครตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 2555 ที่ผ่านมา พบท่อระบายน้ำหลายแห่งอุดตัน เนื่องจากมีกระสอบทราย หรือเศษขยะ คราบไขมันลงไปติดอยู่ภายในท่อ ทำให้ระบายน้ำไม่ได้ อย่างเช่นที่เขตมีนบุรี พบกระสอบทรายกว่า 100 ลูกลงไปอุดท่อระบายน้ำอยู่ ทำให้เมื่อเกิดฝนตกน้ำจึงระบายลงท่อไม่ทัน
นั่นเป็นข้อมูลชั้นดีที่เพื่อไทยหยิบมาขยายผลต่อ โดยช็อตแรกพรรคเพื่อไทยส่งทีมงานลงพื้นที่และยังดึงเอา “คำรณวิทย์ ศิษย์ทักษิณ” ผบช.น. ตำรวจมะเขือเทศ ลงลุยท่อที่กรมราชทัณฑ์พบว่ามีปัญหาที่เขตมีนบุรีทันที และภาพที่ปรากฏต่อสาธารณะไม่ได้มีเพียงกระสอบทรายเท่านั้น แต่ยังมีก้อนหิน เศษปูน ฯลฯ สารพัดอุดตันอยู่ในท่อระบายน้ำในพื้นที่จุดอ่อนน้ำท่วมขัง 9 จุดอีกด้วย
คราวนั้นทาง กทม.ก็ออกมาโต้ว่าเป็นเกมการเมืองต้องมีคนเอาไปใส่ไว้เพื่อกลั่นแกล้งกทม.แน่ๆ เพราะ กทม.คงไม่บ้าที่จะเอากระสอบทรายไปอุดท่อให้น้ำท่วมชาวบ้านเดือดร้อน แถมอ้างว่ารายงานการปฏิบัติงานลอกท่อระบายน้ำของกรมราชทัณฑ์ที่ส่งมายังกทม.ไม่เห็นจะมีปัญหาอย่างที่ว่า ก่อนที่สุดท้าย กทม.จะโชว์หนังสือชี้แจงจาก ผอ.เขตมีนบุรีว่า จุดดังกล่าวอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกรมทางหลวง โดยเมื่อปี 2554 ที่น้ำท่วมใหญ่ กรมทางหลวงประสาน กทม.เพื่อขอถุงทรายไปบล็อกท่อระบายน้ำ ดังนั้นถุงทรายอุดท่อจึงเป็นเรื่องของกรมทางหลวง กทม.ไม่เกี่ยว
เมื่อช็อตแรกจบลงแบบทะแม่งๆ พรรคเพื่อไทยก็เปิดเกมรุกต่อด้วยหลักฐานการพบถุงทรายอุดท่อระบายน้ำร่วม 200 ลูกที่ย่านศรีนครินทร์ คราวนี้ไม่เพียงแต่ “เด็จพี่” นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาโชว์เพาฯ เท่านั้น แต่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์ ในฐานะประธาน กบอ.ซึ่งถูก กทม.หักหน้ามานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่มหาอุทกภัยปีที่ผ่านมาจนถึงปีนี้ ก็ถือโอกาสร่วมวงกระทืบซ้ำ ถึงขั้นใช้คำว่า “ห่วย” กับไอเดียสุดบรรเจิดของ กทม.ที่ใช้กระสอบทรายอุดท่อแก้น้ำท่วมขัง
อย่างที่ว่า เป็นความอภิมหาโคตรเซ่อของ กทม.เองอีกนั่นแหละที่ไม่ทันเกมพวกเพื่อไทย เพราะกรณีนี้ต้นเรื่องไม่ได้มาจากไหน แต่เป็นผลการปฏิบัติงานของกรมราชทัณฑ์ที่กทม.ให้ช่วยลอกท่อมาตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย.แล้วนั่นเอง
นายอดุลย์ จิตตเขตต์ หัวหน้าเรือนจำธัญบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมาได้นำผู้ต้องขังชั้นดีจำนวน 50 คนมาทำการขุดลอกท่อระบายน้ำตั้งแต่แยกลำสาลีจนถึงแยกกรุงเทพกรีฑา หลังจากได้รับประสานจากทางเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครให้มาลอกท่อ เมื่อเปิดผาท่อออกทางเจ้าหน้าที่ได้พบถุงทรายเป็นจำนวนมาก เมื่อนำถุงทรายขึ้นมาพบว่ามีอยู่ประมาณ 200 ถุง จึงแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ พร้อมกับนำถุงทรายไปเก็บไว้ที่กรมราชทัณฑ์
กรมราชทัณฑ์คงแปลกใจพิลึกอยู่เหมือนกันว่าถุงทรายร่วม 200 ลูกไปอุดท่ออยู่ได้อย่างไร จึงแจ้งทางตำรวจให้มาช่วยตรวจสอบ ซึ่งพอได้กลิ่นตำรวจมะเขือเทศก็ตีปีกได้โชว์ผลงานให้นายได้หน้าชัวร์ จึงให้เจ้าหน้าที่ถ่ายคลิปและบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานมัด กทม.ที่ชอบมั่วนิ่มว่าไม่เกี่ยวกับถุงทรายอุดท่อไม่ว่าที่ไหนๆ ทั้งนั้น
