ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เหตุการณ์กลุ่มคนเสื้อแดงจัดม็อบมายั่วยุประชาชนผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ไปให้กำลังใจอดีตครูสาวสู้คดีหมิ่นประมาทนางดารณี กฤตบุญญาลัย ที่กองปราบปราม จนนำไปสู่การกระทบกระทั่งและมีผู้บาดเจ็บเลือดตกยางออก เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น ไม่ใช่เหตุการณ์แรก ที่การชุมนุมโดยสงบตามสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองไว้ ถูกคนเสื้อแดงในเครือข่ายระบอบทักษิณ เข้ามาก่อกวนยั่วยุ ปั่นป่วน จนนำไปสู่ความรุนแรงในที่สุด
ย้อนไปตั้งแต่ก่อนที่จะถึงจุดกำเนิดคนเสื้อแดง ปลายปี 2548 เครือข่ายระบอบทักษิณก็ได้ใช้ความป่าเถื่อน ด้วยยุทธวิธีจัดม็อบชนม็อบเพื่อคุกคามโดยหวังปิดปากหรือสยบมวลชนกลุ่มอื่นที่มีจุดยืนทางการเมืองตรงข้ามกับฝ่ายตนแล้ว
เริ่มตั้งแต่การจัดม็อบพนักงานป่าไม้ไปก่อกวนการจัดเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่สวนลุมพินี ในทุกวันศุกร์ของช่วงปลายปี 2548 และต่อเนื่องไปถึงต้นปี 2549 ทำให้นายสนธิต้องยกระดับการเคลื่อนไหว ไปเป็นการขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และก่อตั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในที่สุด
ในปี 2549 ก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะถูกยึดอำนาจนั้น ในช่วงที่กระแสต่อต้านรัฐบาลเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เครือข่ายระบอบทักษิณได้ใช้วิธีการหนุนหลังอันธพาลคุกคามชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยมี “รัฐตำรวจ”อยู่เบื้องหลัง
เหตุการณ์ที่สะท้อนความอัปยศของรัฐตำรวจภายใต้ระบอบทักษิณที่สุด คือกรณีที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 21 ส.ค.2549 เมื่อกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าล็อกคอและทำร้ายร่างกายคนแก่และสตรีที่มาประท้วง พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมี พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา หรือ “โอ๋ สืบหก” ผกก.สส.น.6 ในขณะนั้น ยืนสั่งการ ซึ่งต่อมา ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดมีโทษปลดออกหรือไล่ออก เมื่อ 8 ก.พ.2550 แต่ “โอ๋ สืบหก” ก็กลับเข้ารับราชการได้อีก เมื่อระบอบทักษิณกลับมาอีกครั้ง
ความถ่อยเถื่อนของมวลชนระบอบทักษิณยังเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 หลังจากที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ประกาศจะชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณครั้งใหญ่ ในวันที่ 20 ก.ย.2549 ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ก็มีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วว่าฝ่ายระบอบทักษิณได้เตรียมจัดม็อบมาปะทะกับพันธมิตรฯ จนถึงขั้นนองเลือด ในวันดังกล่าว ทำให้คณะทหารนำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ขณะนั้น ใช้เป็น 1 ใน 4 ข้ออ้างในการยึดอำนาจก่อนวันนัดหมายชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรฯ เพียง 1 วัน
แม้กระทั่งหลังจากที่ระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจอีกครั้งหลังการเลือกตั้งเมื่อปลายปี 2550 ก็ยังคงใช้มวลชนอันธพาลภายใต้การรู้เห็นเป็นใจของรัฐตำรวจ ในการคุกคามฝ่ายตรงข้ามอยู่เช่นเคย
เริ่มจากการจัดสัมมนารายการ“ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อรณรงค์คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญลบล้างความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2551 ฝ่ายระบอบทักษิณก็เปิดสงครามยั่วยุ โดยนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชนขณะนั้น ประกาศตั้งกลุ่มมหาประชาชนพิทักษ์ประชาธิปไตย และขอใช้สถานที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคลื่อนไหวในวันที่ 28 มี.ค.เช่นเดียวกับพันธมิตรฯ แม้ว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะไม่อนุญาตให้กลุ่มของนายประชาใช้สถานที่ แต่เมื่อถึงวันสัมมนา ก็ปรากฏว่า มีกลุ่มคนเสื้อแดงมาปักหลักอยู่ที่บริเวณสนามหลวง ตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พูดจายั่วยุ พร้อมปาขวดน้ำเข้าใส่
