xs
xsm
sm
md
lg

สื่อนอกจวก"ปู"ห่วงเสียงตก เมินรื้อจำนำข้าว "บุญทรง"แจงจีทูจีไม่เคลียร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน/รอยเตอร์/เอเยนซีส์-สื่อนอกจวกโครงการจำนำข้าวรัฐบาล "ปู" สุดเหลวแหลก จะกลับมาเป็นบ่วงรัดคอตัวเอง เชื่อไม่มีทางเลิก เหตุหวั่นคะแนนเสียงตก "ปู"สั่ง"บุญทรง"แจงให้ชัดขายข้าวจีทูจี แต่เจ้าตัวพูดสั้นๆ ง่ายๆ ไร้รายละเอียด มีแต่ตัวเลขกลมๆ กับอีก 4 ประเทศ ปชป.จับผิด อินโดฯ-ปินส์ พูดชัดไม่เคยซื้อข้าวจีทูจีกับไทย "เหลิม"ดี๊ด้า หลังศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องอาจารย์นิด้าขอให้ยุติจำนำข้าว ลั่นโง่ ไล่เอาปี๊บคลุมหัว

สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นโยบายรับจำนำข้าวให้กับชาวนาที่อัตรา 15,000 บาทต่อตัน ของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำลังทำให้บรรดาผู้ส่งออกข้าวไทยหมดปัญญาที่จะหาผู้รับซื้อในต่างประเทศ และส่งผลให้ข้าวไทยปริมาณกว่า 12 ล้านตันต้องตกค้างอยู่ในโกดังของรัฐ กระทบกับการส่งออกอย่างเลวร้าย
ทั้งนี้ บรรดานักวิชาการและนักวิเคราะห์ต่างระบุว่า การกำหนดราคาข้าวที่ตันละ 10,000-12,000 บาท น่าจะมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับความเป็นจริง และมีความยั่งยืนมากกว่า แต่ถึงกระนั้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยซึ่งประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งจากการชูนโยบายดังกล่าว ที่ได้รับแรงสนับสนุนแรงงานภาคเกษตรที่มีสัดส่วนสูงถึง 40% ของแรงงานทั้งประเทศ ดูเหมือนจะไม่สามารถหาทางถอยหลังกลับได้ง่ายนักในกรณีนี้ แม้จะเป็นเป็นที่ทราบกันดีว่า นโยบายรับจำนำข้าวที่สูงลิ่วนี้เป็นไปเพราะแรงกระตุ้นทางการเมืองมากกว่าความเป็นเหตุเป็นผลทางเศรษฐกิจ
รายงานของรอยเตอร์ระบุว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เคยเตือนรัฐบาลไทยผ่านรายงานเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า โครงการจำนำข้าวจำเป็นต้องถูกจับตาตรวจสอบ และปรับปรุงเสียใหม่ หากมีความจำเป็น โดยเฉพาะในกรณีของต้นทุนและความเสียหายทางเศรษฐกิจ แต่ดูเหมือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้เพิกเฉยต่อคำเตือน
ยิ่งไปกว่านั้น โครงการจำนำข้าว ยังเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายทั้งพ่อค้าคนกลาง บริษัทรับประกัน เจ้าของโกดัง เจ้าของโรงสี และพวกที่รับจ้างตรวจสอบข้าว ที่ต่างมีการเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์และทุจริตในแทบทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ชาวนาไทยกลับต้องยอมขายข้าวในราคาที่ต่ำกว่าราคารับจำนำกว่าครึ่ง และแทบไม่ได้รับอานิสงส์ใดๆ จากโครงการนี้ ขณะที่ผลผลิตข้าวที่ควรจะถูกส่งออกไปจำหน่ายเพื่อนำรายได้เข้าประเทศ กลับต้องถูกเก็บแช่อยู่ตามโกดังต่างๆ เพราะขายไม่ออก เนื่องจากไม่มีผู้ซื้อรายใดในตลาดโลกยอมจ่ายเงินที่แพงกว่าเพื่อซื้อข้าวไทย ที่ราคาสูงเกินความเป็นจริง ส่งผลให้รัฐบาลต้องประสบปัญหาในการหาสถานที่เก็บข้าวเพิ่ม ถึงขั้นต้องขอความร่วมมือจากกองทัพให้ช่วยหาสถานที่รองรับข้าว
อย่างไรก็ดี เป็นที่คาดกันว่า การเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อโครงการดังกล่าว อาจนำมาซึ่งสิ่งที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยไม่พึงปรารถนา นั่นก็คือ ความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป จึงแทบมองไม่เห็นความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะล้มเลิกหรือถอยหลังกลับ แม้ถึงจุดๆ หนึ่ง นายกรัฐมนตรีหญิงของไทยจะต้องตัดสินใจว่าจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปเพื่อรักษาคะแนนเสียงทางการเมือง แต่ต้องยอมแลกมาด้วยสิ่งที่บรรดานักวิเคราะห์อิสระทั้งหลายลงความเห็นว่าเป็นความไม่ยั่งยืนทางเศรษฐกิจ

