ASTV ผู้จัดการรายวัน-โฆษกตำรวจยันดำเนินคดีม็อบแดงทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมหนุนครูสาว พร้อมสั่งล้อมคอก หวั่นเกิดเหตุปะทะกันอีกวันที่ 29 ก.ย.นี้ "เหลิม"ไอเดียกระฉูด สั่งตำรวจบอกเป็นนโยบาย ม็อบกลุ่มไหนยึดพื้นที่ได้ก่อน ห้ามอีกกลุ่มเข้า รัฐบาลโชว์สองมาตรฐาน เตือนแดงเลี่ยงเผชิญหน้าพันธมิตรฯ แต่ไฟเขียวราวี "มาร์ค"ได้ "ประยุทธ์"สะกิดแดง-เหลือง ตีกันระวังชาติพัง
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะระหว่างกลุ่มคนเสื้อเหลืองและเสื้อแดงบริเวณหน้ากองปราบปรามเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน ได้ชี้แจงว่าดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแต่ละฝ่ายได้แจ้งความรวม 7 คดี โดยกลุ่มเสื้อแดงที่มาให้กำลังใจนางดารุณี กฤตบุญญาลัย แนวร่วมกลุ่ม แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ 5 ราย และรถยนต์ได้รับความเสียหาย 2 คัน ส่วนกลุ่มที่มาให้กำลังใจอดีตอาจารย์โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ได้แจ้งความถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ สน.พหลโยธิน ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่ได้รับจากสื่อมวลชนแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดในเหตุการณ์ดังกล่าวต่อไป โดยพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.สั่งการให้ดำเนินคดีด้วยความยุติธรรมและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
สำหรับกรณีที่สมาคมนักข่าวและนักหนังสือแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์เตือนสื่อมวลชน ขณะปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์รุนแรงนั้น ตนเห็นด้วย โดยเฉพาะกรณีการเสนอข่าว ขอให้หลีกเลี่ยงการนำเสนอข่าวที่ก่อให้เกิดความรุนแรง และขณะปฏิบัติหน้าที่ขอให้ใช้สัญลักษณ์แสดงตัวว่าเป็นสื่อมวลชน เพื่อที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดูแลและป้องกันความปลอดภัยได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เตรียมมาตรการดูแลความปลอดภัยในวันที่ 29 ก.ย.นี้ ที่นัดอดีตอาจารย์โรงเรียนเอกชนเข้ามาให้ปากคำ อย่างไรบ้าง พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา เราไม่ได้ประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไป ในทางการข่าวรายงานว่าจะมีประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายเดินทางมาให้กำลังใจ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีสัญลักษณ์แสดงตัวชัดเจน ประกอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแบ่งพื้นที่ที่ห่างระหว่างคนสองกลุ่มใกล้กันจนเกินไป รวมถึงแกนนำแต่ละฝ่ายควบคุมมวลชนให้อยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมไม่ได้ ดังนั้น วันที่ 29 ก.ย. ขอให้ทุกฝ่ายปรับปรุงการทำงานที่เป็นอุปสรรค เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะต้องร่วมมือกันมากขึ้น รวมถึงทางแกนนำผู้ชุมนุมต้องควบคุมมวลชนให้ได้ และต้องมีการสื่อสารกับมวลชนของตนเองอย่างชัดเจน
ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจต้องมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์รุนแรงได้ เพราะทางกองปราบฯ มีชุดเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามจลาจลอยู่แล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคุมสถานการณ์ไม่ได้ และทำไมไม่แจ้งมา กว่าจะแจ้งมาก็ตอนที่กลุ่มมวลชนทั้ง 2 กลุ่มเริ่มปะทะกันแล้ว กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปได้ช้า ขอยืนยันว่าให้รีบแจ้งเข้ามาโดยเร็ว เพราะปกติกลุ่มผู้ชุมนุมจะไปชุมนุมที่ไหนก็แล้วแต่ เจ้าหน้าที่ต้องไปดูแลอย่างน้อย 1 กองร้อย แต่ครั้งนี้ ถือว่าเป็นบทเรียน ไม่ได้หมายความว่าล้มเหลวในการควบคุมฝูงชน
