ASTVผู้จัดการรายวัน - ทรู ออนไลน์ ย้ำเบอร์ 1 บรอดแบนด์ด้วยส่วนแบ่งกว่า 43% เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง เน้นแข่งขันด้านการให้บริการมากขึ้น พร้อมขยายพื้นที่ให้บริการครอบคลุม 50 จังหวัดภายในสิ้นปีคาดรายได้รวม 1.2 หมื่นล้าน
นายเจริญ ลิ่มกังวาฬมงคล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ ทรูออนไลน์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงภาพรวมการเติบโตของตลาดบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยว่าอยู่ในระดับ 20% ซึ่งทรูออนไลน์ ถือว่ามีอัตราเติบโตใกล้เคียงหรือมากกว่าตลาดรวมเล็กน้อย
'จำนวนผู้ใช้งานบรอดแบนด์ในประเทศไทยสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3 ล้านครัวเรือน ในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าจะอยู่ที่ไม่เกิน 3.5 ล้านครัวเรือนและถึงสิ้นปีน่าจะอยู่ที่ราว 3.7-3.8 ล้านครัวเรือน'
กลยุทธ์ที่จะเน้นในช่วงครึ่งปีหลังของทรูออนไลน์คือการขยายโครงข่าย ให้บริการไปยังต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการทำแพกเกจแบบคอนเวอร์เจนซ์ให้มากขึ้น ทั้งการให้บริการไฮสปีดอินเทอร์เน็ต เคเบิลทีวี และโทรศัพท์บ้านภายในสายเคเบิลเส้นเดียวกัน ส่วนการแข่งขันทางด้านราคาในตลาดจะเริ่มน้อยลงจะเห็นได้จากคงตัวที่ความเร็ว 7 Mbps ที่ราคา 599 บาทมาสักพักหนึ่งแล้ว
เนื่องจากมีต้นทุนในการให้บริการที่สูงขึ้นจากค่าธรรมเนียมการให้บริการแบบทั่วถึง หรือ Universal Service Obligation (USO) ที่เพิ่งเริ่มเก็บ 3.75% ตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่รวมถึงค่าใบอนุญาตในการให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตที่อาจเปลี่ยนค่าธรรมเนียมต่อปี 250,000 บาท เป็น 2% ของรายได้ ทำให้ต้นทุนใบอนุญาตให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอาจเพิ่ม ขึ้นกว่า 1,000%
นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป สายงานบริการบรอดแบนด์ กล่าวถึงผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาว่ามีรายได้รวมอยู่ที่เกือบ 6 พันล้านบาท ซึ่งรวมทั้งกลุ่มลูกค้าบ้าน ธุรกิจรายย่อย องค์กร และบริการไวไฟ โดยกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดคือลูกค้าบ้านที่แพกเกจความเร็ว7 Mbps 599 บาท มีอัตราการเติบโตกลุ่มนี้ประมาณ 20.5% และคาดว่าถึงสิ้นปีจะมีรายได้รวมที่ 1.2 หมื่นล้านบาท
ขณะที่จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น130,000 ราย ทำให้รวมแล้วทรูออนไลน์มีลูกค้าทั้งหมด 1.47 ล้านราย คิดเป็นอัตราการเติบโต 65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดที่กสทช.ทำการสำรวจผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง พบว่าทรูมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 43.5% โดยรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือน (ARPU) อยู่ที่ 709 บาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 750 - 800 บาทในปีหน้าจากความต้องการความเร็วที่มากขึ้นของลูกค้า เนื่องจากปัจจุบันมีให้บริการด้วยความเร็วจนถึง 100 Mbps
สิ่งที่ทำให้ทรูออนไลน์ ประสบความสำเร็จในครึ่งปีแรก คือการขยายโครงข่ายไปมากกว่า 30 จังหวัด โดยปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นมาเป็น 15% ส่วนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 85% ซึ่งเชื่อว่าจะคงสัดส่วนนี้จนถึงปลายปี เนื่องจากการขยายพื้นที่ไปยัง 50 จังหวัดจะเริ่มทำตลาดในช่วงต้นปีหน้า