**"ปู"โยน"บุญทรง"แจงละเอียดซื้อขายจีทูจี
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาความไม่ชัดเจนในนโยบายเรื่องข้าวของรัฐบาลว่า เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ตนจะให้กระทรวงพาณิชย์แถลงข่าวชี้แจงอีกครั้งว่าการขายข้าวแบบจีทูจีมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง โดยจะให้มีการชี้แจงรายละเอียดเป็นกลุ่มๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการเซ็นสัญญาเอ็มโอยูว่าทำกับประเทศไหนบ้าง จนไปสู่ขั้นตอนการทำสัญญาเปิดแอลซี และการส่งมอบข้าว อย่างไรก็ตาม เนื้อหาบางอย่างเป็นความลับในเรื่องของการซื้อขาย แต่จะพยายามให้กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงรายละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่ให้ได้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันว่าทุกอย่างเรามีขั้นตอนรายละเอียด และทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใส
ส่วนปัญหาเรื่องการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ลงไปสำรวจและตรวจสอบอย่างใกล้ชิด และจะได้มีการเรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ลงไปทำงานอย่างเข้มข้น ให้เกิดความโปร่งใส สบายใจ และไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบประชาชน

**"บุญทรง"แจงขายจีทูจีไร้รายละเอียด
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการขายข้าวจีทูจีของกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้มีสัญญาการขายข้าวจีทูจีแล้ว 7.3 ล้านตัน ภายใต้สัญญา 6 ฉบับ โดยขายให้กับ 4 ประเทศ คือ จีน อินโดนีเซีย บังกลาเทศ และโกตดิวัวร์ ขณะนี้ส่งมอบไปแล้ว 2 ล้านตัน เหลือค้างส่งมอบอีก 5 ล้านตัน จะทยอยส่งมอบให้จนถึงสิ้นปี 2556
ส่วนรูปแบบการขายข้าวจีทูจีที่มีการขายแบบหน้าคลังนั้น มองว่าวิธีการดังกล่าว รัฐบาลได้ประโยชน์สูงสุด เพราะไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านการปรับปรุงคุณภาพข้าว ค่าขนส่ง รวมถึงค่าเรือ โดยประเทศผู้ซื้อจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ทั้งหมด รวมทั้งเลือกบริษัทที่จะเป็นผู้รับมอบข้าวและปรับปรุงคุณภาพข้าว
"ตัวเลขการขายข้าวจีทูจีไม่ปรากฎในตัวเลขส่งออกข้าวรายเดือน อย่าไปมองเรื่องดังกล่าวจนเป็นประเด็น มองแค่ว่ารัฐบาลได้เงินกลับคืนมาก็พอ และจะให้เอกชนรายไหนเป็นผู้ปรับปรุงข้าวก็เป็นเรื่องของประเทศนั้น แต่ยืนยันว่าสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจีมีจริง ไม่ใช่เป็นเพียงเอ็มโอยู ส่วนราคานั้นไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าขายเท่าไร แต่เกิน 500 เหรียญสหรัฐ/ตันแน่”นายบุญทรงกล่าว