**"เหลิม"ไอเดียกระฉูดจัดการม็อบ
ที่รร.รอยัล ออคิด เชอราตัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีกลุ่มเสื้อแดงปะทะกับเสื้อเหลืองที่หน้ากองปราบว่า ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน แม้เห็นไม่ตรงกันไม่เป็นไร แต่ต้องคิดว่าเราเป็นคนไทยเหมือนกัน มาทะเลาะกันไม่ดีหรอก ตนบอกตำรวจว่าต่อไปนี้ต้องเข้มงวด โดยอ้างคำสั่งตนเลยว่าถ้ามีกรณีใดก็ตามหากสีเหลืองไปถึงแล้วห้ามสีแดงเข้า ถ้าสีแดงไปถึงแล้วห้ามสีเหลืองเข้า ถ้าเกิดไม่ยอมให้เอากำลังตำรวจมาดูแล อย่าให้เกิดเหตุอย่างนี้อีกเด็ดขาด ผบช.น.ท่านรับทราบแล้ว จากนี้ไปสถานการณ์ใดก็ตามที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมไปเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้ยึดหลักว่า กลุ่มใดไปถึงก่อนต้องได้รับสิทธิ์ในการชุมนุมในบริเวณนั้นก่อน
"บางครั้งตำรวจก็ทำอะไรลำบาก เพราะมองว่าเสื้อแดงคือเพื่อไทยก็ถูกต้อง มองว่าตำรวจคือเพื่อไทยก็ถูกต้อง แต่ว่าบางครั้งถ้าเสื้อแดงไปแล้วไม่ให้เสื้อเหลืองเข้าก็หาว่ากีดกั้น บางครั้งเสื้อเหลืองไปแล้วไม่ให้เสื้อแดงเข้าก็หาว่ากีดกั้น จากนี้ต่อไปให้บอกว่าเป็นคำสั่งของตนที่ถ้าอีกฝ่ายมาถึงก่อนก็ให้วันนั้นสีนั้นอยู่สีอื่นเข้าไม่ได้"
***เพื่อไทยโชว์2มาตรฐาน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์เดียวกันว่า เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศคงไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงอยากให้แกนนำ นปช. และแกนนำพันธมิตรฯ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง เตือนมวลชนของตัวเองให้แสดงออกทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์ด้วยการคำนึงสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคลอื่น โดยเฉพาะมวลชนคนเสื้อแดง ที่แม้จะมีกระแสข่าวว่าบางฝ่ายพยายามยั่วยุสร้างสถานการณ์ก็ขอให้ใช้สติอดทน อดกลั้นให้ถึงที่สุด เพราะวันนี้ พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล หากเกิดเหตุลักษณะนี้ รัฐบาลจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้
"หากผู้ที่ไปต่อว่านางดารุณี กฤตบุญญญาลัย ออกมาขอโทษ หรือไกล่เกลี่ยกับนางดารณี เพื่อให้คดีนี้จบลง จะดีกว่าหรือไม่ แต่วันนี้คู่กรณีของนางดารุณี เป็นใครก็ไม่รู้ อาจจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเลยก็ได้"
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่มวลชนเสื้อแดงตามไปต่อต้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตามสถานที่ต่างๆ นั้น คงไม่สามารถห้ามปรามได้ เพราะคดีนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หากคดีดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็จะขอร้องเสื้อแดงให้ยุติการต่อต้านในส่วนนี้
***"เอกยุทธ"โพสต์ให้กำลังใจครูสาว
นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์"ไทยอินไซเดอร์" โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค"Akeyuth Anchanbutr" ให้กำลังใจครูสาวว่า พวกมีอำนาจทางการเมืองพล่ามผ่านสื่อทาสเงินกันว่า สงสัยว่าผมไปร่วมกับพันธมิตรฯ ได้อย่างไร ก็ต้องขอบอกว่า ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกัน เพียงแต่ไปเจอกันโดยใจบริสุทธิ์เพื่อช่วยประชาชนที่ถูกอำนาจรัฐรังแกก็เท่านั้น แต่น่าแปลกว่าคนมีอำนาจไม่สงสัยหรือว่า ทำไมกลุ่มเสื้อแดงถึงมาดักทำร้ายประชาชนที่เป็นหญิงและคนสูงอายุกัน หรือว่ารู้อยู่แล้วว่าใครส่งมาทำครับ
