วานนี้ (11 ต.ค.) นายเรืองศักดิ์ เจริญผล ตัวแทนเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ องค์การปฏิรูปพลังงาน ได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายสงัด ปัถวี รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาล เนื่องจากอนุญาตให้องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซ่า) ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เข้ามาเช่าฐานทัพอู่ตะเภา จ.ชลบุรี เพื่อสำรวจชั้นบรรยากาศ โดยไม่ได้เปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึง และไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่ระบุว่า "หนังสือสัญญาใดที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาก่อนการดำเนินการเพื่อทำหนังสือสัญญากับนานาประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ คณะรัฐมนตรีต้องให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และคณะรัฐมนตรีให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรายละเอียดของหนังสือสัญญานั้น"
" กรณีนี้รัฐบาลไม่ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และไม่ได้แจ้งรายละเอียดในสัญญาก่อนการทำสัญญากับองค์การนาซ่า จึงถือได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิคนไทยทั้งประเทศ และองค์การนาซ่า เคยระบุว่าหากเลยวันที่ 26 มิ.ย. 55 จะไม่สามารถสำรวจชั้นบรรยากาศได้อีก แต่มาวันนี้รัฐบาลไทยกำลังร้องขอให้องค์การนาซ่า มาสำรวจชั้นบรรยากาศอย่างเร่งรีบ ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงกับการให้สัมปทานพลังงาน ครั้งที่ 21 ที่องค์การนาซ่า กับบริษัทเชฟร่อน มีผลประโยชน์ด้านพลังงานร่วมกัน เพราะเป็นคู่ธุรกิจกัน คำพูดขององค์การนาซ่า จึงมิอาจจะเชื่อถือได้ว่า จะสำรวจเฉพาะชั้นบรรยากาศเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า รัฐบาลกำลังละเมิดสิทธิของคนไทยที่ไม่ได้ยึดหลักนิติธรรม ไม่ได้สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย และเป็นระบอบเผด็จการรัฐสภา"
ด้านนายสงัด กล่าวว่า หลังจากนี้ตนจะเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อพิจารณาว่ามีอำนาจที่จะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ แต่เบื้องต้นมีบางประเด็นในคำร้องที่จะต้องมีการแก้ไข เนื่องจากผู้ตรวจการแผ่นดินมีหน้าที่ตรวจสอบจริยธรรมของข้าราชการ ไม่ได้มีอำนาจที่จะตรวจสอบการกระทำของรัฐบาล จึงควรระบุในคำร้องให้ชัดเจนว่าต้องการให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบข้าราชการคนใดกระทรวงใดที่เป็นต้นเรื่องในการที่ให้องค์การนาซ่าเข้ามาใช้พื้นที่อู่ตะเภา เพื่อสำรวจชั้นบรรยากาศ ซึ่งในกรณีนี้น่าจะเป็นกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่วนกรณีที่จะไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ดำเนินการตรวจสอบเรื่องการละเมิดสิทธิ ทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะมีการประสานงานร่วมกับกสม.ในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
**"โอบามา"มีแผนเยือนไทย18-19พ.ย.
วานนี้(11 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศของไทย และตำรวจสันติบาล จำนวนหนึ่ง ได้ร่วมหารือกันอย่างไม่เป็นทางการ และตรวจดูสถานที่ ทั้งตึกไทยคู่ฟ้า และตึกสันติไมตรี เพื่อเตรียมการในการต้อนรับ นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดการเบื้องต้น ในขณะนี้ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯอาจจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย.นี้ แต่ทั้งหมดต้องรอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ของสหรัฐฯในวันที่ 6 พ.ย.ก่อน ถึงจะมีกำหนดการอย่างเป็นทางการจากทางทำเนียบขาวอีกครั้ง
ทั้งนี้ นายบารัก โอบามา เคยมีแผนเยือนไทยมาแล้วครั้งหนึ่ง ในช่วงประชุมอาเซียนซัมมิท ที่ประเทศกัมพูชาที่ผ่านมา แต่หลังจากที่ประเทศไทยปัดความร่วมมือให้องค์การบริหารการบิน และอวกาศแห่งชาติสหรัฐ หรือนาซา ใช้สนามบินอู่ตะเภา สำรวจสภาพอากาศ นายบารัก จึงได้ยกเลิกการเดินทางมาเยือน