เรื่องนี้ พ.ต.อ.สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสดิ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาล (ผกก.สน.)หัวหมาก เปิดเผยว่า ทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้มีนโยบายให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสำรวจจุดที่น้ำท่วมขังอยู่ในพื้นที่ว่ามีที่ใดบ้าง เพื่อจะได้ประสานกับกรมราชทัณฑ์ให้เข้ามาขุดลอกท่อเพื่อเตรียมตัวรับมือน้ำท่วม เมื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปสำรวจพบว่าบนถนนศรีนครินทร์มีน้ำท่วมขังนานผิดปกติจากที่ไม่เคยมีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานมาก่อน เมื่อเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์มาขุดลอกท่อก็พบว่าในท่อระบายน้ำมีถุงทรายอยู่จำนวนมาก จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ถ่ายคลิปวิดีโอและบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ก่อนแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบอีกครั้ง
นั่นหมายความว่าเรื่องถุงทรายอุดท่อ พรรคพวกเพื่อไทยและหน่วยปฏิบัติการลอกท่อเขารู้กันตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.โน่นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่เขตมีนบุรีหรือที่ถนนศรีนครรินทร์ จะมีก็แต่เพียงคณะผู้บริหาร กทม.เท่านั้นกระมังที่ไม่รู้เรื่อง จึงถูกลากขึ้นเขียงเชือดแบบไม่ทันตั้งตัว
“เด็จพี่” รู้ดีว่าจะเดินเรื่องให้เป็นที่น่าสนใจได้อย่างไรในฐานะที่เคยเป็นพระเอกละครมาก่อน จึงทำทีว่ามีประชาชนมาร้องเรียนขอให้เพื่อไทยช่วยตรวจสอบ “เด็จพี่” จึงควงคู่หู จิรายุ ห่วงทรัพย์ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เข้าพบ ผกก.สน.หัวหมากเพื่อขอข้อมูลและหลักฐานกรณีกรมราชทัณฑ์ขุดลอกท่อบริเวณหน้าร้านอาหารผาแดง ห่างแยกลำสาลีประมาณ 1 กิโลเมตร บนถนนศรีนครินทร์ ซึ่งตำรวจ สน.หัวหมากได้ถ่ายคลิปและบันทึกภาพไว้มีความยาว 17 นาที
จากนั้น นายพร้อมพงศ์ก็เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 7 ก.ย. พร้อมกับเปิดคลิปและภาพที่ สน.หัวหมากบันทึกไว้ และพาสื่อฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบท่อระบายน้ำบริเวณหน้าร้านอาหารผาแดง ถ.ศรีนครรินทร์อีกครั้ง ซึ่งพบถุงทรายในท่ออีก 3 ถุง โดยข้างถุงทรายเขียนตัวอักษรสีเขียวว่า “สำนักงานการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร” ซึ่งเป็นหลักฐานให้ “เด็จพี่” ย้ำว่า งานนี้ผู้บริหาร กทม.แก้ตัวไม่ออกแน่
เจอไม้นี้เข้า ทั้ง กทม.และพรรคประชาธิปัตย์ก็พากันออกมาแก้ตัวพัลวัน คุณชายสุขุมพันธุ์บอกว่า การนำกระสอบทรายไปอุดกั้นท่อระบายน้ำเป็นเทคนิคการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และกระสอบทรายที่นำไปอุดกั้นไม่ได้ลดศักยภาพการระบายน้ำใน ถ.ศรีนครินทร์แต่อย่างใด ส่วนการขนย้ายกระสอบทรายออกจากท่อระบายน้ำขอให้มีการประสานกับ กทม.ก่อน
“กระสอบทรายที่นำลงไปในท่อระบายน้ำที่ถนนศรีนครินทร์เป็นการดำเนินการทางเทคนิคที่หลายประเทศก็นำมาใช้ อย่างเนเธอร์แลนด์ และน้ำท่วมเมื่อปี 2554 กทม.ก็นำไปใช้ที่ซอยแอนเน็กซ์ เขตสายไหม ที่นำกระสอบทรายปิดล้อมไม่ให้น้ำในคลองสองไหลเข้าพื้นที่ แล้วจึงติดตั้งเครื่องสูบน้ำระบายน้ำออกคลองสอง ทำให้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็ระบายน้ำในซอยให้แห้ง” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ชี้แจง
