ที่ปรึกษาด้านลงทุนอสังหาฯประเมิน การซื้อขายโรงแรมในไทย อินโดนีเซีย และมัลดิฟส์เป็นที่สนใจของนักลงทุนมากที่สุด
นาย ทอม โอคเดน รองประธานบริหารฝ่ายตัวแทนซื้อขายเพื่อลงทุนจากโจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์ กล่าวว่า ตลาดการลงทุนซื้อขายโรงแรมในไทย อินโดนีเซีย และมัลดิฟส์ มีศักยภาพสูงมาก จากการที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนให้ความสนใจ และจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ แม้ในปีที่ผ่านมา ตลาดการลงทุนซื้อขายโรงแรมในเอเชียและทั่วโลกจะชะลอตัว แต่นักลงทุนยังคงให้ความสนใจซื้อโรงแรมที่มีศักยภาพ ในขณะเดียวกันตลาดโรงแรมทั้งสามแห่งดังกล่าวมีศักยภาพสูงมากที่จะมีมูลค่าปรับตัวสูงขึ้น
ประเทศไทยเป็นตลาดท่องเที่ยวที่มีการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังผ่านเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองและภัยธรรมชาติต่างๆ โดยในปี 2555 นี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศมากถึง 20.5 ล้านคน ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักของโรงแรมกำลังปรับตัวสูงขึ้น แม้จะมีซัพพลายใหม่การก่อสร้างโรงแรมเพิ่มขึ้นก็ตาม โดยเฉพาะตลาดโรงแรมของภูเก็ตมีศักยภาพสูงกว่าเมืองอื่นๆ ในแง่ของการขยายตัวของรายได้ นอกจากนี้ ที่สำคัญคือ ตลาดโรงแรมของไทยกำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตลาดการซื้อขายมีสภาพคล่องมากขึ้น ดังจะเห็นตัวอย่างได้จากการที่มีการซื้อขายโรงแรมรายการใหญ่ๆ เกิดขึ้นถึง 5 รายการในช่วง 18 เดือนที่ผ่าน รวมถึงการขายโรงแรมโมเวนพิค ภูเก็ต ซึ่งนับเป็นการซื้อขายโรงแรมรายการใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และปิดการขายโดยโจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์
ส่วนอินโดนีเซีย กำลังเป็นที่หมายตาของนักลงทุนมากขึ้นเช่นกัน จากการมีฐานนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียเองมากถึง 17.5 ล้านคน และมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาผ่านสนามบินต่างๆ รวม 5.2 ล้านคนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ส่วนเมืองหลักที่นักลงทุนให้ความสนใจ ได้แก่ บาหลีและกรุงจาการ์ตา แต่ในขณะเดียวกันก็เริ่มให้ความสนใจเมืองอื่นๆ ด้วย อย่างไรก็ดี โรงแรมที่เหมาะสำหรับซื้อเพื่อลงทุนมีค่อนข้างจำกัด ประกอบกับรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้ราคาเสนอขายสูง ซึ่งนักลงทุนที่เข้าใจในทั้งสองปัจจัยหลักดังกล่าวคาดว่าจะสามารถรับราคาได้
ทางด้านหมู่เกาะมัลดิฟส์ ปัจจุบัน ไม่ได้มีเป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคู่ฮันนีมูนเท่านั้น โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่าน พบว่ามีนักท่องจากจีนหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมาก ในแง่ของการลงทุน มัลดิฟส์เป็นตลาดโรงแรมที่มีค่าเช่าห้องพักเฉลี่ยรายวันสูงที่สุดในโลก และจากการใช้แนวคิด “หนึ่งเกาะ หนึ่งรีสอร์ท” โรงแรมในมัลดิฟส์จึงมีแหล่งรายได้อื่นๆ ที่ค่อนข้างสูงด้วย นอกเหนือจากค่าบริการห้องพัก อาทิ บริการอาหาร เครื่องดื่มและอื่นๆ ส่วนนโยบายจากภาครัฐฯ เกี่ยวกับการลงทุนจากต่างประเทศ มีการผ่อนปรนมากขึ้น โดยได้ขยายเวลาการเช่าที่ดินเป็น 50 ปี นอกจากนี้ ธุรกิจโรงแรมในมัลดิฟส์ยังสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่มีข่าวในเชิงลบก่อนหน้านี้ โดยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักของโรงแรมปรับเพิ่มสูงขึ้นคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ตัวเลขสองหลัก