นายเจริญ ลิ่มกังวาฬมงคล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ ทรูออนไลน์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงภาพรวมการเติบโตของตลาดบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยว่าอยู่ในระดับ 20% ซึ่งทรูออนไลน์ ถือว่ามีอัตราเติบโตใกล้เคียงหรือมากกว่าตลาดรวมเล็กน้อย
'จำนวนผู้ใช้งานบรอดแบนด์ในประเทศไทยสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3 ล้านครัวเรือน ในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าจะอยู่ที่ไม่เกิน 3.5 ล้านครัวเรือนและถึงสิ้นปีน่าจะอยู่ที่ราว 3.7-3.8 ล้านครัวเรือน'
กลยุทธ์ที่จะเน้นในช่วงครึ่งปีหลังของทรูออนไลน์คือการขยายโครงข่าย ให้บริการไปยังต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการทำแพกเกจแบบคอนเวอร์เจนซ์ให้มากขึ้น ทั้งการให้บริการไฮสปีดอินเทอร์เน็ต เคเบิลทีวี และโทรศัพท์บ้านภายในสายเคเบิลเส้นเดียวกัน ส่วนการแข่งขันทางด้านราคาในตลาดจะเริ่มน้อยลงจะเห็นได้จากคงตัวที่ความเร็ว 7 Mbps ที่ราคา 599 บาทมาสักพักหนึ่งแล้ว
เนื่องจากมีต้นทุนในการให้บริการที่สูงขึ้นจากค่าธรรมเนียมการให้บริการแบบทั่วถึง หรือ Universal Service Obligation (USO) ที่เพิ่งเริ่มเก็บ 3.75% ตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่รวมถึงค่าใบอนุญาตในการให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตที่อาจเปลี่ยนค่าธรรมเนียมต่อปี 250,000 บาท เป็น 2% ของรายได้ ทำให้ต้นทุนใบอนุญาตให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอาจเพิ่ม ขึ้นกว่า 1,000%
นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป สายงานบริการบรอดแบนด์ กล่าวถึงผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาว่ามีรายได้รวมอยู่ที่เกือบ 6 พันล้านบาท ซึ่งรวมทั้งกลุ่มลูกค้าบ้าน ธุรกิจรายย่อย องค์กร และบริการไวไฟ โดยกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดคือลูกค้าบ้านที่แพกเกจความเร็ว7 Mbps 599 บาท มีอัตราการเติบโตกลุ่มนี้ประมาณ 20.5% และคาดว่าถึงสิ้นปีจะมีรายได้รวมที่ 1.2 หมื่นล้านบาท
ขณะที่จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น130,000 ราย ทำให้รวมแล้วทรูออนไลน์มีลูกค้าทั้งหมด 1.47 ล้านราย คิดเป็นอัตราการเติบโต 65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดที่กสทช.ทำการสำรวจผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง พบว่าทรูมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 43.5% โดยรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือน (ARPU) อยู่ที่ 709 บาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 750 - 800 บาทในปีหน้าจากความต้องการความเร็วที่มากขึ้นของลูกค้า เนื่องจากปัจจุบันมีให้บริการด้วยความเร็วจนถึง 100 Mbps
สิ่งที่ทำให้ทรูออนไลน์ ประสบความสำเร็จในครึ่งปีแรก คือการขยายโครงข่ายไปมากกว่า 30 จังหวัด โดยปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นมาเป็น 15% ส่วนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 85% ซึ่งเชื่อว่าจะคงสัดส่วนนี้จนถึงปลายปี เนื่องจากการขยายพื้นที่ไปยัง 50 จังหวัดจะเริ่มทำตลาดในช่วงต้นปีหน้า