***ผบ.ทบ.สะกิดอย่าทะเลาะกัน
ที่ ททบ.5พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเหตุการณ์ปะทะระหว่างผู้ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มคนเสื้อเหลือง ที่บริเวณกองปราบปราม จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บว่า ไม่ได้เกี่ยวกับทหาร เป็นเรื่องของสถานการณ์ทั่วไป ทหารอยู่ในกรอบของกฎหมาย การกระทำอะไรก็ตามเป็นเรื่องของกฎหมาย มีอย่างเดียว คือ ห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และมีผลกระทบต่อคนทั้งสองกลุ่ม ไม่ว่าพวกไหน ก็เป็นคนไทยเหมือนกันทั้งคู่ ดังนั้น จะต้องมีความอดทนอดกลั้น หาวิธีการที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหา
“ทุกวันนี้เราถอยหลังไปทะเลาะกันให้มากขึ้นเรื่อยๆ ระวังว่าสักวันมันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่อยากให้บ้านเมืองเสียหายพินาศแบบประเทศอื่นขอให้ช่วยกันเบาๆ ลงหน่อย ลดระดับความรุนแรง ให้คนไทยเกลียดการใช้ความรุนแรง เคารพกฎหมาย เชื่อฟังกัน ความคิดเห็นแตกต่างกันได้ แต่ก็จะต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ แต่ถ้าจะต้องดี และฆ่ากันคงไม่ได้ ขอให้แยกกันให้ออก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างประเทศว่าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมายมาตรา 112 ควรมาจากการริเริ่ม และความเห็นขององคมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไปเกี่ยวอะไรกับองคมนตรี ผมไม่ทราบ ไม่เกี่ยวข้อง หากเป็นเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมไม่มีหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์ หน้าที่ของผมก็คือพิทักษ์ รักษาสถาบันหลักของชาติ อย่างอื่นผมไม่มีความคิดเห็น อย่านำพระองค์ท่านลงมายุ่งเกี่ยว เพราะพระองค์ท่านทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวงแค่นั้นและอย่านำผมไปปะทะกับคนอื่น
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะระหว่างกลุ่มคนเสื้อเหลืองและเสื้อแดงบริเวณหน้ากองปราบปรามเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน ได้ชี้แจงว่าดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแต่ละฝ่ายได้แจ้งความรวม 7 คดี โดยกลุ่มเสื้อแดงที่มาให้กำลังใจนางดารุณี กฤตบุญญาลัย แนวร่วมกลุ่ม แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ 5 ราย และรถยนต์ได้รับความเสียหาย 2 คัน ส่วนกลุ่มที่มาให้กำลังใจอดีตอาจารย์โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ได้แจ้งความถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ สน.พหลโยธิน ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่ได้รับจากสื่อมวลชนแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดในเหตุการณ์ดังกล่าวต่อไป โดยพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.สั่งการให้ดำเนินคดีด้วยความยุติธรรมและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