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกำหนดการเยือนไทยของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 18-19 พ.ย. จากเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯ ที่เดินทางมาดูสถานที่ ต่างปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด โดยกล่าวเพียงว่า ต้องรอการยืนยันอย่างเป็นทางการจากทำเนียบขาวก่อน เพราะเป็นช่วงของการเลือกตั้ง แต่ยอมรับว่า มีการหารือเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ถึงการเดินทางมาเยือนของระดับผู้นำประเทศจริง
" กรณีนี้รัฐบาลไม่ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และไม่ได้แจ้งรายละเอียดในสัญญาก่อนการทำสัญญากับองค์การนาซ่า จึงถือได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิคนไทยทั้งประเทศ และองค์การนาซ่า เคยระบุว่าหากเลยวันที่ 26 มิ.ย. 55 จะไม่สามารถสำรวจชั้นบรรยากาศได้อีก แต่มาวันนี้รัฐบาลไทยกำลังร้องขอให้องค์การนาซ่า มาสำรวจชั้นบรรยากาศอย่างเร่งรีบ ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงกับการให้สัมปทานพลังงาน ครั้งที่ 21 ที่องค์การนาซ่า กับบริษัทเชฟร่อน มีผลประโยชน์ด้านพลังงานร่วมกัน เพราะเป็นคู่ธุรกิจกัน คำพูดขององค์การนาซ่า จึงมิอาจจะเชื่อถือได้ว่า จะสำรวจเฉพาะชั้นบรรยากาศเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า รัฐบาลกำลังละเมิดสิทธิของคนไทยที่ไม่ได้ยึดหลักนิติธรรม ไม่ได้สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย และเป็นระบอบเผด็จการรัฐสภา"
ด้านนายสงัด กล่าวว่า หลังจากนี้ตนจะเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อพิจารณาว่ามีอำนาจที่จะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ แต่เบื้องต้นมีบางประเด็นในคำร้องที่จะต้องมีการแก้ไข เนื่องจากผู้ตรวจการแผ่นดินมีหน้าที่ตรวจสอบจริยธรรมของข้าราชการ ไม่ได้มีอำนาจที่จะตรวจสอบการกระทำของรัฐบาล จึงควรระบุในคำร้องให้ชัดเจนว่าต้องการให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบข้าราชการคนใดกระทรวงใดที่เป็นต้นเรื่องในการที่ให้องค์การนาซ่าเข้ามาใช้พื้นที่อู่ตะเภา เพื่อสำรวจชั้นบรรยากาศ ซึ่งในกรณีนี้น่าจะเป็นกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่วนกรณีที่จะไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ดำเนินการตรวจสอบเรื่องการละเมิดสิทธิ ทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะมีการประสานงานร่วมกับกสม.ในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
**"โอบามา"มีแผนเยือนไทย18-19พ.ย.
วานนี้(11 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศของไทย และตำรวจสันติบาล จำนวนหนึ่ง ได้ร่วมหารือกันอย่างไม่เป็นทางการ และตรวจดูสถานที่ ทั้งตึกไทยคู่ฟ้า และตึกสันติไมตรี เพื่อเตรียมการในการต้อนรับ นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดการเบื้องต้น ในขณะนี้ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯอาจจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย.นี้ แต่ทั้งหมดต้องรอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ของสหรัฐฯในวันที่ 6 พ.ย.ก่อน ถึงจะมีกำหนดการอย่างเป็นทางการจากทางทำเนียบขาวอีกครั้ง
ทั้งนี้ นายบารัก โอบามา เคยมีแผนเยือนไทยมาแล้วครั้งหนึ่ง ในช่วงประชุมอาเซียนซัมมิท ที่ประเทศกัมพูชาที่ผ่านมา แต่หลังจากที่ประเทศไทยปัดความร่วมมือให้องค์การบริหารการบิน และอวกาศแห่งชาติสหรัฐ หรือนาซา ใช้สนามบินอู่ตะเภา สำรวจสภาพอากาศ นายบารัก จึงได้ยกเลิกการเดินทางมาเยือน
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกำหนดการเยือนไทยของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 18-19 พ.ย. จากเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯ ที่เดินทางมาดูสถานที่ ต่างปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด โดยกล่าวเพียงว่า ต้องรอการยืนยันอย่างเป็นทางการจากทำเนียบขาวก่อน เพราะเป็นช่วงของการเลือกตั้ง แต่ยอมรับว่า มีการหารือเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ถึงการเดินทางมาเยือนของระดับผู้นำประเทศจริง