“จิรายุ” ไล่บี้ผู้บริหาร กทม. แขวะเลิกตอบเฟสบุ๊คหันมาทำงาน ข้องเพิ่งมารับถุงทรายอุดท่อทำน้ำท่วม จี้แจงงบลอกท่อ งง ถ.ศรีนครินทร์อุดแค่ 2 บ่อ แถมน้ำท่วมเหมือนเดิม ท้า กทม.ฟ้องหน่วยงานที่ตรวจสอบ เล็งยื่น ป.ป.ช.สอบขู่ จนท.-งบฯ ลอกท่อ “อนุสรณ์” บี้ กทม.รีบแจ้งความ โดนเคลื่อนย้ายกระสอบ หวังโดนมัดคดีทุจริต ซัดอุดท่อแก้น้ำท่วมแบบไหน โยงเลือกผู้ว่าฯ กทม.ตัดสินใหม่
วันนี้ (8 ต.ค.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สส.กทม.พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า อยากถามไปยังผู้บริหาร กทม. ว่าเหตุใดจึงเพิ่งออกมายอมรับว่าถุงทรายที่พบในท่อระบายน้ำย่านถนนศรีนครินทร์ที่กรมราชทัณฑ์ไปลอกท่อช่วยน้ำท่วมเมื่อเดือนที่ผ่านมานั้นเป็นของ กทม. ทั้งที่ก่อนหน้านี้ กทม.ออกมาระบุว่ามีคนจัดฉากนำไปใส่ไว้เพื่อสร้างประเด็นทางการเมือง แต่เมื่อทางพรรคเพื่อไทยเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษและ ตำรวจ สน.หัวหมากลงพื้นที่เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา กทม.กลับจนมุมและเบี่ยงประเด็นมายอมรับว่าเป็นถุงทรายของ กทม.เอง
“การเปิดท่อเจอถุงทรายในถนนศรีนครินทร์นั้นผ่านมาเป็นเดือนๆ ทำไมเมื่อพบขณะนั้นจนเป็นข่าวดัง กทม.จึงไม่ออกมาบอกว่าเป็นของตัวเองแต่กลับแถไปว่ามีไอ้โม่งเอาไปใส่สร้างประเด็นทางการเมืองแต่วันนี้กลับยอมรับว่า กทม.ใส่ไว้เองเพื่อบริหารจัดการน้ำ” นายจิรายุกล่าว
นายจิรายุยังเรียกร้องให้ผู้บริหาร กทม.ควรเลิกใช้เฟซบุ๊กตอบโต้แล้วเปลี่ยนมาถอดสูทถกแขนเสื้อทำงานแทน โดยมีคำถาม 5 ข้อฝากไปยังผู้บริหาร กทม.คือ 1. เหตุใดผู้ว่าฯ กทม.จึงไม่ออกมาพูดในทันทีที่กรมราชฑันณ์ไปลอกท่อพบถุงอุดตันอยู่ในท่อว่าเป็นของ กทม. 2. เหตุใดผู้บริหาร กทม.จึงบอกก่อนหน้านี้ว่ามีคนเอาไปใส่ไว้เพื่อสร้างสถานการณ์ 3. งบประมาณที่รับจากรัฐบาลไปกว่า 2 พันล้านบาทได้นำไปลอกท่อในบริเวณจุดดังกล่าวหรือไม่ และลอกท่อกี่จุด ในกรุงเทพฯ และใช้ใครเป็นผู้รับเหมาลอกท่อจาก กทม. 4. ผู้ว่าฯ กทม.ใช้ทฤษฎีบริหารจัดการน้ำอย่างไร รูปแบบไหนจึงต้องใช้ถุงทรายไปอุดในท่อและเหตุใดต้องอุดแค่เพียง 2 บ่อ ทั้งๆ ที่ถนนศรีนครินทร์มีความยาวตั้งแต่แยกลำสาลีถึงถนนบางนากว่า 10 กม.และมีบ่อพักกว่าพันบ่อ และ 5. การที่ กทม.อ้างว่าทางเทคนิคบริหารจัดการน้ำเหตุใดจึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบนถนนศรีนครินทร์ได้
นายจิรายุยังกล่าวอีกว่าการที่นายอัศวัชร์ อภัยวงศ์ ที่ปรึกษารองผู้ว่ากทม.ออกมาข่มขู่ว่าจะแจ้งความดำเนินคดีกับกรมราชฑัณฑ์, เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และตำรวจ สน.หัวหมาก ร่วมทั้งคนของพรรคเพื่อไทยนั้นเป็นการเบี่ยงประเด็นหรือไม่และถือเป็นมติของผู้บริหาร กทม.ตามที่นายอัศวัชร์ กล่าวอ้างจริงหรือไม่ และขอถามไปยังผู้ว่าฯ กทม. รองผู้ว่าฯ กทม. ข้าราชการ และปลัด กทม.ว่าพร้อมรับปัญหาที่จะตามมาหรือไม่เพราะการที่นายอัศวัชร์กล่าวอ้างว่าเป็นมติของผู้บริหาร กทม.จะไปแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มข้าราชการข้างต้นนั้นถือว่าผู้บริหาร กทม.ต้องรับผิดชอบร่วมกันด้วย