แต่จะมีใครฟังคำอธิบายของ กทม.โดยเฉพาะจากฟากเพื่อไทย เมื่อได้ทีมีแต่ต้องรุมซ้ำ สงครามน้ำลายรายวันระหว่างสองพรรคใหญ่จึงเกิดขึ้นและยืดเยื้อมาจนบัดนี้
นายปลอดประสพ ในฐานะประธาน กบอ.กร้าวใส่ทันทีว่า เหตุผลของ กทม.ที่บอกว่าเป็นเทคนิคบริหารจัดการน้ำนั้นฟังไม่ขึ้น ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นเทคนิคแก้ปัญหาระบายน้ำด้วยวิธีนี้ จึงขอให้ กทม.รื้อกระสอบทรายออก รวมทั้งแจ้งจุดที่นำกระสอบทรายไปอุดท่อระบายน้ำด้วย หากไม่แจ้งถือเป็นการขัดคำสั่ง กบอ. และจะดำเนินคดีต่อ กทม.ด้วย เพราะที่ผ่านมา กบอ.ไม่เคยสั่งการให้ กทม.ดำเนินการด้วยวิธีการนี้
“กทม.รู้อยู่เต็มอกว่าน้ำท่วมถนนเพราะน้ำไม่ไหลลงคลองเนื่องจากท่ออุดตัน แต่ กทม.กลับเอาถุงทรายไปใส่ ผมขอประณามการกระทำครั้งนี้ ถ้าอ้างเป็นเรื่องเทคนิคถือว่าห่วยที่สุดในโลก เพราะไม่มีเทคนิคอุดท่อระบายน้ำขณะที่น้ำมา” นายปลอดประสพกล่าว และยังทำหนังสือราชการให้ กทม.ชี้แจงกลับภายใน 15 วันด้วย ไม่เช่นนั้นรัฐบาลจะให้หน่วยงานของรัฐไปลอกท่อเอาถุงทรายออกมาทุกท่อระบายน้ำใน กทม. และก็สามารถทำได้เนื่องจากมีกฎหมายรองรับไว้
ทางคุณชายสุขุมพันธุ์จึงสวนกลับทันควันว่า ให้ไปคุยกันใน กบอ.ที่มีตัวแทน กทม.เข้าร่วมประชุมทุกครั้ง อย่าออกมาพูดผ่านสื่อ และการใช้เทคนิคดังกล่าวเป็นการบริหารจัดการน้ำภายในของ กทม. หากหน่วยงานอื่นจะดำเนินการใดๆ ควรดูอำนาจของตนด้วย เพราะ กทม.ก็มี พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครรองรับในการดำเนินการ ตนไม่อยากให้มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และคิดว่าไม่จำเป็นที่ต้องรายงานให้ กบอ.ทราบทุกจุด
นอกจากนั้น คุณชายสุขุมพันธุ์ยังสั่งให้สำนักการระบายน้ำ กทม.ไปลงบันทึกประจำไว้ที่ สน.หัวหมากเอาไว้ด้วย และย้ำว่าการเคลื่อนย้ายกระสอบทรายมีความผิดเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ ม.266 ฐานใช้อำนาจตำแหน่งทางการเมืองก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำ แถมขู่สำทับว่า “วันนี้ผมใจดี ขอยกประโยชน์ให้จำเลย ถือว่ากระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากเกิดขึ้นในครั้งต่อไปคงต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด”
เมื่อหัวขบวนแลกหมัด บรรดาลิ่วล้อก็ลุยตะลุมบอน โดยโฆษก กทม.กร้าวจะเอาเรื่องฟ้องศาลปกครองกราวรูดทั้ง ส.ส.และข้าราชการที่รับใช้การเมือง ทางรองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีก็ท้าให้รีบอย่าได้ช้าจะได้พิสูจน์กันในชั้นศาล ระหว่างข้อกล่าวหาเคลื่อนย้ายกระสอบทรายโดยไม่ได้รับอนุญาตกับข้อสงสัยว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นหรือไม่กับงบประมาณลอกท่อระบายน้ำของ กทม.ใครจะเผชิญกับความยากลำบากมากกว่ากัน
เรียกได้ว่าเข้าทางเพื่อไทยที่ต้องการต้อนให้ กทม.ติดบ่วงข้อกล่าวหาทุจริตในการบริหารจัดการน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทุจริตก่อสร้างอุโมงค์ยักษ์ หรือการทุจริตงบลอกท่อระบายน้ำ ซึ่งทางเพื่อไทยดึงเอาดีเอสไอเข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการกับคู่แข่งทางการเมือง ซึ่งนายธาริตก็เด้งรับจะจัดการโดยเร็ว
ดูท่าแมลงสาบยักษ์จะเสี่ยงสูญพันธุ์ใน กทม. เปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์แมลงสาบไม่เคยตายไปจากโลกก็คราวนี้