**พูดไม่ตรงกันส่งเงินคืนหลวง2.6แสนล้าน
นายบุญทรงกล่าวว่า การระบายสินค้าเกษตรที่ได้จากโครงการรับจำนำของรัฐบาล คาดว่าจะได้เงินคืนกลับมาทั้งสิ้น 2.6 แสนล้านบาท ตามการประมาณการณ์จนถึงสิ้นปีหน้า แบ่งเป็นการขายข้าวสต๊อกรัฐบาลรวมทั้งหมด 11 ล้านตัน ทั้งการขายจีทูจี ขายประมูลให้เอกชนและหน่วยงานรัฐ รวมไปถึงการระบายมันสำปะหลังในสต๊อกอีก 2 ล้านตัน ที่คาดว่าจะได้เงิน 2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ยังเหลือข้าวในสต๊อกที่ไม่มีภาระผูกพันอีก 4 ล้านตัน โดยเงินที่ได้จากการขายสินค้าเกษตรจากโครงการรับจำนำ จะทำให้มีเงินเพียงพอที่จะนำไปใช้ในการรับจำนำต่อไป
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ก่อนหน้านี้ นายบุญทรง ได้แถลงแผนการระบายข้าวของรัฐบาลเมื่อช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าจนถึงสิ้นปี 2556 รัฐบาลจะหาเงินจากการระบายสต๊อกข้าวได้ 2.6 แสนล้านบาทมาส่งคืนรัฐบาล โดยในการแถลงข่าวครั้งนั้นระบุว่าเป็นการขายข้าวสต๊อกรัฐบาล 7.3 ล้านตัน และขายข้าวให้เอกชนกับหน่วยงานรัฐอีก 1 ล้านตันเท่านั้น แต่การแถลงล่าสุดได้รวมข้าวสต๊อกรัฐบาลทั้งหมด 11 ล้านตัน และสต๊อกมันสำปะหลังเข้าไปด้วย

**ปชป.ยันอินโดฯ-ปินส์ปัดซื้อจีทูจีไทย
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่า มี 2 ประเทศ คือ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งทั้ง 2 ประเทศได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่ได้ซื้อข้าวจากไทย รัฐบาลจะต้องตอบคำถาม 4 ข้อ คือ 1.การขายข้าว 7.33 ล้านตัน ขายไปที่ไหน และเป็นสัญญาซื้อขายหรือเอ็มโอยู 2.ถ้าซื้อขายในลักษณะรัฐต่อรัฐ เงินที่ได้ไปอยู่ที่ไหน 3.ตัวเลขปลายทางในการส่งออกข้าวไปอยู่ที่ใด และ4.หากขายข้าวได้ 7.33 ล้านตันจริง ทำไมรัฐบาลจึงต้องวิ่งหาโกดังเก็บข้าว โดยเฉพาะจะใช้ที่ดอนเมืองเป็นสถานที่เก็บ

**สงสัยที่1ขายข้าวเอาข้าวมาจากไหน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้บริษัทที่ส่งออกข้าวได้มากที่สุด คือ บริษัทที่ใกล้ชิดรัฐบาลตั้งแต่่สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยสามารถเอาชนะยักษ์ใหญ่แห่งวงการข้าวไทยได้ ทั้งๆ ที่บริษัทดังกล่าว ไม่เคยประมูลข้าวจากรัฐบาลเลย จึงไม่แน่ใจว่าเอาข้าวที่ไหนไปส่งออก แต่ก่อนหน้านี้ มีข่าวเบิกข้าวจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) ไป 1 ล้านตัน แต่ล่องหนไป ข้าวจำนวนนี้หรือเปล่าที่ถูกเวียนเทียน จำนำ และลักลอบส่งออกโดยบริษัทที่ใกล้ชิดของรัฐบาล ซึ่งตนขอตั้งข้อสังเกตว่ามีการใช่ช่องทางนี้ทุจริต โดยเอาคำว่าจีทูจีมาบังหน้า แต่เป็นการแอบลักลอบเอาข้าวให้พรรคพวกไปขายในราคาขาดทุน
สอดคล้องกับนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) ที่ระบุว่า บริษัทที่ส่งออกข้าวอันดับ 1 ตอนนี้ คือ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ตั้งแต่ม.ค.-ก.ย.2555 ส่งออกได้ 4.75 แสนตัน ซึ่งปีที่แล้วบริษัทส่งออกแค่ 2 แสนตันเท่านั้น จึงน่าสงสัยว่าบริษัทนี้ได้โควตาข้าวมาจากไหน อย่างไร

***ไม่รับคำร้องนิด้าขอให้สั่งหยุดจำนำข้าว
วันเดียวกันนี้ นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ แถลงภายหลังการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องกรณีนายอดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อาจารย์คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และคณะ ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งยุติโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เนื่องจากเห็นว่า คำร้องนี้เป็นการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยับยั้งหรือยุติโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ซึ่งเป็นกรณีที่ไม่อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบกับผู้ร้องยังมิใช่เป็นบุคคล ซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพอันสืบเนื่องมาจากบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และมิใช่เป็นการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญคำร้องนี้จึงไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 212
ด้านนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยว่าบทบัญญัติของกฎหมายใด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่เท่านั้น แต่คำร้องนี้เป็นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า โครงการของรัฐบาลขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่มีบทบัญญัติใดให้อำนาจไว้ เรื่องนี้จึงน่าจะมายื่นผิดศาล โดยศาลพิจารณาตามข้อกฎหมายเป็นหลัก ไม่เกี่ยวกับคำขู่ของชาวนาที่ว่าจะมีการเคลื่อนไหว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าก่อนการประชุมคณะตุลาการ นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย และคณะ เดินทางมายื่นหนังสือเพื่อขอให้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องกรณีนายอดิศร์ ขอให้วินิจฉัยพิจารณายับยั้งหรือยุติโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยมีนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้รับหนังสือ