นาย ทอม โอคเดน รองประธานบริหารฝ่ายตัวแทนซื้อขายเพื่อลงทุนจากโจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์ กล่าวว่า ตลาดการลงทุนซื้อขายโรงแรมในไทย อินโดนีเซีย และมัลดิฟส์ มีศักยภาพสูงมาก จากการที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนให้ความสนใจ และจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ แม้ในปีที่ผ่านมา ตลาดการลงทุนซื้อขายโรงแรมในเอเชียและทั่วโลกจะชะลอตัว แต่นักลงทุนยังคงให้ความสนใจซื้อโรงแรมที่มีศักยภาพ ในขณะเดียวกันตลาดโรงแรมทั้งสามแห่งดังกล่าวมีศักยภาพสูงมากที่จะมีมูลค่าปรับตัวสูงขึ้น
ประเทศไทยเป็นตลาดท่องเที่ยวที่มีการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังผ่านเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองและภัยธรรมชาติต่างๆ โดยในปี 2555 นี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศมากถึง 20.5 ล้านคน ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักของโรงแรมกำลังปรับตัวสูงขึ้น แม้จะมีซัพพลายใหม่การก่อสร้างโรงแรมเพิ่มขึ้นก็ตาม โดยเฉพาะตลาดโรงแรมของภูเก็ตมีศักยภาพสูงกว่าเมืองอื่นๆ ในแง่ของการขยายตัวของรายได้ นอกจากนี้ ที่สำคัญคือ ตลาดโรงแรมของไทยกำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตลาดการซื้อขายมีสภาพคล่องมากขึ้น ดังจะเห็นตัวอย่างได้จากการที่มีการซื้อขายโรงแรมรายการใหญ่ๆ เกิดขึ้นถึง 5 รายการในช่วง 18 เดือนที่ผ่าน รวมถึงการขายโรงแรมโมเวนพิค ภูเก็ต ซึ่งนับเป็นการซื้อขายโรงแรมรายการใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และปิดการขายโดยโจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์
ส่วนอินโดนีเซีย กำลังเป็นที่หมายตาของนักลงทุนมากขึ้นเช่นกัน จากการมีฐานนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียเองมากถึง 17.5 ล้านคน และมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาผ่านสนามบินต่างๆ รวม 5.2 ล้านคนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ส่วนเมืองหลักที่นักลงทุนให้ความสนใจ ได้แก่ บาหลีและกรุงจาการ์ตา แต่ในขณะเดียวกันก็เริ่มให้ความสนใจเมืองอื่นๆ ด้วย อย่างไรก็ดี โรงแรมที่เหมาะสำหรับซื้อเพื่อลงทุนมีค่อนข้างจำกัด ประกอบกับรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้ราคาเสนอขายสูง ซึ่งนักลงทุนที่เข้าใจในทั้งสองปัจจัยหลักดังกล่าวคาดว่าจะสามารถรับราคาได้
ทางด้านหมู่เกาะมัลดิฟส์ ปัจจุบัน ไม่ได้มีเป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคู่ฮันนีมูนเท่านั้น โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่าน พบว่ามีนักท่องจากจีนหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมาก ในแง่ของการลงทุน มัลดิฟส์เป็นตลาดโรงแรมที่มีค่าเช่าห้องพักเฉลี่ยรายวันสูงที่สุดในโลก และจากการใช้แนวคิด “หนึ่งเกาะ หนึ่งรีสอร์ท” โรงแรมในมัลดิฟส์จึงมีแหล่งรายได้อื่นๆ ที่ค่อนข้างสูงด้วย นอกเหนือจากค่าบริการห้องพัก อาทิ บริการอาหาร เครื่องดื่มและอื่นๆ ส่วนนโยบายจากภาครัฐฯ เกี่ยวกับการลงทุนจากต่างประเทศ มีการผ่อนปรนมากขึ้น โดยได้ขยายเวลาการเช่าที่ดินเป็น 50 ปี นอกจากนี้ ธุรกิจโรงแรมในมัลดิฟส์ยังสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่มีข่าวในเชิงลบก่อนหน้านี้ โดยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักของโรงแรมปรับเพิ่มสูงขึ้นคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ตัวเลขสองหลัก