ต่อมาวันที่ 25 เม.ย. 2551 พันธมิตรฯ ได้จัดสัมมนาที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ อีกครั้ง ปรากฏว่า กลุ่มคนเสื้อแดงได้มาปักหลักที่ฝั่งสนามหลวงใช้เครื่องขยายเสียงด่าทอโจมตีพันธมิตรฯ รวมทั้งขว้างปาข้าวของ ขวดน้ำ ก้อนหิน เข้ามาภายในมหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง จนทำให้นายเสรี อูมา ช่างภาพช่อง 7 ถูกก้อนหินปาที่บริเวณคิ้วจนแตกเลือดไหลอาบเต็มหน้า
ในช่วงกลางคืน วันที่ 25 เม.ย.2551 หลังจากพันธมิตรฯ เลิกสัมมนา ก็ยังมีคนเสื้อแดงมาก่อกวนผู้มาร่วมสัมมนากับพันธมิตรฯ ที่จะเดินทางกลับ ด้วยการปาขวด หิน ใส่กลุ่มพันธมิตรฯ โดยที่เจ้าหน้าที่ได้แต่ยืนคุมเชิงไม่ยอมเข้าระงับเหตุ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย
อีกเหตุการณ์ที่สะท้อนความไร้วุฒิภาวะและนิสัยอันธพาลของแกนนำเสื้อแดง ก็คือเมื่อวันที่ 25 พ.ค.2551 ซึ่งพันธมิตรฯ เริ่มชุมนุมใหญ่ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเป็นจุดเริ่มต้นการชุมนุม 193 วัน ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในช่วงเย็น ซึ่งปรากฏว่า ฝ่ายคนเสื้อแดงได้จัดม็อบมาก่อกวน ขว้างปาก้อนหิน ไม้ สิ่งของต่างๆ ใส่โดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงที่พันธมิตรฯ กำลังเคลื่อนขบวนไปที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงกลางคืน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน โดยที่ตำรวจได้แต่ยืนดู และกลับยิงแก๊สน้ำตาเข้าใสฝั่งพันธมิตรฯ ที่มาคอยกันประชาชนหันพ้นจากหิน
หลังจากนั้น ในช่วงพันธมิตรฯ ปักหลักที่สะพานมัฆวาน ก็ถูกฝ่ายคนเสื้อแดงเข้าไปก่อกวนเป็นระยะๆ รวมทั้งการออกไปจัดเวทีต่างจังหวัดโดยเฉพาะในภาคอีสานและภาคเหนือก็จะถูกฝ่ายคนเสื้อแดงคุกคามทำร้ายร่างกายมาตลอด
ที่สร้างความอัปยศอดสูที่สุดก็คือเหตุการณ์ที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2551 เมื่อชมรมคนรักษ์อุดร ภายใต้การปลุกระดมของนายขวัญชัย ไพรพนา เจ้าของฉายา “ดีเจปากพล่อย” ได้เคลื่อนขบวนมวลชนนับพัน พร้อมอาวุธ มีด ขวาน ไม้กระบอง ท่อนเหล็ก ออกจากตัวเมืองไปยังสวนสาธารณะหนองประจักษ์ที่พันธมิตรฯ กำลังจัดเวทีเตรียมปราศรัย และได้เข้ารุมทำร้ายพันธมิตรฯ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายคน โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถระงับเหตุการณ์ได้ มิหนำซ้ำฝ่ายพันธมิตรฯ ที่ถูกตีจนบาดเจ็บสาหัสต้องเข้าห้องไอซียู คือนางธันยนันท์ จรัสจิรวงศ์ กลับถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายด้วย
ส่วนที่บริเวณสะพานมัฆวานฯ ความถ่อยเถื่อนของคนเสื้อแดงปรากฏชัดที่สุด ในช่วงกลางคืนวันที่ 1 ต่อเนื่องวันที่ 2 ก.ย.2551 เมื่อกลุ่มการ์ดเสื้อแดง ยกขบวนออกจากสนามหลวงไปตามถนนราชดำเนินเพื่อเข้าปะทะกับการ์ดพันธมิตรฯ ที่รักษาความปลอดภัยอยู่บริเวณสะพานมัฆวานฯ โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ขัดขวาง จนทำให้มีเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 34 คน และทำให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ขณะนั้นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
เหล่านี้เป็นเพียงเหตุการณ์ตัวอย่างที่สะท้อนถึงการใช้ความถ่อยเถื่อนคุกคามฝ่ายตรงข้าม ในขณะที่ปากเรียกร้องประชาธิปไตย ของคนในระบอบทักษิณ
ยังไม่รวมเหตุการณ์ที่สะท้อนความอำมหิตของรัฐตำรวจในเหตุการณ์ 7 ต.ค.2551 และการยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่เวทีการชุมนุมของพันธมิตรฯ หลังจากนั้น จนทำให้มีผู้เสียชีวิตร่วม 10 ราย และจนบัดนี้รัฐตำรวจภายใต้ระบอบทักษิณก็ยังไม่มีการไต่สวนเพื่อหาคนผิด