สำหรับกรณีที่สมาคมนักข่าวและนักหนังสือแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์เตือนสื่อมวลชน ขณะปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์รุนแรงนั้น ตนเห็นด้วย โดยเฉพาะกรณีการเสนอข่าว ขอให้หลีกเลี่ยงการนำเสนอข่าวที่ก่อให้เกิดความรุนแรง และขณะปฏิบัติหน้าที่ขอให้ใช้สัญลักษณ์แสดงตัวว่าเป็นสื่อมวลชน เพื่อที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดูแลและป้องกันความปลอดภัยได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เตรียมมาตรการดูแลความปลอดภัยในวันที่ 29 ก.ย.นี้ ที่นัดอดีตอาจารย์โรงเรียนเอกชนเข้ามาให้ปากคำ อย่างไรบ้าง พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา เราไม่ได้ประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไป ในทางการข่าวรายงานว่าจะมีประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายเดินทางมาให้กำลังใจ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีสัญลักษณ์แสดงตัวชัดเจน ประกอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแบ่งพื้นที่ที่ห่างระหว่างคนสองกลุ่มใกล้กันจนเกินไป รวมถึงแกนนำแต่ละฝ่ายควบคุมมวลชนให้อยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมไม่ได้ ดังนั้น วันที่ 29 ก.ย. ขอให้ทุกฝ่ายปรับปรุงการทำงานที่เป็นอุปสรรค เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะต้องร่วมมือกันมากขึ้น รวมถึงทางแกนนำผู้ชุมนุมต้องควบคุมมวลชนให้ได้ และต้องมีการสื่อสารกับมวลชนของตนเองอย่างชัดเจน
ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจต้องมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์รุนแรงได้ เพราะทางกองปราบฯ มีชุดเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามจลาจลอยู่แล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคุมสถานการณ์ไม่ได้ และทำไมไม่แจ้งมา กว่าจะแจ้งมาก็ตอนที่กลุ่มมวลชนทั้ง 2 กลุ่มเริ่มปะทะกันแล้ว กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปได้ช้า ขอยืนยันว่าให้รีบแจ้งเข้ามาโดยเร็ว เพราะปกติกลุ่มผู้ชุมนุมจะไปชุมนุมที่ไหนก็แล้วแต่ เจ้าหน้าที่ต้องไปดูแลอย่างน้อย 1 กองร้อย แต่ครั้งนี้ ถือว่าเป็นบทเรียน ไม่ได้หมายความว่าล้มเหลวในการควบคุมฝูงชน
**"เหลิม"ไอเดียกระฉูดจัดการม็อบ
ที่รร.รอยัล ออคิด เชอราตัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีกลุ่มเสื้อแดงปะทะกับเสื้อเหลืองที่หน้ากองปราบว่า ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน แม้เห็นไม่ตรงกันไม่เป็นไร แต่ต้องคิดว่าเราเป็นคนไทยเหมือนกัน มาทะเลาะกันไม่ดีหรอก ตนบอกตำรวจว่าต่อไปนี้ต้องเข้มงวด โดยอ้างคำสั่งตนเลยว่าถ้ามีกรณีใดก็ตามหากสีเหลืองไปถึงแล้วห้ามสีแดงเข้า ถ้าสีแดงไปถึงแล้วห้ามสีเหลืองเข้า ถ้าเกิดไม่ยอมให้เอากำลังตำรวจมาดูแล อย่าให้เกิดเหตุอย่างนี้อีกเด็ดขาด ผบช.น.ท่านรับทราบแล้ว จากนี้ไปสถานการณ์ใดก็ตามที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมไปเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้ยึดหลักว่า กลุ่มใดไปถึงก่อนต้องได้รับสิทธิ์ในการชุมนุมในบริเวณนั้นก่อน
"บางครั้งตำรวจก็ทำอะไรลำบาก เพราะมองว่าเสื้อแดงคือเพื่อไทยก็ถูกต้อง มองว่าตำรวจคือเพื่อไทยก็ถูกต้อง แต่ว่าบางครั้งถ้าเสื้อแดงไปแล้วไม่ให้เสื้อเหลืองเข้าก็หาว่ากีดกั้น บางครั้งเสื้อเหลืองไปแล้วไม่ให้เสื้อแดงเข้าก็หาว่ากีดกั้น จากนี้ต่อไปให้บอกว่าเป็นคำสั่งของตนที่ถ้าอีกฝ่ายมาถึงก่อนก็ให้วันนั้นสีนั้นอยู่สีอื่นเข้าไม่ได้"