**"อดิศร์"ยุติบทบาทหันทำงานวิชาการ
นายอดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อาจารย์นิด้า กล่าวว่า จะทำงานวิชาการตามปกติ จะหารือกับอาจารย์เครือข่าย เป็นงานทางวิชาการ ส่วนตัวจะไม่ไปยื่นหน่วยงานใดแล้ว ส่วนนักวิชาการคนอื่น จะยื่นช่องทางอื่นก็ไม่เป็นปัญหา โดยตนพอใจในสิ่งที่ทำ วิเคราะห์ข้อมูล ผ่านสื่อและให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้น ในกระบวนการส่งออกข้าวของไทย พอใจและเคารพคำตัดสินของศาล ไม่ใช่คนที่ไม่ยอมรับคำตัดสินของผู้อื่น แม้ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง จะเดินหน้าศึกษาทางวิชาการต่อไป หากจะเสียใจอยู่บ้าง เพราะไม่อยากให้ความเสียหายรุนแรงไปมากกว่า

"** "เฉลิม"ได้ทีอัดโง่! ไล่เอาปี๊บคลุมหัว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของนักวิชาการนิด้า เรื่องให้ระงับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า ตนเคยบอกไปแล้วว่าศาลรัฐธรรมนูญจะไม่รับคำร้องกรณีดังกล่าว เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะรับเรื่อง เนื่องจากโครงการรับจำนำข้าวเป็นเรื่องนโยบายรัฐบาล ส่วนตัวเชื่อว่าหากนักวิชาการกลุ่มดังกล่าวไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครองอีก ศาลปกครองก็จะไม่รับ เพราะไม่ใช่เป็นประเด็นที่รัฐบาลกระทำกับประชาชน
"นักวิชาการกลุ่มนี้ โง่ สุ่มสี่สุ่มห้า ทำเรื่องที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ถ้าอยากเล่นการเมืองมาก ก็ขอให้ลาออกจากนักวิชาการแล้วลงมาสมัครรับเลือกตั้งแข่งขันกัน และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องแล้ว นักวิชาการจะเอาอะไรคลุมหัว เอาปี๊บไหม" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

**นัด15ต.ค.ตรวจสอบโกงจำนำข้าว
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลกรณีโครงการรับจำนำข้าวว่า เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีข้อมูล เพราะหากเขามีข้อมูลจริง ก็ไม่คงรอจังหวะไปถึงสิ้นเดือนต.ค. และหากตนเป็นฝ่ายค้าน เมื่อพบข้อมูลทุจริต ก็จะยื่นทันที ไม่ต้องรอ อย่างไรก็ตาม ตนขอเรียกร้องให้นักวิชาการ รวมถึงสมาชิกพรรคฝ่ายค้านให้โอกาสรัฐบาลทำงานบ้าง
ส่วนกรณีการตรวจสอบการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ว่า ในวันที่ 15 ต.ค. ตนได้เชิญเจ้าหน้าที่จากองค์การคลังสินค้า (อคส.) กระทรวงพาณิชย์ องค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อตก.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) มาสอบถามถึงข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง ที่ทำเนียบรัฐบาล

** ชี้เลี่ยงตรวจสอบ"นายทุนเพื่อไทย"
นายไพบูลย์ นิติตะวัน สว.สรรหา กล่าวถึงเรื่องการตรวจสอบการทุจริตจำนำข้าวว่า ขณะนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยอมรับแล้วว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลมีปัญหา และมีการทุจริตเกิดขึ้น แต่ตนเชื่อว่าประเด็นที่ ร.ต.อ.เฉลิม บอกกับสื่อมวลชน เพื่อต้องการทำให้เห็นว่ารัฐบาลได้มีการดำเนินการจับกุมกลุ่มคนที่ทำทุจริตแล้ว แต่ข้อมูลที่ตนมีนั้นพบว่ากลุ่มคนที่ถูกจับ หากเป็นพรรคพวกของคนในรัฐบาล หรือเป็นนายทุนของพรรคเพื่อไทย ก็จะไม่โดน
กำลังโหลดความคิดเห็น