ทั้งนี้จะเตรียมไปร้องเรียนต่อกรรมาธิการ ป.ปช.เพื่อให้ตรวจสอบงบประมาณลอกท่อ กทม. รวมถึงเรื่องมติผู้บริหาร กทม.ว่ามีมติให้ข่มขู่แจ้งความจริงกับเจ้าหน้าที่ที่ไปตรวจสอบถุงทรายในท่อจริงหรือไม่ ถ้าหากไม่มีจริงฝ่ายกฎหมายพรรคฯ จะรวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความที่ปรึกษาของนายธีระชนในข้อหาหลอกลวงประชาชน และข่มขู่เจ้าหน้าที่ต่อไป
ส่วน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ กรุงเทพมหานครระบุการพบถุงทรายของสำนักระบายน้ำ กทม.ในท่อระบายน้ำถนนศรีนครินทร์ เป็นการแก้ปัญหาทางเทคนิค เพื่อบริหารจัดการน้ำ และไปแจ้งความต่อตำรวจ ให้เอาผิดคนที่เคลื่อนย้ายกระสอบทรายของ กทม.ในท่อระบายน้ำ โดยไม่ได้รับอนุญาตว่า ขอให้ กทม.รีบไปแจ้งความและฟ้องร้องได้เลย อย่าช้า เพราะจะได้นำหลักฐานไปพิสูจน์ในชั้นศาล ก็ไปรอลุ้นแล้วกันว่า ระหว่างข้อกล่าวหาเคลื่อนย้ายกระสอบทรายโดยไม่ได้รับอนุญาต กับข้อสงสัยว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นหรือไม่กับงบประมาณลอกท่อระบายน้ำของ กทม.ใครจะเผชิญกับความยากลำบากมากกว่า ขอให้ท่านผู้ว่าฯช่วยอธิบายเป็นความรู้กับสังคมหน่อยว่า การนำถุงทรายไปใส่ในท่อระบายน้ำเป็นการบริหารจัดการน้ำแบบใด หรือนี่เป็นสุขุมพันธุ์สไตล์ ที่น้ำท่วมทำชาวบ้านเดือดร้อนกันแทบตาย กทม.ดันเอาถุงทรายไปอุด ถ้าวิธีนี้ได้ผล ต่อไปไม่ต้องจัดงบมาลอกท่อแล้ว หางบมาซื้อถุงทรายอุดท่อจัดการน้ำไม่ดีกว่าหรือ
นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า ตอนแรกบอกมีคนกลั่นแกล้ง กทม.เพื่อหวังผลสาดโคลนทางการเมือง พอวันนี้เขาจับให้มั่นคั้นให้ตายบอกใหม่ว่าเป็นวิธีการบริหารจัดการน้ำของ กทม. ตกลง กทม.จะเอายังไงแน่ เลือกตามเชื่อไม่ถูก และอยากฝากคำถามไปถึงชาวกรุงเทพมหานครทุกคนว่า วันนี้ทุกสำนักข่าวรายงานออกมาตรงกันหมดแล้วว่า กระสอบทรายที่ค้นพบอยู่ในท่อระบายน้ำนั้น เป็นของ กทม.จริง แล้วอย่างนี้ ที่ท่านผู้ว่าฯ บอกว่า ได้ลอกท่อแล้ว มีประชาชนเป็นพยานรู้เห็นแล้ว มันคืออะไร กทม.ได้ลอกท่อระบายน้ำจริงหรือไม่ งบประมาณที่ กทม.เบิกจ่ายไป เพื่อการลอกท่อนั้น เบิกจ่ายไปได้อย่างไร เบิกจ่ายไปให้ใคร การกระทำของ กทม. ถือได้ไหมว่า เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย และถือเป็นการฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือไม่ ฝากให้ชาว กทม.ร่วมกันพิจารณา แล้วเอาคำตอบไปตอบตอนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ก็จะเป็นการดี