***เพื่อไทยโชว์2มาตรฐาน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์เดียวกันว่า เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศคงไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงอยากให้แกนนำ นปช. และแกนนำพันธมิตรฯ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง เตือนมวลชนของตัวเองให้แสดงออกทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์ด้วยการคำนึงสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคลอื่น โดยเฉพาะมวลชนคนเสื้อแดง ที่แม้จะมีกระแสข่าวว่าบางฝ่ายพยายามยั่วยุสร้างสถานการณ์ก็ขอให้ใช้สติอดทน อดกลั้นให้ถึงที่สุด เพราะวันนี้ พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล หากเกิดเหตุลักษณะนี้ รัฐบาลจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้
"หากผู้ที่ไปต่อว่านางดารุณี กฤตบุญญญาลัย ออกมาขอโทษ หรือไกล่เกลี่ยกับนางดารณี เพื่อให้คดีนี้จบลง จะดีกว่าหรือไม่ แต่วันนี้คู่กรณีของนางดารุณี เป็นใครก็ไม่รู้ อาจจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเลยก็ได้"
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่มวลชนเสื้อแดงตามไปต่อต้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตามสถานที่ต่างๆ นั้น คงไม่สามารถห้ามปรามได้ เพราะคดีนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หากคดีดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็จะขอร้องเสื้อแดงให้ยุติการต่อต้านในส่วนนี้
***"เอกยุทธ"โพสต์ให้กำลังใจครูสาว
นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์"ไทยอินไซเดอร์" โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค"Akeyuth Anchanbutr" ให้กำลังใจครูสาวว่า พวกมีอำนาจทางการเมืองพล่ามผ่านสื่อทาสเงินกันว่า สงสัยว่าผมไปร่วมกับพันธมิตรฯ ได้อย่างไร ก็ต้องขอบอกว่า ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกัน เพียงแต่ไปเจอกันโดยใจบริสุทธิ์เพื่อช่วยประชาชนที่ถูกอำนาจรัฐรังแกก็เท่านั้น แต่น่าแปลกว่าคนมีอำนาจไม่สงสัยหรือว่า ทำไมกลุ่มเสื้อแดงถึงมาดักทำร้ายประชาชนที่เป็นหญิงและคนสูงอายุกัน หรือว่ารู้อยู่แล้วว่าใครส่งมาทำครับ
***ผบ.ทบ.สะกิดอย่าทะเลาะกัน
ที่ ททบ.5พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเหตุการณ์ปะทะระหว่างผู้ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มคนเสื้อเหลือง ที่บริเวณกองปราบปราม จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บว่า ไม่ได้เกี่ยวกับทหาร เป็นเรื่องของสถานการณ์ทั่วไป ทหารอยู่ในกรอบของกฎหมาย การกระทำอะไรก็ตามเป็นเรื่องของกฎหมาย มีอย่างเดียว คือ ห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และมีผลกระทบต่อคนทั้งสองกลุ่ม ไม่ว่าพวกไหน ก็เป็นคนไทยเหมือนกันทั้งคู่ ดังนั้น จะต้องมีความอดทนอดกลั้น หาวิธีการที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหา
“ทุกวันนี้เราถอยหลังไปทะเลาะกันให้มากขึ้นเรื่อยๆ ระวังว่าสักวันมันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่อยากให้บ้านเมืองเสียหายพินาศแบบประเทศอื่นขอให้ช่วยกันเบาๆ ลงหน่อย ลดระดับความรุนแรง ให้คนไทยเกลียดการใช้ความรุนแรง เคารพกฎหมาย เชื่อฟังกัน ความคิดเห็นแตกต่างกันได้ แต่ก็จะต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ แต่ถ้าจะต้องดี และฆ่ากันคงไม่ได้ ขอให้แยกกันให้ออก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างประเทศว่าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมายมาตรา 112 ควรมาจากการริเริ่ม และความเห็นขององคมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไปเกี่ยวอะไรกับองคมนตรี ผมไม่ทราบ ไม่เกี่ยวข้อง หากเป็นเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมไม่มีหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์ หน้าที่ของผมก็คือพิทักษ์ รักษาสถาบันหลักของชาติ อย่างอื่นผมไม่มีความคิดเห็น อย่านำพระองค์ท่านลงมายุ่งเกี่ยว เพราะพระองค์ท่านทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวงแค่นั้นและอย่านำผมไปปะทะกับคนอื่น